xs
xsm
sm
md
lg

ปีใหม่ของ 'คนไม่มีแผ่นดินจะอยู่'

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล


ผมฟังพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาของประเทศจีนได้ยินว่าในช่วงรอยต่อระหว่างคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 กับวันขึ้นปีใหม่ของปี 2550 อุณหภูมิของกรุงปักกิ่งน่าจะกระโดดลงไปอยู่ที่ประมาณ ลบ 6 องศาเซลเซียส สำหรับชาวปักกิ่งแล้วตัวเลขระดับนี้กลางหน้าหนาวอาจถือว่าเป็นเรื่องปกติ หรืออาจจะอบอุ่นไปเสียด้วยซ้ำ

กระนั้นสำหรับชายวัยใกล้ 60 ชาวไทยผู้คุ้นเคยกับ 'ลมเย็น' ยามเช้าที่กรุงเทพ-เชียงใหม่ หรือชอบบินไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว เมียหนึ่ง ลูกสาม ณ เกาะสิงคโปร์แล้วคงจะเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย ...

หลายวันก่อนผมกับคณะผู้จัดและแฟนๆ รายการเมโทรไลฟ์ ทางคลื่นสามัญประจำบ้าน 97.75 เมกะเฮิร์ตซ์ เพิ่งไปเยือนกำแพงเมืองจีนส่วนปาต๋าหลิงชานกรุงปักกิ่งมา ขณะที่รถบัสของคณะของเรากำลังวิ่งอยู่บนไฮเวย์สายปาต๋าหลิงใกล้จะถึงจุดหมาย ริมไฮเวย์ด้านขวาก็ปรากฎภาพซากของสวนสนุก Wonderland ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ขณะที่ด้านขวาไกลๆ นั้นเป็นทิวทัศน์ Pine Valley Golf Resort & Country Club รีสอร์ทหรู และกอล์ฟคลับที่อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยนาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เป็นที่พำนักระหว่างหลบมาเลียแผลกายและใจ ระหว่างที่ตนเองกลายเป็น 'คนไม่มีแผ่นดินจะอยู่'

หลายคนคงไม่ทราบว่า สวนสนุก Wonderland (沃德兰乐园) และสนามกอล์ฟ Pine Valley (华彬庄园) ชานกรุงปักกิ่งนั้นมีเจ้าของเป็นคนจีนสัญชาติไทยนาม เหยียนปิน!

ชื่อเหยียนปิน (严彬) อาจจะไม่คุ้นหูคนทั่วไป ทว่าสำหรับแฟนพันธุ์แท้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ฯ ของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วหลายคงต้องร้องอ๋อ เพราะชื่อนี้ถูกเปิดโปงเป็นครั้งแรกในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 9 ที่สวนลุมพินี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548

เหยียนปินเป็นชาวจีนแท้ๆ ที่เกิด ณ มณฑลซานตง โตและได้รับการศึกษาโตที่เมืองจีน ก่อนจะมาถือสัญชาติไทยโดยการช่วยเหลือของนักการเมืองใหญ่ของไทยคนหนึ่ง

คุณสนธิ กล่าวไว้ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งที่ 9 ว่า “มีข่าวน่าสงสัยว่าเหยียนปินนี่ได้สัญชาติเพราะสวมหรือเปล่า โดยได้สัญชาติไทยที่ดอยแม่สลอง จ.เชียงราย มีบัตรประชาชนคนไทยด้วยนะ โดยในช่วงแรกอาศัยอยู่กับบ้านผู้สูงอายุคนหนึ่งแล้วทำตัวเป็นบุตรบุญธรรม พอได้สัญชาติไทยซึ่งไม่รู้ว่าได้ยังไง ก็มาทำธุรกิจชื่อบริษัท หัวปิน กรุ๊ป ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว การค้าขายระหว่างประเทศ”

ปี 2538 นายเหยียนปิน กลับไปทำธุรกิจที่เมืองจีนโดยเป็นตัวแทนเครื่องดื่มกระทิงแดง สร้างอาคารหัวปิน กลางมหานครปักกิ่ง ทำสวนสนุก ทำสนามกอล์ฟ และในปี 2548 จากการจัดอันดับของสำนักงานบัญชีที่เซี่ยงไฮ้ ทั้งๆ ที่มีสัญชาติไทยแต่นายเหยียนปินกลับถูกจัดอันดับเป็นเศรษฐีจีนอันดับ 30 โดยมีทรัพย์สินรวมกันถึง 3,500 ล้านหยวน หรือประมาณ 17,500 ล้านบาท

ในช่วง 5 ปีเกือบ 6 ปีที่ระบอบทักษิณครองเมือง บุคคลสองสัญชาติอย่างนายเหยียนปินก็มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมโต๊ะ กอบโกยสมบัติของประเทศไทย บนความทุกข์ยากของประชาชนไทยกับทักษิณ และพรรคไทยรักไทยด้วยไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น โครงการบัตรอีลิทการ์ด กรณีเหมืองโปแตซ โครงการสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่มูลค่า 18,000 ล้านบาท กรณีการที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งย้ายฝ่ายการไปอยู่ที่ตึกกระทิงแดงของนายเหยียนปินโดยเสียค่าเช่าประมาณปีละ 10 ล้านบาท การก้าวเข้ามามีตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และนายโภคิน พลกุล ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

สัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างทักษิณ กับเหยียนปินนั้นนอกจากจะ แสดงให้เห็นผ่านการแบ่งเค้กโครงการสำคัญๆ ของรัฐบาลไทยให้แล้ว ยังแสดงให้เห็นผ่านการไปเยือนสนามกอล์ฟ Pine Valley ด้วย คือ หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยทักษิณต้องไปเยือนสนามกอล์ฟแห่งนี้แทบทุกปีไม่ว่าจะเป็น เดือนกุมภาพันธ์ 2546, เดือนกันยายน 2547, เดือนกรกฎาคม 2548 ระหว่างการไปเป็นประธานเปิดงานครบรอบ 30 ปีการเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ...

ทักษิณไปเยือน Pine Valley บ่อยถึงขนาดที่มีคนร่ำลือกันว่าทักษิณควักกระเป๋าซื้อบ้านตากอากาศ ณ รีสอร์ทแห่งนี้ต่อจากนายเหยียนปินไว้เรียบร้อยแล้ว 2 หลัง!

สหายชาวไทยของผมคนหนึ่งมากระซิบให้ฟังว่าเกือบสองเดือนแล้วที่ทักษิณมาเตร็ดเตร่อยู่ที่ประเทศจีน หลังจากหนีไปซุกตัวอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษได้พักหนึ่งหลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน ทักษิณใช้ที่พำนักในกรุงปักกิ่งเป็นฐานในการพบปะกับลูกพรรคไทยรักไทย และเดินทางเตร็ดเตร่ไปตาม ประเทศ-ภูมิภาคต่างๆ รอบๆ ประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง บาหลี เซินเจิ้น เกาะไหหลำ ฯลฯ รอวันที่ตนเองจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้าประเทศไทย

ลองจินตนาการดูสิครับ จากคนที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยิ่งใหญ่คับประเทศ ไปไหนมาไหนก็มีรถลีมูซีนมารอ มีตำรวจ-ทหาร มาตั้งแถวต้อนรับ มีแต่คนมาเข้าคิวรอพบ ณ วันนี้คนผู้นั้นกลับต้องมาเดินฝ่าความหนาวเหน็บแห่งแดนไกล อยู่อย่างเดียวดาย ... มีบ้านแต่กลับบ้านไม่ได้ ... มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสแต่กลับมิอาจเหยียบแผ่นดินเกิด ... มีญาติพี่น้อง บริวารมากมายแต่ไม่อาจพบ

ถามใคร ใครจะเชื่อว่าคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็มีปีใหม่เช่นนี้กับเขาด้วย!


กำลังโหลดความคิดเห็น