xs
xsm
sm
md
lg

จาก อสมท. ถึง TV ของ I

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

วานนี้หลังจากรับทราบเรื่องการเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ของตัวแทนพนักงานไอทีวีประมาณ 30 คน กรณีสำนักนายกรัฐมนตรีคิดคำนวณค่าปรับที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีต้องจ่ายให้แก่รัฐว่าสูงถึงวันละ 100 ล้านบาท โดยตัวแทนและพนักงานของไอทีวีนั้นต่างพากันสวมเสื้อสีขาวสกรีนข้อความว่า "ช่วยกันรักษาไอทีวี ร่วมกับพวกเรา" ก็ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะต้องนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ออกมา

คุณจาตุรงค์ สุขเอียด ตัวแทนของพนักงานไอทีวีพยายามออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยทบทวน ปรับลดค่าปรับของไอทีวีที่ต้องจ่ายให้ภาครัฐลงเสียหน่อย (โดยยอดค่าปรับล่าสุดนั้นแว่วมาว่าทะลุหลัก แสนล้านบาทเข้าไปแล้ว) ทั้งระบุด้วยว่า เหล่าพนักงานไอทีวีรู้สึกเป็นห่วงต่ออนาคตการทำงานและวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างยิ่ง!

ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสื่อตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ถึงแม้ผมจะไม่ได้เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ หรือ คณะวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งใด แต่ด้วยเหตุผล ตรรกะ ที่วางอยู่บนพื้นฐานของสามัญสำนึกและศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์แล้ว ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือยากแก่การทำความเข้าใจแต่ออย่างใด

พูดตามตรง ในช่วงก่อนหน้านี้ที่พนักงานอสมท. ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีคนในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ และบอร์ด อสมท. เพื่อปกป้องผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์ของพวกตน โดยใช้สโลแกนว่า "หยุดทำร้าย อสมท." ตอนนั้นผมจำได้ว่า เพื่อนๆ พี่ๆ นักข่าวด้วยกันยังคุยกันอยู่เลยว่า พนักงานอสมท. นี่ช่าง 'ใจเสาะ' และ 'เห็นแก่ตัว' เสียจริง ผิดแผกไปจากพนักงานไอทีวีที่เด็ดเดี่ยว และกล้าทำหน้าที่เป็นสื่อตัวแทนของระบอบทักษิณออกมาเดินหน้าชนกับ รัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อย่างไม่เกรงกลัว

ไม่ว่าจะเป็นในช่วงก่อนการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. เช่น การปกป้องผลประโยชน์ให้กับตระกูลชินวัตร-ดามาพงษ์ แก้ต่างให้กับรัฐบาลทักษิณ ละเลยการขุดคุ้ยการทุจริต-คอร์รัปชันของคนในรัฐบาลทักษิณ หรือในช่วงหลังการรัฐประหาร เช่น การนำทีมผู้สื่อข่าวบุกไปถึงประเทศอังกฤษเพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวิตระเหระหนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวในกรุงลอนดอน การให้เวลาสำหรับการนำเสนอข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมาชิกพรรคไทยรักไทยอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ การเสนอข่าวกระแนะกระแหนรัฐบาลและคมช. รวมไปถึงการทำสกู๊ปเจาะลึก (มาก) เรื่องราวของ 'แท็กซี่พลีชีพ' ลุงไพรวัลย์ นวมทองที่ออกมาต่อต้านคณะทหารที่ทำการปฏิวัติจนเสียชีวิต ...

วิธีการทำข่าวเช่นนี้ของพนักงานไอทีวีบ่งชี้ให้เห็นถึงจุดยืนอย่างแน่วแน่ว่าไอทีวี ไม่ได้เป็น 'สื่อโทรทัศน์เสรี' ตามจุดประสงค์ดั้งเดิมของการตั้งสถานีหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 แต่เป็น 'TV ของ I' หรือสื่อที่พร้อมปกป้องผลประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวอย่างเต็มที่

พูดกันอย่างตรงไปตรงมา พวกผมในฐานะสื่อมวลชนและประชาชนส่วนหนึ่งนั้นพอจะทำใจได้กับตรรกะการดำเนินกิจการของ 'TV ของ I' เช่นนี้ เพราะเข้าใจดีว่า เจตนารมย์ของไอทีวี นั้นถูกบิดเบือนไปตั้งแต่แรกแล้วหลังจากที่รัฐบาลในช่วงหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปล่อยให้มีการเปิดประมูลสัมปทานไอทีวี ทำให้สุดท้ายไอทีวีต้องตกอยู่ในการครอบครองของบริษัทเอกชนซึ่งก็คือ ชินคอร์ป ที่ในเวลาต่อมาถูกขายต่อให้กับเทมาเส็ก ทุนสิงคโปร์อีกต่อ

และจะกล่าวไป การที่เจ้าของไอทีวีจะใช้ไอทีวีเป็นเครื่องปกป้องผลประโยชน์ให้ตนเองก็ไม่เห็นแปลก เพราะ ทั้งชินคอร์ปและเทมาเส็กต่างก็ทำธุรกิจ พวกเขาต่างก็เป็นนักแสวงหากำไรสูงสุด พวกเขาเป็นเจ้าของ และพวกเขามีภาระต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่รัฐ จ่ายเงินเดือน-ผลตอบแทนให้กับพนักงานและผู้ถือหุ้น ซึ่งผิดไปจากกรณี อสมท. ที่ผู้บริหารและพนักงานนั้นทำตัวเป็น 'อีแอบ' คือ พยายามตักตวงผลประโยชน์ของชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านผลประโยชน์ในคลื่นความถี่ สัมปทานวิทยุ สัมปทานโทรทัศน์ ฯลฯ อย่างหน้าด้านๆ

แต่ที่พวกผมรับไม่ได้อย่างรุนแรงก็คือ การที่ ณ วันนี้ พนักงานไอทีวีออกมาเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกัน 'รักษาไอทีวี' ทั้งๆ ที่ไอทีวีไม่ได้เป็นของรัฐ ของประชาชน หรือไม่แต่ของคนไทยเสียด้วยซ้ำ!!!

พนักงานไอทีวีเหมือนจะไม่สำเหนียกถึงสถานะของตัวเองว่า เป็นพนักงานบริษัทเอกชน เป็นสื่อมวลชนในหน่วยงานเอกชนที่มีจุดประสงค์ในการแสวงหากำไรสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น มิใช่องค์กรสื่อในความควบคุมของรัฐที่มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์สูงสุดให้กับสังคม ...

หากพนักงานไอทีวีจะโต้แย้งว่า ตนเองมีจิตสำนึกของการเป็นสื่อมวลชนที่รับใช้สังคมอย่างเต็มเปี่ยม และต้องการจะประกอบวิชาชีพนี้ต่อไป ผมก็ต้องตอบกลับว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกคุณก็ควรจะลาออกจากไอทีวีได้เสียนานแล้ว เพราะสื่อมวลชนไอทีวีในช่วงเวลาเกือบ 6 ปีที่ทักษิณครองเมืองไม่เคยปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน รวมทั้งไม่เคยขุดคุ้ยเรื่องทุจริต-ประพฤติมิชอบของรัฐบาลทักษิณแม้แต่เรื่องเดียว

มากกว่านั้นตัวบริษัทไอทีวีเองก็เอาเปรียบรัฐมาตลอด ด้วยการจ่ายค่าสัมปทานน้อยกว่าความเป็นจริง ทั้งยังละเมิดสัญญาด้วยการเปลี่ยนผังรายการของตนเองโดยพละการ คือ จากเดิมที่ไอทีวีจะต้องเสนอรายการข่าว-สาระต่อรายการบันเทิง ในสัดส่วน 70-30 ในยุครัฐบาลทักษิณ พวกคุณกลับปรับเปลี่ยนสัดส่วนดังกล่าวเป็น 50-50 ทั้งยังละเมิดสัญญา คือ แทนที่ในช่วงหัวค่ำ-ไพรม์ไทม์ ไอทีวีจะนำเสนอข่าว-เรื่องราวที่เป็นสาระ กลับนำเวลาช่วงนี้ไปเสนอรายการบันเทิงเพื่อที่จะหาโฆษณาได้มากๆ อีกด้วย

จริงๆ พนักงานของไอทีวีไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องมากังวลเรื่องค่าปรับ-ค่าสัมปทานที่บริษัทจะต้องจ่ายให้กับรัฐ เพราะนั่นเป็นเรื่องของเจ้าของบริษัทไอทีวี เรื่องของเทมาเส็กที่เขาจะต้องมาเจรจากับรัฐบาล กระโดดลงมาจัดการเรื่องนี้

ด้วยเหตุนี้ การออกมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมของพนักงานไอทีวีให้รัฐบาลช่วยลดค่าปรับ ทำเอาคนไทยทั่วไปที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบทางตรงจากกรณีค่าสัมปทานของไอทีวีอดสงสัยไม่ได้ว่า พนักงานไอทีวีพยายามออกมาเรียกร้อง-ปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนในเรื่องของการขึ้นเงินเดือน หรือโบนัสปลายปีหรือไม่?

ข้อสงสัยในประเด็นนี้ผมอาจตอบแทนเพื่อนสื่อมวลชนด้วยกันได้ว่า คงไม่ใช่ เพราะ สื่อมวลชนตัวจริงที่อยู่ในไอทีวีคงไม่คิดแต่เรื่องชั่วๆ มัวแต่นั่งนับเงินในกระเป๋าของตนเองเป็นแน่

ต่อข้อสงสัยจากประชาชนที่ว่า ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น หรือพนักงานไอทีวีกำลังพยายามช่วยเหลือผู้บริหารในการต่อรองลดค่าปรับจำนวนแสนล้านให้เหลือน้อยลงหรือไม่?

สำหรับข้อสงสัยนี้ผมก็อาจจะตอบแทนเพื่อนสื่อมวลชนด้วยกันได้เช่นกันว่า คงไม่มีสื่อมวลชนหรือพนักงานไอทีวีคนใดที่กล้าคิดบัดซบ และกระทำเรื่องจัญไรขนาดขายจิตวิญญาณ ยอมกระโดดลงมาปกป้องผลประโยชน์ของคนต่างชาติ และคิดคดทรยศคนไทยด้วยกันดอก

จริงไหม ... เพื่อนๆ สื่อมวลชนชาวไอทีวี?
กำลังโหลดความคิดเห็น