หากมีใครถามผมว่ารู้สึกอย่างไรต่อการจากไปของ คุณนวมทอง ไพรวัลย์ 'แท็กซี่พลีชีพ' ผู้ยอมสละชีวิตของตัวเองด้วยวิธีอัตวินิบาตกรรมในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ต่อเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ณ ราวสะพานลอยแห่งหนึ่งที่ทอดข้ามถนนวิภาวดีรังสิต
ผมก็คงต้องตอบว่า "ผมรู้สึกเสียใจและเสียดายไปพร้อมๆ กัน ..."
ประการแรก ผมย่อมรู้สึกเสียใจกับการจากไปของชีวิตหนึ่งๆ ไม่ว่าชีวิตนั้นจะเป็นพืช เป็นสัตว์ หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ อย่าว่าแต่ชีวิตของบุคคลที่เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองอันบริสุทธิ์แล้วเขายอมสละแม้ชีวิตตัวเอง การสละชีวิตเช่นนี้ย่อมกระตุ้นให้ส่วนลึกของจิตใจผู้คนรู้สึกเศร้าโศกเสียใจง่ายดายยิ่งขึ้นไปอีก
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่ค่อยจะสนใจนักกับคำครหาที่กล่าวว่าคุณนวมทอง "ถูกยุให้พลีชีพ", "ตายตามใบสั่ง" ฯลฯ เพราะผมเชื่อว่าชีวิตใครๆ ก็รัก ชีวิตใครๆ ก็หวง อย่าว่าแต่ชีวิตตัวเองเลย แม้แต่ชีวิตคนในครอบครัว-เพื่อนฝูง ถ้ามีโอกาสมีกำลังที่สามารถจะปกป้องเอาไว้ได้ ใครๆ ก็อยากจะปกป้อง
อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าในสังคมพุทธจะมี คนเลวทราม ต่ำช้า จิตใจสกปรก และบัดซบ ถึงขนาดยอมตัดใจ สั่ง/ยุให้คนๆ หนึ่งไปตายได้ หรือถ้าจะมีคนๆ นั้นหรือคนกลุ่มนั้นก็คงไม่ใช่คน ยิ่งเป็นผู้ที่หวังจะเอาชื่อ-เอาชีวิตของผู้ตายมาเซ่นสรวง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือเพื่อตอบสนองจุดมุ่งหมายทางการเมืองอันจอมปลอมของตัวเองด้วยแล้วผู้นั้นยิ่งไม่อาจนับเป็นคนได้!
ประการที่สอง ผมรู้สึกเสียใจกับบรรดาแกนนำคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) ที่ต่อมากลายสภาพเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียใจแทน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก และอดีตผู้ช่วยโฆษก คปค. ที่เคยออกมากล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้ที่นายนวมทองจะพลีชีพเพื่อเป็นการประชด หรือต่อต้าน คปค."
เพราะ ณ วันนี้ "แท็กซี่พลีชีพ" ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาใจถึงจริงและพร้อมพลีชีพจริง!
ถ้าผมและประชาชนรู้สึกใจหายและเสียใจกับการจากไปของคุณนวมทอง ท่านโฆษกกองทัพบกก็คงรู้สึกใจหายและเสียใจยิ่งกว่าพวกเรา มิฉะนั้นท่านคงไม่แสดงความเป็นลูกผู้ชายประกาศที่จะขอขมาต่อดวงวิญญาณของคุณนวมทอง
ในส่วนของความรู้สึกเสียใจที่ผมมีต่อ แกนนำ คมช. นั้นคงต้องบอกว่า เป็นความรู้สึกเสียใจที่หนักหนากว่าที่ให้กับคุณนวมทอง และ พ.อ.อัคร มากนัก เพราะความเสียใจดังกล่าว เกี่ยวพันกับตัวผม ชะตาชีวิตของคนในสังคม และอนาคตของประเทศชาติในองค์รวม ...
ทั้งนี้เมื่อได้ยินคนในรัฐบาล และคมช. เปรยว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ของคุณนวมทองจะไม่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะรัฐบาลและคมช.นั้นแก้ปัญหาด้วยเหตุ ด้วยผล ยืนบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ก็ทำให้ผมความรู้สึกเสียใจของผมถูกเสริมเพิ่มด้วย "ความเสียดาย"
ในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ภายหลังการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดตามตรงว่า ผลงานของ คมช.ในสายตาของสื่อมวลชนและประชาชนนั้นถือว่าได้ 'สอบตก' ประมาณว่าหากให้เกรดกัน คมช. ก็คงได้ F!
แกนนำคมช.ทั้งหลาย โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินและพล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาฯ คมช. ครับ ท่านมิอาจปฏิเสธได้ว่า ผลทุกผลย่อมมีเหตุเป็นตัวชักนำ เปรียบได้กับหากทักษิณและพรรคพวกไม่ประพฤติชั่ว กินบ้านโกงเมือง แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก หมิ่นสถาบันกษัตริย์ ประชาชนก็คงไม่ออกมาเดินขบวนขับไล่ และถ้าไม่มีการขับไล่ของประชาชน พวกท่านก็คงไม่อาจจับปืน ลากรถถังออกมาทำรัฐประหารได้อย่างราบรื่น ...
เช่นกันกับกรณีของคุณนวมทอง ย่อมมี 'เหตุ' ที่ชักนำให้คุณนวมทองต้องขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อประท้วงคปค.เมื่อวันที่ 30 ก.ย. และในที่สุดการทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา คปค. หรือ คมช. และรัฐบาล ได้ปล่อย 'โอกาสทอง' ในการแก้ไขความผิดพลาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกได้ทำไว้ให้หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เช่นเดียวกับการปล่อยให้ชีวิตของ คุณนวมทอง ไพรวัลย์ ประชาชนผู้ไม่รู้เล่ห์กลของ 'ระบอบทักษิณ' และหลงเชิดชูในระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ต้องหลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเช่นกัน
ที่ผ่านมาเมื่อสื่อหนังสือพิมพ์และประชาชนผู้หวังดีออกมาพร่ำเตือน ชี้จุดบกพร่อง ในการทำงานของคมช. แม้พวกท่านเหมือนว่าจะรับฟัง แต่กลับไม่นำพาสักนิด!!!
1.ทักษิณเป็นผู้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง
2.ทักษิณเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง
3.ทักษิณเป็นผู้มีพฤติกรรมแทรกแซงอำนาจขององค์กรอิสระ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หรือแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้ลุล่วงไปได้
4.การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบางโอกาสของทักษิณ หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนชาวไทย ...
ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาแม้สื่อมวลชนและประชาชนจะเรียกร้อง จนแทบจะตะโกนใส่รูหูให้แกนนำคมช.ออกมาชี้แจง เหตุผลในการทำรัฐประหาร 4 ข้อ ให้สาธารณชนได้รับรู้ ได้กระจ่างแจ้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบแม้สักน้อย จะมีก็แต่เพียงการออกมารำดาบขู่ฟ่อๆ หรือการออกมาให้ข่าวที่ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรมากนัก และยิ่งไม่เพียงพอต่อการอธิบายเหตุผลในการทำรัฐประหารอย่างเป็นรูปธรรม
สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ (ฟรีทีวี) ที่เชื่อกันกว่าเข้าถึงประชาชนกว่าร้อยละ 85-90 ของประเทศ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมากลับไม่ถูกปรับเปลี่ยนอะไรให้เข้ากับสถานการณ์การแก้ไขปัญหาของชาติ จัดการกับคนคดโกงแม้สักนิด ....
Knowledge is Power
ความรู้ คือ อำนาจ
จากวลีอมตะนี้ จริงๆ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาญฉลาดทั้งหลายใน คมช.และรัฐบาล ก็น่าจะสำเหนียกเช่นกันว่า สำหรับผู้ที่มีความรู้ "ความไม่รู้" เป็นเหยื่ออันโอชะขนาดไหน ที่จะนำพา 'ผู้รู้' ไปสู่บัลลังก์แห่งอำนาจ ยิ่ง 'ผู้รู้' ผู้นั้นกอปรด้วย "เงินทอง" แล้วความน่ากลัวยิ่งเพิ่มเป็นร้อยเท่าทวีคูณ
ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามชังน้ำตาลก็ว่าขม
แกนนำ คมช. ทั้งหลาย พวกท่านจงรับทราบไว้เถอะครับว่า วันเวลาแห่งการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคณะปฏิรูปฯ กับประชาชนใกล้หมดลงแล้ว ถ้าหากพวกท่านยังปฏิบัติตัว ยังปฏิบัติงาน ยังบริหารแผ่นดินเช่นนี้อยู่ ยังปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ยังปล่อยให้ความเน่าเฟะของระบอบทักษิณยังฝังรากลึก ยังแสดงความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ ยังปล่อยให้ "ความไม่รู้" ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศดำรงอยู่ ดอกกุหลาบไร้หนามที่พวกท่านเคยรับในวันรัฐประหารจะกลายเป็น ก้อนหิน-ก้อนอิฐ ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
... และเมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้พวกท่านจะพยายามอธิบายว่า ที่ผ่านมาพวกท่านมีเหตุ มีผล มีจุดมุ่งหมาย มีจิตเจตนาดีอย่างไร ทุกอย่างก็จะกลับกลายเป็นสิ่งที่มาสายเกินไป
ผมก็คงต้องตอบว่า "ผมรู้สึกเสียใจและเสียดายไปพร้อมๆ กัน ..."
ประการแรก ผมย่อมรู้สึกเสียใจกับการจากไปของชีวิตหนึ่งๆ ไม่ว่าชีวิตนั้นจะเป็นพืช เป็นสัตว์ หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ อย่าว่าแต่ชีวิตของบุคคลที่เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองอันบริสุทธิ์แล้วเขายอมสละแม้ชีวิตตัวเอง การสละชีวิตเช่นนี้ย่อมกระตุ้นให้ส่วนลึกของจิตใจผู้คนรู้สึกเศร้าโศกเสียใจง่ายดายยิ่งขึ้นไปอีก
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่ค่อยจะสนใจนักกับคำครหาที่กล่าวว่าคุณนวมทอง "ถูกยุให้พลีชีพ", "ตายตามใบสั่ง" ฯลฯ เพราะผมเชื่อว่าชีวิตใครๆ ก็รัก ชีวิตใครๆ ก็หวง อย่าว่าแต่ชีวิตตัวเองเลย แม้แต่ชีวิตคนในครอบครัว-เพื่อนฝูง ถ้ามีโอกาสมีกำลังที่สามารถจะปกป้องเอาไว้ได้ ใครๆ ก็อยากจะปกป้อง
อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าในสังคมพุทธจะมี คนเลวทราม ต่ำช้า จิตใจสกปรก และบัดซบ ถึงขนาดยอมตัดใจ สั่ง/ยุให้คนๆ หนึ่งไปตายได้ หรือถ้าจะมีคนๆ นั้นหรือคนกลุ่มนั้นก็คงไม่ใช่คน ยิ่งเป็นผู้ที่หวังจะเอาชื่อ-เอาชีวิตของผู้ตายมาเซ่นสรวง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์หรือเพื่อตอบสนองจุดมุ่งหมายทางการเมืองอันจอมปลอมของตัวเองด้วยแล้วผู้นั้นยิ่งไม่อาจนับเป็นคนได้!
ประการที่สอง ผมรู้สึกเสียใจกับบรรดาแกนนำคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) ที่ต่อมากลายสภาพเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียใจแทน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก และอดีตผู้ช่วยโฆษก คปค. ที่เคยออกมากล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้ที่นายนวมทองจะพลีชีพเพื่อเป็นการประชด หรือต่อต้าน คปค."
เพราะ ณ วันนี้ "แท็กซี่พลีชีพ" ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาใจถึงจริงและพร้อมพลีชีพจริง!
ถ้าผมและประชาชนรู้สึกใจหายและเสียใจกับการจากไปของคุณนวมทอง ท่านโฆษกกองทัพบกก็คงรู้สึกใจหายและเสียใจยิ่งกว่าพวกเรา มิฉะนั้นท่านคงไม่แสดงความเป็นลูกผู้ชายประกาศที่จะขอขมาต่อดวงวิญญาณของคุณนวมทอง
ในส่วนของความรู้สึกเสียใจที่ผมมีต่อ แกนนำ คมช. นั้นคงต้องบอกว่า เป็นความรู้สึกเสียใจที่หนักหนากว่าที่ให้กับคุณนวมทอง และ พ.อ.อัคร มากนัก เพราะความเสียใจดังกล่าว เกี่ยวพันกับตัวผม ชะตาชีวิตของคนในสังคม และอนาคตของประเทศชาติในองค์รวม ...
ทั้งนี้เมื่อได้ยินคนในรัฐบาล และคมช. เปรยว่า เชื่อว่าเหตุการณ์ของคุณนวมทองจะไม่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะรัฐบาลและคมช.นั้นแก้ปัญหาด้วยเหตุ ด้วยผล ยืนบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ก็ทำให้ผมความรู้สึกเสียใจของผมถูกเสริมเพิ่มด้วย "ความเสียดาย"
ในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ภายหลังการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดตามตรงว่า ผลงานของ คมช.ในสายตาของสื่อมวลชนและประชาชนนั้นถือว่าได้ 'สอบตก' ประมาณว่าหากให้เกรดกัน คมช. ก็คงได้ F!
แกนนำคมช.ทั้งหลาย โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินและพล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาฯ คมช. ครับ ท่านมิอาจปฏิเสธได้ว่า ผลทุกผลย่อมมีเหตุเป็นตัวชักนำ เปรียบได้กับหากทักษิณและพรรคพวกไม่ประพฤติชั่ว กินบ้านโกงเมือง แทรกแซงองค์กรอิสระ ทำให้สังคมเกิดความแตกแยก หมิ่นสถาบันกษัตริย์ ประชาชนก็คงไม่ออกมาเดินขบวนขับไล่ และถ้าไม่มีการขับไล่ของประชาชน พวกท่านก็คงไม่อาจจับปืน ลากรถถังออกมาทำรัฐประหารได้อย่างราบรื่น ...
เช่นกันกับกรณีของคุณนวมทอง ย่อมมี 'เหตุ' ที่ชักนำให้คุณนวมทองต้องขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อประท้วงคปค.เมื่อวันที่ 30 ก.ย. และในที่สุดการทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา คปค. หรือ คมช. และรัฐบาล ได้ปล่อย 'โอกาสทอง' ในการแก้ไขความผิดพลาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกได้ทำไว้ให้หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เช่นเดียวกับการปล่อยให้ชีวิตของ คุณนวมทอง ไพรวัลย์ ประชาชนผู้ไม่รู้เล่ห์กลของ 'ระบอบทักษิณ' และหลงเชิดชูในระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ต้องหลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับเช่นกัน
ที่ผ่านมาเมื่อสื่อหนังสือพิมพ์และประชาชนผู้หวังดีออกมาพร่ำเตือน ชี้จุดบกพร่อง ในการทำงานของคมช. แม้พวกท่านเหมือนว่าจะรับฟัง แต่กลับไม่นำพาสักนิด!!!
1.ทักษิณเป็นผู้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง
2.ทักษิณเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง
3.ทักษิณเป็นผู้มีพฤติกรรมแทรกแซงอำนาจขององค์กรอิสระ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หรือแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้ลุล่วงไปได้
4.การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองบางโอกาสของทักษิณ หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชนชาวไทย ...
ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาแม้สื่อมวลชนและประชาชนจะเรียกร้อง จนแทบจะตะโกนใส่รูหูให้แกนนำคมช.ออกมาชี้แจง เหตุผลในการทำรัฐประหาร 4 ข้อ ให้สาธารณชนได้รับรู้ ได้กระจ่างแจ้ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบแม้สักน้อย จะมีก็แต่เพียงการออกมารำดาบขู่ฟ่อๆ หรือการออกมาให้ข่าวที่ไม่มีนัยยะสำคัญอะไรมากนัก และยิ่งไม่เพียงพอต่อการอธิบายเหตุผลในการทำรัฐประหารอย่างเป็นรูปธรรม
สื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ (ฟรีทีวี) ที่เชื่อกันกว่าเข้าถึงประชาชนกว่าร้อยละ 85-90 ของประเทศ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ในช่วงเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมากลับไม่ถูกปรับเปลี่ยนอะไรให้เข้ากับสถานการณ์การแก้ไขปัญหาของชาติ จัดการกับคนคดโกงแม้สักนิด ....
Knowledge is Power
ความรู้ คือ อำนาจ
จากวลีอมตะนี้ จริงๆ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ชาญฉลาดทั้งหลายใน คมช.และรัฐบาล ก็น่าจะสำเหนียกเช่นกันว่า สำหรับผู้ที่มีความรู้ "ความไม่รู้" เป็นเหยื่ออันโอชะขนาดไหน ที่จะนำพา 'ผู้รู้' ไปสู่บัลลังก์แห่งอำนาจ ยิ่ง 'ผู้รู้' ผู้นั้นกอปรด้วย "เงินทอง" แล้วความน่ากลัวยิ่งเพิ่มเป็นร้อยเท่าทวีคูณ
ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามชังน้ำตาลก็ว่าขม
แกนนำ คมช. ทั้งหลาย พวกท่านจงรับทราบไว้เถอะครับว่า วันเวลาแห่งการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคณะปฏิรูปฯ กับประชาชนใกล้หมดลงแล้ว ถ้าหากพวกท่านยังปฏิบัติตัว ยังปฏิบัติงาน ยังบริหารแผ่นดินเช่นนี้อยู่ ยังปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ยังปล่อยให้ความเน่าเฟะของระบอบทักษิณยังฝังรากลึก ยังแสดงความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจ ยังปล่อยให้ "ความไม่รู้" ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศดำรงอยู่ ดอกกุหลาบไร้หนามที่พวกท่านเคยรับในวันรัฐประหารจะกลายเป็น ก้อนหิน-ก้อนอิฐ ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
... และเมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้พวกท่านจะพยายามอธิบายว่า ที่ผ่านมาพวกท่านมีเหตุ มีผล มีจุดมุ่งหมาย มีจิตเจตนาดีอย่างไร ทุกอย่างก็จะกลับกลายเป็นสิ่งที่มาสายเกินไป