แม้ทักษิณจะลี้ภัยชั่วคราวอยู่อังกฤษ และหาทางดิ้นรนขอกลับเข้ามา เพราะรู้ว่ายังพอมีซากเดนของพรรคพวกอยู่ในตำแหน่งแหล่งที่จะช่วยเหลือได้อีกมาก
อีกทั้งยังต้องเข้ามาพิทักษ์ทรัพย์สินของตัวเอง เพราะไม่แน่ใจว่าจะโดนยึดไปอีกกี่มากน้อย ยิ่งมีลูกโอ๊คซึ่งไม่มีแววว่าจะทำมาหากินทางใดได้เป็นกิจจะลักษณะ เงินทองอาจถูกปอกลอกเพราะเพื่อนแต่ละคนก็ดูจะกะเลวกะรากเป็นส่วนใหญ่ ไม่ก็อาจโดนลอกคราบโดยแฟนประเภทดาราเขี้ยวๆ ทั้งนั้น
แถมพจมานแห่งบ้านทรายทอง นั่นก็เหนียวหนึบเป็นตังเมพอกัน ทำให้ทักษิณต้องดิ้นสุดฤทธิ์สุดเดช เข้ามาพิทักษ์ทรัพย์ตัวเองโดยเร็ว
แต่ว่าปัจจัยต่างๆ มันไม่อำนวย
ขืนเข้ามาจะยุ่งครับ
พรรคพวกที่ฝังตัวอยู่ในระบอบทักษิณส่วนหนึ่งก็อยู่ในบรรดาบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ นั่นแหละ
เช่น พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ คนนึงละ เคยอยู่ใน ปปช.ชุดที่เคยก่อวีรเวรขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองมาแล้ว ซึ่งมีความผิดเพราะว่ามันผิดระเบียบครับ
และมีโทษอาญา ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไปพลางก่อน
พล.ต.ท.วิเชียรโชตินี้ท่านไปนั่งปั้นจิ้ม อมยิ้มแก้มตุ่ยอยู่เป็นกรรมการธนาคารกรุงไทย ซึ่งคนถูกพิพากษาจำคุก กลับได้ดีเพราะแม้วดันให้ไปนั่งแก้มตุ่ยได้หน้าด้านดีแท้
คนตั้งก็ฮ่วยแตกสิ้นดี คนตั้งก็ไม่ใช่ใคร คือปลัดคลังนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ซึ่งสงสัยว่าอาจได้ใบสั่งจากแม้ว ซึ่งเป็นนายกฯ ขณะนั้นก็ได้
นอกจากนั้น ยังมีนายวิสุทธิ์ มนตรีวัต ใกล้ชิดกับรัฐบาลไปนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินแทนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา แต่ทนกระแสต้านไม่ไหว จึงลาออก แต่ทักษิณปลอบใจให้ไปเป็นบอร์ดธนาคารกรุงไทย
เพื่อให้รู้ว่า ซากเดนทรราชอยู่ไหนอีก ทางกระทรวงการคลังจะเช็คบิลดูว่ามีใครไปนั่งอยู่ในบอร์ดไหนควบเกิน 3 ตำแหน่งหรือเปล่า
ถ้ามีจะได้อัปเปหิ ออกเสีย
ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นงานใครเป็นการส่วนตัว แต่ดูว่ามันกระทบงานประจำหรือเปล่า เพราะเวลานี้เดินสายประชุมบอร์ดรับทรัพย์เละ จนเวลาทำงานแทบไม่มี แถมบางรายไปทุ่มเททำงานให้รัฐวิสาหกิจมากกว่างานประจำก็มี
ในรอบ 5 ปี ที่ครองอำนาจ ทักษิณลุแก่อำนาจส่งพรรคพวกเข้าไปจัดสรรผลประโยชน์ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ อยู่หลายแห่ง ยิ่งที่ไหนมีการจัดซื้อจัดจ้างมูลค่ามหาศาล จะจ้องตาเป็นมันเหมือนคนหิวโซทีเดียว
เช่น การบินไทยนี่ชอบมาก เพราะซื้อเครื่องบิน และเรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าภูมิภาค การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นอาทิ
นายศิริชัย ไม้งาม ชี้ว่า สมัยทักษิณ ได้จัดวางคนเป็นเครือข่ายไว้มากในตำแหน่งสำคัญๆ ตามรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของรัฐมาสู้เอกชนในเครือข่ายของตัวเอง เช่น บางอย่างแปรรูปไปแล้วแทนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์กลับให้คนหรือพรรคพวกมาเป็นเจ้าของโดยครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เช่น กรณี ปตท.เห็นชัดมาก และทำอย่างน่าเกลียดและทุเรศมาก
นอกจากนี้การประชุม ครม.นัดแรก ได้มีการอนุมัติให้คณะกรรมการต่างๆ ที่ ครม.ชุดเดิมตั้งไว้ 293 คณะปฏิบัติไว้ก่อน จนถึง 30 พ.ย. 49 หลังจากนั้นก็จะทบทวนกันใหม่
ครับ... รากเหง้าของซากเดนพรรคพวกทักษิณที่แฝงเร้นอยู่คงจะรอเจ้านายกลับมา
และคงจะสงบอยู่เพื่อรอให้ตั้งหลักกันให้ได้
ไว้เจ้านายกลับเข้ามาก่อน
จะได้เคลื่อนไหวกันใหม่ และคงจะคึกคักขึ้น
ของแบบนี้ ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว
อีกทั้งยังต้องเข้ามาพิทักษ์ทรัพย์สินของตัวเอง เพราะไม่แน่ใจว่าจะโดนยึดไปอีกกี่มากน้อย ยิ่งมีลูกโอ๊คซึ่งไม่มีแววว่าจะทำมาหากินทางใดได้เป็นกิจจะลักษณะ เงินทองอาจถูกปอกลอกเพราะเพื่อนแต่ละคนก็ดูจะกะเลวกะรากเป็นส่วนใหญ่ ไม่ก็อาจโดนลอกคราบโดยแฟนประเภทดาราเขี้ยวๆ ทั้งนั้น
แถมพจมานแห่งบ้านทรายทอง นั่นก็เหนียวหนึบเป็นตังเมพอกัน ทำให้ทักษิณต้องดิ้นสุดฤทธิ์สุดเดช เข้ามาพิทักษ์ทรัพย์ตัวเองโดยเร็ว
แต่ว่าปัจจัยต่างๆ มันไม่อำนวย
ขืนเข้ามาจะยุ่งครับ
พรรคพวกที่ฝังตัวอยู่ในระบอบทักษิณส่วนหนึ่งก็อยู่ในบรรดาบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ นั่นแหละ
เช่น พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ คนนึงละ เคยอยู่ใน ปปช.ชุดที่เคยก่อวีรเวรขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองมาแล้ว ซึ่งมีความผิดเพราะว่ามันผิดระเบียบครับ
และมีโทษอาญา ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญาไปพลางก่อน
พล.ต.ท.วิเชียรโชตินี้ท่านไปนั่งปั้นจิ้ม อมยิ้มแก้มตุ่ยอยู่เป็นกรรมการธนาคารกรุงไทย ซึ่งคนถูกพิพากษาจำคุก กลับได้ดีเพราะแม้วดันให้ไปนั่งแก้มตุ่ยได้หน้าด้านดีแท้
คนตั้งก็ฮ่วยแตกสิ้นดี คนตั้งก็ไม่ใช่ใคร คือปลัดคลังนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ซึ่งสงสัยว่าอาจได้ใบสั่งจากแม้ว ซึ่งเป็นนายกฯ ขณะนั้นก็ได้
นอกจากนั้น ยังมีนายวิสุทธิ์ มนตรีวัต ใกล้ชิดกับรัฐบาลไปนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินแทนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา แต่ทนกระแสต้านไม่ไหว จึงลาออก แต่ทักษิณปลอบใจให้ไปเป็นบอร์ดธนาคารกรุงไทย
เพื่อให้รู้ว่า ซากเดนทรราชอยู่ไหนอีก ทางกระทรวงการคลังจะเช็คบิลดูว่ามีใครไปนั่งอยู่ในบอร์ดไหนควบเกิน 3 ตำแหน่งหรือเปล่า
ถ้ามีจะได้อัปเปหิ ออกเสีย
ทั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นงานใครเป็นการส่วนตัว แต่ดูว่ามันกระทบงานประจำหรือเปล่า เพราะเวลานี้เดินสายประชุมบอร์ดรับทรัพย์เละ จนเวลาทำงานแทบไม่มี แถมบางรายไปทุ่มเททำงานให้รัฐวิสาหกิจมากกว่างานประจำก็มี
ในรอบ 5 ปี ที่ครองอำนาจ ทักษิณลุแก่อำนาจส่งพรรคพวกเข้าไปจัดสรรผลประโยชน์ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ อยู่หลายแห่ง ยิ่งที่ไหนมีการจัดซื้อจัดจ้างมูลค่ามหาศาล จะจ้องตาเป็นมันเหมือนคนหิวโซทีเดียว
เช่น การบินไทยนี่ชอบมาก เพราะซื้อเครื่องบิน และเรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าภูมิภาค การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นอาทิ
นายศิริชัย ไม้งาม ชี้ว่า สมัยทักษิณ ได้จัดวางคนเป็นเครือข่ายไว้มากในตำแหน่งสำคัญๆ ตามรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของรัฐมาสู้เอกชนในเครือข่ายของตัวเอง เช่น บางอย่างแปรรูปไปแล้วแทนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์กลับให้คนหรือพรรคพวกมาเป็นเจ้าของโดยครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เช่น กรณี ปตท.เห็นชัดมาก และทำอย่างน่าเกลียดและทุเรศมาก
นอกจากนี้การประชุม ครม.นัดแรก ได้มีการอนุมัติให้คณะกรรมการต่างๆ ที่ ครม.ชุดเดิมตั้งไว้ 293 คณะปฏิบัติไว้ก่อน จนถึง 30 พ.ย. 49 หลังจากนั้นก็จะทบทวนกันใหม่
ครับ... รากเหง้าของซากเดนพรรคพวกทักษิณที่แฝงเร้นอยู่คงจะรอเจ้านายกลับมา
และคงจะสงบอยู่เพื่อรอให้ตั้งหลักกันให้ได้
ไว้เจ้านายกลับเข้ามาก่อน
จะได้เคลื่อนไหวกันใหม่ และคงจะคึกคักขึ้น
ของแบบนี้ ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว