xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 253 “Goodbye หนองงูเห่า มหากาพย์แห่งคอรัปชั่น...Hello สุวรรณภูมิ!?”

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


เช้าวันนี้... ผมมานั่งจิบกาแฟขมถ้วยที่สองกับเพื่อน ที่โรงแรมเยื้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเพิ่งมาถึงกรุงเทพเมื่อวานตอนบ่าย โดยนั่งเครื่องบินของการบินไทย มาลงที่สนามบินดอนเมือง ก่อนเครื่องบินลงได้พยายามมองดูทัศนียภาพของดอนเมืองเอาไว้เต็มตา เพื่อจักได้จดจำภาพสนามบินเก่าแก่ของชาติ และเก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย ด้วยมีอายุยืนยาวมาถึง ๙๒ ปี แห่งนี้ เอาไว้ในความทรงจำ เพราะต่อไปนี้คงจะไม่มีโอกาสนั่งเครื่องบิน มาลงที่สนามบินแห่งนี้อีกแล้ว ต้องเปลี่ยนไปลงสนามบินแห่งใหม่แทน

ดอนเมืองนั้น ไม่ใช่สนามบินแห่งแรกของไทย เพราะสนามบินแห่งแรกคือสนามบิน “สระปทุม” หรือ Sa Pathum Airfield ส่วนดอนเมืองนั้นเป็นสนามบินหลักของกองทัพอากาศไทย และเป็นสนามพาณิชย์แห่งแรก นับแต่มีเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินดัชท์ นำถุงเมล์จากเนเธอร์แลนด์ มาลงที่สนามบินดอนเมืองแห่งนี้เมื่อ ๗๗ ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๗๒ ก่อนมุ่งหน้าไปยังปัตตาเวียหรือกรุงจาการ์ตาปัจจุบัน และคงความเป็น Bangkok International Airport ของประเทศ และฝรั่งถือว่าเป็น hub of Asia และเป็น hub of Thai Airways International ด้วย

พูดอย่างนี้ก็เพื่อจะตอกหน้านักการเมืองทั้งหลาย ที่คุยว่าจะสร้างสนามบินแห่งให้เป็น hub ของเอเซีย ทำราวกับว่าเมืองไทยของเรานั้น ไม่เคยเป็น ‘ฮับ’เป็น ‘แฮบ’อะไรกับเขาเลยมาก่อนเลย ไอ้ขี้โม้มันบอกว่าจะมาโชว์ฝีมือสร้าง hub ให้ประเทศเรา ทั้งๆที่ดอนเมืองของเก่าเราเป็น hub มาตั้งนมนานแล้ว ใครไม่เชื่อก็ลองไปศึกษาเรื่องดอนเมืองดูก็ได้ ฝรั่งเขามีบันทึกเอาไว้ว่าดอนเมืองนั้นเป็น hub ของเอเซียอย่างชัดเจน

คืนพรุ่งนี้ ตอนตีสองครึ่ง คือ ๒๘ กันยาน ๒๕๔๙ เที่ยวบินที่ EK419 ของสายการบินอาหรับ เอมิเรสต์ จะออกเดินทางจากดอนเมืองเป็นที่สุดท้าย แล้วจะปิดฉากการใช้งานของดอนเมือง โดยรัฐบาลเขาไม่คิดแม้แต่จะเอาไว้เป็นสนามบินสำรอง แต่จะเอาอาคารไปทำตลาดหรืออะไรก็ยังไม่ทราบ แต่จะต้องมีคนรวยคนได้ประโยชน์ให้เขาด่ากันอีกอย่างแน่นอน

คิดแล้วให้อาลัย ‘ดอนเมือง’นัก!

สำหรับตัวคนเขียนเองแล้ว มีความหลังเก่าที่งดงามกับสนามบินดอนเมืองแห่งนี้ ที่ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำก็หลายเรื่อง และมีเรื่องหวานๆเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยมีดอนเมืองเป็นฉากหลังของวันแห่งความสุข เรียกว่าเป็น “สนามบินแห่งความหลัง” ก็พอจะได้

อยากจะแต่งเพลงชื่อ “ลาก่อนดอนเมือง” เอาไว้เป็นอนุสรณ์ เพราะต่อไปนี้คงไม่มีโอกาสมาใช้บริการแอร์พอร์ตเก่าแก่แห่งนี้ ที่เป็นทั้งสนามบินทหารและพาณิชย์ และได้รับใช้พี่น้องประชาชนคนในชาติ มายาวนานเกือบจะถึงหนึ่งศตวรรษ

สนามบินแห่งใหม่นี้ ผมยังเรียกติดปากว่า “สนามบินหนองงูเห่า” เพราะยังชินกับชื่อนี้ เนื่องจากเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว กลับจากต่างประเทศมารับราชการเป็นผู้บังคับหมวดตำรวจภูธรที่จังหวัดสมุทรปราการ และคุ้นเคยกับพื้นที่อำเภอบางพลีค่อนข้างดี สนามบินแห่งนี้กินอาณาเขตกว้างขวางใน ๒ ตำบล คือตำบลราชาเทวะ และหนองปรือ เนื้อที่ ๒๐,๐๐๐ ไร่ ใกล้เคียงกับพื้นที่ของดอนเมืองซึ่งก็มีสองหมื่นไร่เหมือนกัน แต่ส่วนหนึ่งเป็นของกองทัพอากาศ

หนองงูเห่านี้ ชื่อก็บอกอยู่ในตัวว่าหนองนี้งูเห่าชุกชุม นี่เป็นสาเหตุที่อำเภอบางพลีเคยครองสถิติคนถูกงูเห่ากัด และกัดถึงตายมากที่สุดในประเทศ หากใครอ่าน กาแฟขม...ขนมหวานเล่มที่ ๑ จะเห็นว่าผมพูดถึงความสมบูรณ์ของอำเภอนี้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ และเป็นศูนย์ผลิตปลาสลิดชั้นดีของชาติในตอนนั้น ยังได้เล่าถึงความหมายของสำนวนไทยว่า “ข้าวใหม่ปลามัน” พูดถึงรสข้าวใหม่ของทุ่งบางพลี กับปลาสลิดเนื้อแน่นตัวอวบอ้วน เพราะกินซังข้าวในนาหลังการเก็บเกี่ยวใหม่ เรียกกันว่า “ปลาหัวซัง” และได้เล่าถึงความเอร็ดอร่อย ของการรับประทานต้มโคล้งปลาสลิดกับใบมะขามอ่อน กินควบกับปลาสลิดย่างรสหอมหวนเนื้อเป็นมัน น่ารับประทานนัก คนที่เคยทำให้กินก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลายเป็นชายชราแล้ว!

ในตอนนั้นรัฐบาลได้เวนคืนที่ดินจากชาวบ้าน เตรียมการทำสนามบินนั้น คุณหมอ
ชัยยุทธ กรรณสูต เป็นตัวแทนบริษัท นอร์ททรอป จำกัด จากสหรัฐเป็นผู้เสนอขอสัมปทานก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ ซึ่งพวกที่จบมาจากเมืองนอกรุ่นใกล้เคียงกันกับผมหลายคน มีความประสงค์ที่จะเข้าทำงานกับบริษัทต่างประเทศแห่งนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีการสร้างสนามบินเพราะมีการรุมคัดค้านอย่างมากมาย รัฐบาลเองก็ต้านไม่ไหว ยุติโครงการไว้เกือบ ๓๐ ปี

สนามบินหนองงูเห่าจึงลากยาวมานาน พอเริ่มก่อสร้างเมื่อสิบห้าปีก่อน ก็มีแต่เรื่องทุจริตไม่เป็นมงคลเต็มไปหมด โดยสื่อสารมวลชนทุกสาขาประโคมข่าวมาตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนาน รวมเวลาที่ลากยาวเกือบครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว

รื่องราวการสร้างสนามบินหนองงูเห่านั้น มีประวัติในเรื่องการคอรัปชั่นที่น่าสนใจมายืนยาว จนกระทั่งจะมีการเปิดสนามบินแห่งใหม่นี้จนได้ในที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่คนไทยเราสมควรจะได้ดีใจและโล่งใจกันอยู่บ้าง จะได้เสร็จๆกันไปเสียที เพราะรัฐบาลทักษิณแตะโครงการอะไร เรื่องคอร์รัปชั่นก็มักพรั่งพรูออกมาสู่ประชาชน มากบ้างน้อยบ้างมิได้ขาด แต่ยิ่งใกล้จะเปิดข้อบกพร่องต่างๆเริ่มออกมาให้เห็นชัด มีคนเขานินทากันว่า ก่อสร้างในราคาแพงแต่ใช้วัสดุราคาถูกไม่ได้คุณภาพ เลยต้องซ่อมต้องแก้กันให้เห็น อย่างไรก็ช่วยกันทำให้เรียบร้อยด้วยก็แล้วกัน

สำหรับสนามบินหนองงูเห่านี้ มีแต่ข่าวคราวการทุจริตโกงกินกัน ทะลักทะลายออกมาอย่างท่วมท้น จนสนามบินที่ตั้งใจจะให้เสร็จปี พ.ศ.๒๕๔๘ ต้องเลื่อนออกไป เช่นข้อมูลจาก Wikipedia, ซึ่งเป็น free encyclopedia บันทึกเอาไว้ ดังงนี้

....The airport was due to open in late 2005, but a series of budget overruns, construction flaws, political interference and allegations of corruption continues to plague the project. After much speculation, Prime Minister Thaksin Shinawatra announced that the airport would be open by September 2006 at the latest...

นี่ยังไม่นับสื่อมวลชนไทยและเทศ ที่โหมกระหน่ำเละเทะ รวมทั้งยังมีการอภิปรายกันในรัฐสภาไทยอย่างกว้างขวาง

ผู้เขียนเลยเห็นว่า สนามบินหนองงูเห่าเดิม ที่กำลังจะเริ่มการใช้อย่างเป็นทางการ มีความหลังที่กลายเป็น Most Corrupt Air Port (เรียกย่อๆว่า M.C. Air Portก็คงจะได้) หากเรื่องราวการก่อสร้างสนามบินแห่งนี้เป็นงานเขียน ก็คงไม่ใช่เรื่องสั้น หรือ นิยายเรื่องยาว หากแต่เป็น “มหากาพย์แห่งคอร์รัปชั่นของโลก” เลยที่เดียว เพราะยืดเยื้อยาวนานเกือบครึ่งศตวรรษ อย่างที่เราหาไม่ได้ในชาติอื่นๆ!

จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของสนามบินแห่งนี้ ซึ่งผมไปดูมาแล้วก็คือ ‘การขาดระบบขนส่งมวลชน’ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ที่เราพลาดโอกาสสำคัญไป เพราะพรรคไทยรักไทยของทักษิณเป็นรัฐบาลยาวนานมาเกือบ ๖ ปี แต่กลับไม่ปรากฏมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ เกิดมาในกรุงเทพเมืองหลวงของเราเลย โดยเฉพาะการขนส่งมวลชนซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่หรือรถใต้ดินสายใหม่ ล้วนแต่กินบุญเก่าที่รัฐบาลเก่าๆ เขาคิดและสร้างมาก่อนทั้งนั้น

แถม กทม.เขาจะสร้างรถไฟฟ้า ดันเสือกไปกีดกันเขาเสียอีก!

ทางทำเนียบเสาชิงช้า ซึ่งเสียคะแนนจากกรณีงาบรถและเรือดับเพลิง เลยกู้หน้าด้วยการใส่เกียร์ทำเรื่องรถไฟฟ้า พักเดียวก็เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนอนุบาลอนาถาไปเลย และลงมือก่อสร้างกันได้แล้ว แต่ก็ไปไม่ถึงสนามบินแห่งใหม่อยู่ดี เพราะเขตกทม.ไปไม่ถึงบางพลี

ถึงกระนั้น ชาวบ้านก็ยังด่าส่งว่า ถ้าคอยให้รัฐบาลไทยรักไทยสร้าง ต้องแถกเหงือกปลาหมอรอกันดักดาน จนเหนียงหัวหน้าพรรคยานห้อยย้อยหนักไปกว่านี้ ทักษิณก็เสียหน้าไปซ้ำไปอีกครั้งจนได้ จึงต้องมีรายการออกมาแก้ตัว ออกอภิมหาโปรเจคสร้างรถไฟฟ้า ข่มพรรคอื่นที่เพิ่งแถลงกันไปไม่กี่วันมานี้

ผู้คนเขาบอกว่าเหม็นขี้ฟัน...เดี๋ยวก็ยัดทะนาน กันบานเบิกอีกแน่ๆ!

ส่วนกทม. ดำเนินการเรื่องรถไฟฟ้าไปแล้วนั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีรายการแฉเรื่องงาบ-เรื่องคาบอะไรกันอีกหรือเปล่า? เพราะเท่าที่ปรากฏให้เห็นตัวผู้ว่าอภิรักษ์ฯเอง ก็กำลังอยู่ในระหว่างการจะถูกดำเนินคดีในเรื่องทุจริต และพรรคพวกสังกัดเดียวกับแก ก็บันเบาเสียเมื่อไหร่กัน!

การขนส่งมวลชนนั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ต้องอธิบายถึงเหตุผล ทุกวันนี้คนในกรุงเทพที่อยู่ตามซอยลึกๆ หมู่บ้านจัดสรรจำนวนมากอยู่ในซอยลึกคดไปเคี้ยวมา เพราะการวางผังเมืองไม่ได้เรื่อง รถสองแถวเล็กและรถจักรยานยนต์รับจ้าง ขึ้นราคาเอาตามใจชอบ ผู้คนที่จำเป็นต้องใช้รถพวกนี้ก็พูดไม่ออก ต้องกัดฟันทน ยิ่งมีลูกต้องเรียนและต้องเดินทาง ออกไปขึ้นรถโดยสารประจำทางที่ปากซอย ค่ารถเดือนหนึ่งก็หลายสตางค์อยู่

น่าเห็นใจมาก!

ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในซอยลึกๆ เมื่อมีช่องทาง ก็ต้องพยายามหารถเอาไว้ใช้เป็นพาหนะส่งลูก ในที่สุดรถจำนวนมากมาย ก็ออกมาคั่งกันในท้องถนนของกรุงเทพอีก

ครที่เคยไปเมืองจีนเมื่อประมาณ ๖ ปีที่แล้ว ระยะเดียวกับที่ทักษิณเป็นนายกใหม่ๆ แล้วลองไปดูเมืองจีนในตอนนี้ ท่านจะเห็นได้ว่าสิ่งก่อสร้าง การขนส่งมวลชน ได้ก้าวหน้าไปอย่างมากมาย คนจีนที่เป็นไกด์และเดินทางเข้าออกกรุงเทพเสมอ ตั้งแต่คนไทยเริ่มจัดทัวร์ไปเมืองคุนหมิง เขาทำงานในบริษัทท่องเที่ยวคนไทยที่ผมรู้จักดี พูดเชิงปรารภกับผมว่า

น่าแปลกมากที่กรุงเทพแทบไม่เปลี่ยนเลย สิ่งก่อสร้างที่ใหม่ขึ้นมาที่เขาเห็นก็คือ ศูนย์การค้าสยามพารากอนกลางแยกปทุมวันเท่านั้น ซึ่งก็เป็นของเอกชน ทำให้ผมฟังแล้วหน้าชา พูดไม่ออก เลยพูดแก้เกี้ยวเขาไปว่า

“นายกเมืองไทยมีเครื่องบินใหม่เรียกว่า Air Fake1 พอเทียบกับ Air Force 1 ของประธานาธิบดีอเมริกันได้ไหม!?”

ต้องออกมุกฝืดๆ ไปอย่างนั้นแหละ

จะเป็นเพราะสายตาของรัฐบาลทักษิณนั้นคับแคบ จึงไม่เห็นความจำเป็นของระบบการขนส่งมวลชน หรือเป็นเพราะรู้ดี หากแต่กากใยคอร์รัปชั่นมันขึงแน่น เกาะกุมหัวใจของผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นหนารกรุงรังไปหมด หรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างในโครงการใหญ่ๆ มันให้มีปัญหาไปเสียจะทุกเรื่อง ยกตัวอย่าง เช่น

กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ทักษิณเป็นนายกมาจะหกปีแล้ว มีรัฐมนตรีหญิง ส.ด.ร. ว่าการกระทรวงสาธารณสุข กะอีแค่รถพยาบาลและเครื่องคอมพิวเตอร์ ประมูลกัน ๔ ปี ล้มแล้วล้มอีก จัดหากันไม่ได้ จนปีที่ ๕ ส.ด.ร.เด้งตะโพกดึ๋งย้ายไปกระทรวงอื่น การซื้อขายรถพยาบาลถึงสำเร็จลงได้ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังซื้อหากันไม่ได้จนบัดนี้...น่าสมเพชนัก

นี่ไง ผลงานรัฐบาลทักษิณ ที่ลิ่วล้อของเขาบอกว่าบริหารเก่ง...หรือไม่จริง!?

ซื้อหากันธรรมดาไม่ได้ จะให้ได้เร็วต้องไป ‘จัดซื้อโดยวิธีพิเศษ’ แต่อะไรที่พิเศษ ชาวบ้านเขาก็วิจารณ์ซื่อๆว่า มันก็จะมีการ “หาแดกพิเศษกันอีก!” ควบคู่กับไปทุกครั้ง อะไรทำนองนี้ ฟังแล้วก็อ่อนใจ

ถ้ารัฐบาลทักษิณจะมาบอกว่า ผลงานการก่อสร้างของตัวเองก็มี อย่างการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จเรียบร้อยนั่นไง ถ้าจะอ้างกันอย่างนั้น ก็ต้องขอบอกว่า

ตอนที่ทักษิณกับพรรคพวก เข้ามาบริหารประเทศ แบบแปลนของสนามบินที่จะก่อสร้างก็เสร็จเรียบร้อย ที่ดินได้รับการปรับสภาพพร้อมรับการก่อสร้าง รัฐบาลทักษิณเข้ามาก็เพียงเปิดประมูลแล้วลงมือก่อสร้างเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นโครงการต่อเนื่องยาวนานมาแต่อดีต แต่เมื่อเสร็จแล้วก็มีแต่สนามบินโด่เด่ ส่วนระบบการขนส่งมวลชน เช่นเดียวกับสนามบินทันสมัยของประเทศอื่นๆนั้นไม่มีเลย แถมเรื่องคอร์รัปชั่นยังโผล่ออกมามากมายเหมือนเห็ดหน้าฝนอย่างที่เห็นๆกัน และคนใกล้ชิดทักษิณก็ได้ประโยชน์สูงสุดในสนามบินแห่งนี้!

ผู้โดยสารชาวต่างประเทศและคนไทยที่ไม่มีรถส่วนตัว จะต้องพึ่งพาบริการรถ ขสมก.และรถแท๊กซี่ จึงจะถ่อร่างไปขึ้นเครื่องที่สนามบินใหม่ได้ และความไม่สะดวกอย่างนี้ ยังจะจะต้องดำเนินไปอย่างน้อยอีกสามปี

เมื่อเมื่อเปิดดำเนินการแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวต่างประเทศ คงจะตามมาอีกเป็นกะตั๊ก...

ไม่เชื่อก็คอยดูกันไป!

สำหรับผมแล้ว ความภาคภูมิใจในสนามบินใหม่ของชาตินั้น ลดลงจนแทบไม่เหลือหลอ ทั้งนี้เพราะหอกแห่งการคดโกงจากนักการเมือง มันแทงทิ่มหัวใจผู้คนในบ้านในเมือง จนพูดแสดงความดีใจออกมาไม่ได้ นอกจากพวกลูกหาบของรัฐบาล และบรรดานักการเมืองทั้งหลายจากพรรคที่อ้างว่า สนามบินแห่งนี้เป็นผลงานของตน

การทุจริตที่ M.C. Air Port แห่งนี้ ลากยาวมาจนถึงวันเปิดดำเนินการ เป็นมหากาพย์แห่งความชั่วร้ายนี้ ได้มีผู้เขียนเป็นเอกสารเอาไว้บ้างแล้ว แต่มันไม่ถึงใจ อยากให้มีการเขียนเจาะแบบสืบสวนโดยละเอียด เอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจอนุชนคนรุ่นหลัง ให้มีสำนึกและความมุ่งมั่นที่จะฟาดฟัน ผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการนี้ จนถึงที่สุด

หากไม่มีใครเขียน และถ้าผมของขึ้นอีก อาจลงมือเขียนเสียเองก็ยังได้!

การทุจริตในวงราชการของรัฐบาลทักษิณ ยังมีโผล่ให้เห็นอีกในหลายโครงการ ล่าสุดก็ที่งานพืชสวนโลกที่เป็นข่าวกราวเกรียว จนทักษิณเองต้องหมดเครดิต ในความเชื่อถือของผู้คนเพิ่มเข้าไปอีก

จึงอยากให้ประชาชนคนในชาติของเรา ลุกขึ้นมาต่อต้านการกินบ้านรับประทานเมืองกันให้แข็งขัน ซึ่งผมคิดว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ต่อต้านการทุจริต สู้รบปรบมือกับพวกจัญไร ที่กินบ้านผลาญเมืองของเราให้ถึงที่สุด แล้วลากพวกสารเลวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ เพราะบัดนี้เราตระหนักดี ว่า

ศาลสถิตยุติธรรมของประเทศนั้น เราพึ่งพาได้อย่างแน่นอน...คนโกงต้องติดคุก!

ก็ใครเลยที่เชื่อว่า คนที่ชื่อ “วาสนา” มียศถึง พล.ต.อ. จะต้องไร้โชคอับวาสนาชะตาร้าย จนศาลท่านให้ย้ายเข้าคุกไปจนได้ จึงไม่แปลกอะไรนัก

ถ้ามีคนจูง พ.ต.ท.คนโต ไปเยือนเรือนจำอีกสักคน!

ดังนั้น ชาวบ้านอย่างเราๆท่านๆ ต้องรวมใจมั่นคงเป็นหนึ่งเดียว สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันปล่อยให้พวกกินบ้านรับประทานเมืองลอยนวล แม้แต่นายกรัฐมนตรีหากกระทำทุจริต เราก็จะไม่มีวันละเว้นเป็นอันขาด

“หนองงูเห่า” จะเป็นสนามบินอนุสรณ์ ‘โคตรแห่งการคอร์รัปชั่น’ หรือไม่อย่างไร ? เราจะรู้กันก็ต่อเมื่อ ทักษิณพ้นจากอำนาจในการบริหารประเทศนี้ไปแล้ว!

อย่างไรก็ตามเมื่อสนามบินหนองงูเห่า ได้รับพระราชทานนามใหม่เป็น สนามบิน“สุวรรณภูมิ” อันเป็นมงคลนามแล้ว

มาถึงวันนี้ จึงต้องขอกล่าวคำว่า

“Goodbye หนองงูเห่า...มหากาพย์แห่งคอร์รัปชั่น...Hello สุวรรณภูมิ!”

ขอให้ผู้บริหารการท่าอากาศยานและผู้เกี่ยวข้อง รักษานาม“สนามบินสุวรรณภูมิ” อันเป็นมงคล ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้สนามบินแห่งใหม่ เอาไว้ให้ดี

ถึงกระนั้น อย่าได้ลืมความหลังกาลีอันแสนขมขื่น ที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างสนามบินแห่งนี้ ผู้บริหารจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยสุจริต อย่าได้กระทำการทุจริตหรือคิดการชั่ว มัวเมาในประโยชน์ของตน จนลืมประโยชน์ของชาติ หรือปล่อยให้มีการเอาเปรียบผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบิน จนทำให้ชื่อ “สุวรรณภูมิ” ต้องหมองมัวเป็นอันขาด!

จะขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยตั้งจิตอธิษฐาน ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ปกป้องคุ้มครองอภิบาลรักษา “สุวรรณภูมิ” สนามบินแห่งใหม่ของประเทศ ให้พ้นจากเสนียดจัญไรทั้งมวล

ขอให้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นศรีสง่าแห่งชาติบ้านเมืองของเราต่อไปอีกแสนนาน

ให้อยู่ยั้ง ยืนยง ยืดยาว ยิ่งกว่า‘ดอนเมือง’ ของเก่าของเรานั่นเอง!


.........................




ท้ายบท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อเขียนของผมประจำอังคารที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ออกวางแผงเวลา ๐๑.๓๘ นาฬิกา คือ กาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๒๕๒ อาจารย์สุขุม นวลสกุล กับรายการ “มองรอบดาก” ของ ททบ.๕ ผมได้เรียกทักษิณว่าเป็น “นายกตกกระป๋อง”

ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากนั้นเพียงแค่ ๑๐ กว่าชั่วโมง ทักษิณก็ตกกระป๋อง และกลายเป็น “นายกตกกระป๋อง” ไปอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกับรัฐบาลของเขา ที่ผมเขียนให้ฉายาในคอลัมน์นี้ว่าเป็น “รัฐบาลทำมาหาแดก” ทันทีที่มีการโอนขายหุ้น ‘ชินคอร์ป’ เมื่อตอนต้นปี ให้กับบริษัทข้ามชาติสิงคโปร์ เป็นการวิจารณ์อย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า (ดู กาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๒๒๓ “นายกฯทักษิณถูกถีบ...ใครถีบ !?”) และทราบว่า บทความตอนนี้ได้มีการเผยแพร่แจกจ่ายไปในมหาวิทยาลัยต่างๆอย่างกว้างขวาง และถูกถอดไปลงในเว็บไซต์อื่นรวมทั้งเว็บของทางราชการด้วย

สำหรับบทความตอนที่ท่านกำลังอ่าน เขียนก่อนการล่มสลายของรัฐบาลไทยรักถั่วดำไทย จะถูกรัฐประหาร แต่เห็นว่ายังอ่านเอาความได้ดีพอควร จะทิ้งก็เสียดาย จึงนำเอามาลงเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ผู้คนในบ้านเมืองของเรา ลืมความหลังกันง่ายๆ อีกประการหนึ่งก็คือ วันมะรืนนี้สนามบินแห่งใหม่ “สุวรรณภูมิ” ก็จะเปิดใช้กันแล้ว

จะได้เป็นเครื่องเตือนใจ สำหรับผู้ที่จะเข้าไปบริหารสนามบินแห่งนี้ ให้มุ่งหน้าทำแต่เรื่องที่ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

ตอนนี้ทักษิณก็พ้นตำแหน่งไปแล้ว เป็นโอกาสดีที่จะต้องเปิดการสืบสวนสอบสวน ทำทุกอย่างให้กระจ่าง


ไม่ปล่อยเอาไว้ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย กับประชาชนอีกต่อไป!
กำลังโหลดความคิดเห็น