xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 248 “อภิสิทธิ์...จะพาพรรคประชาธิปัตย์...แพ้แหงๆ!!!”

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


เช้าวันนี้...ก่อนจิบกาแฟขม ต้องขอนำภาพอันน่าปลาบปลื้มใจยิ่งสำหรับตำรวจ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดพระราชกระแสเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งผ่าน ผบ.ตร. ความว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยข้าราชการตำรวจที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลครอบครัว ให้ขวัญและกำลังใจในการทำงาน และหาทางช่วยเหลือให้ตำรวจให้ได้รับความปลอดภัย

พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นล้นพ้น มาสู่เหล่าตำรวจทั้งหลาย ผู้ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมือง และเสี่ยงชีวิตเพื่อความสงบสุขของประชาชน เพราะในรอบ ๒ ปีมานี้ ประเทศของเราถูกคุกคามจากการก่อการร้าย ทั่วเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากพี่น้องประชาชน ทหาร เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ จะต้องสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่หลายนาย ก็ต้องสละชีพจากเหตุการณ์เดียวกัน ถึงกระนั้นผมขอให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทั้งหลาย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่พึงตระหนัก ว่า

ถ้าตำรวจในยุคปัจจุบันอย่างท่าน ไม่ยอมเอาหยาดเหงื่อ เลือด เนื้อ และชีวิต เข้าแลกเสียแต่ในวันนี้ ต่อไปในวันข้างหน้า ลูกหลานของเราจะตกอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัว ความสูญเสียจะยิ่งตามมาอีกมากมาย และโศกนาฏกรรมของคนในชาติ คงจะไม่มีวันยุติลงได้เลย

นั่นคือเหตุผลที่พวกเราต้องเสียสละกัน...เสียแต่ในวันนี้ !


เมื่อมีพระราชกระแสรับสั่ง อันเปรียบดั่งโอสถทิพย์ชโลมจิตเช่นนี้แล้ว หวังใจว่าเพื่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย จะมีกำลังใจฮึกเหิม รวมพลังกันตีโต้ตอบการก่อการร้ายอย่างสุดชีวิต เพื่อปราบปราบเสี้ยนหนามแผ่นดินให้ราบคาบลง และนำความสงบสุขมาสู่บ้านเมืองและประชาชน อันเป็นที่รักยิ่งของเราให้จงได้

อนนี้เสียงปี่กลองการเลือกตั้งกำลังดังขึ้น แม้ยังไม่ถึงจังหวะเชิด เพื่อให้เร่งออกอาวุธเข้าสัประยุทธ์กัน เหมือนตอนนาทีสุดท้ายในยกที่ห้าของการชกมวย แต่ผู้คนก็ได้เห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายิงสปอตโฆษณาแบบรัวอุตลุดเพื่อขึ้นราคาตัวเองทางโทรทัศน์ แต่ครั้นถึงตอนแถลงนโยบายเข้าเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่า

สื่อมวลชนแทบทุกฉบับ รวมทั้งบรรดานักวิชาการทั้งหลาย ต่างพากันร้องประสานเสียงอย่างพร้อมเรียงกันว่า นโยบายที่ประกาศออกมานั้น นอกจากไม่มีอะไรใหม่พอที่จะดึงดูดใจผู้คนได้แล้ว กลับยังโดนตั้งข้อกังขาและถูกสับจนเละเทะว่า

ไม่มีปัญญาหรือไง?...ดันไปลอกเอามาจากคู่แข่งเขาเสียอีก!

ผมไม่ได้ให้ความสนใจที่จะวิพากษ์วิจารณ์ นโยบายแบบ copycat ของนายมาร์ค แต่ที่สะดุดหูคนเขียนหน่อยก็คือ ตัวนายอภิสิทธิ์ยืนยันชัดเจนว่าจะปฏิรูปตำรวจ ตอนได้ยินก็ยังไม่ได้คิดจะวิพากษ์วิจารณ์อะไร เพราะคิดว่าคนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คงพูดเรื่อยเฉื่อยของแกไปแบบกลอนพาไป แต่พอได้มาอ่าน นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๙ เขาพาดหัวรองว่า

“ทีมสอบป่ายูคาฯฉาว โร่แจ้ง ตร.ปากเกร็ดอ้างถูกคนร้ายตามยิง”

มีการโปรยข่าวต่อดังนี้


“...อลงกรณ์ ‘จี้’ พนักงานสอบสวนทำตรงไปตรงมา ข้องใจยงยุทธไม่ยอมไปแจ้งความ เอาผิดคนลงโทษ ขู่เป็นรัฐบาลสังคายนากระบวนการสอบสวนตำรวจ...”

นอกจากนั้นเนื้อในของข่าว ยังบรรยายรายละเอียดต่ออีกว่า

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ถ้าพรรคได้กลับมาเป็นรัฐบาล พรรคจะปฏิรูปการสอบสวนครั้งใหญ่และต้องการให้ตำรวจ และพนักงานสอบสวนทุกระดับปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา เพราะถือเป็นต้นน้ำกระบวนการยุติธรรม ความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่ ประสิทธิภาพของกฎหมายจะเด็ดขาดเที่ยงตรงหรือไม่ ต้องเริ่มจากพนักงานสอบสวน....

พอเห็นเข้าอย่างนี้ ก็อยากจะบอกว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมืองมาก็หลายครั้งหลายหน ไม่เคยเห็นมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับตำรวจอย่างเป็นชิ้นเป็นอันที่เป็นสาระพอจดจำกันได้เลย ตรงกันข้ามหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์หลุดจากการบริหารประเทศไปแล้ว กลับทะลึ่งออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของตำรวจ ในลักษณะคั่งแค้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อย่างจะเอาเป็นเอาตาย

หากท่านผู้อ่านที่เคารพ จะลองมองกลับไปก็พบว่า ปัจจุบันนี้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ก็มีกรณีถูกกล่าวหาว่า ในระหว่างที่อยู่ในอำนาจมีเรื่องทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งที่ยังค้างคาและโผล่ออกมาให้ผู้คนในบ้านเมือง ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อีกหลายเรื่อง เช่น

กรณีทุจริตยางพารา ซึ่งมีนายตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเข้าไปเป็นอนุกรรมการ ในคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามการแต่งตั้งของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายตำรวจเหล่านั้นได้กลายเป็นกำลังหลักของ ป.ป.ช. ทำการสอบสวนคดีตามที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยอนุกรรมการมีความเห็น ว่า

คดีมีหลักฐานมั่นคงพอ และได้ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

นั่นเป็นคดีที่ประชาธิปัตย์และคนในพรรค จะต้องเผชิญกับวิบากกรรมในอนาคตอันใกล้นี้ ทันทีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหม่ นั่งประจำที่ทำการเรียบร้อยแล้ว

เรื่องอื้อฉาวของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งโผล่แดงโร่ไม่นาน และยังค้างเติ่งอยู่โทนโท่ก็คือ กรณีทุจริตในการซื้อรถและเรือดับเพลิง ของกรุงเทพมหานครที่น่ารังเกียจยิ่ง ถ้ากฎหมายที่ใช้อยู่ขณะนี้ ไม่ได้บัญญัติให้มีการส่งเรื่องการทุจริตของนักการเมือง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ในฐานะข้าราชการการเมืองแล้ว ถ้าหากการสอบสวนคดีทุจริตยังอยู่กับฝ่ายตำรวจ พนักงานสอบสวนของตำรวจ คงเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ว่า

นายอภิรักษ์ทุจริต ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ!

เวลาผ่านมาถึงขนาดนี้ ตำรวจฝ่ายเจ้าของคดีคงมีความเห็น ส่งสำนวนให้อัยการไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย การทุจริตสุดแสบก๋แสนจะทื่อทะลื่อ ตรงไปโกงมา อย่างชัดเจน จนผมเรียกว่าเป็นแค่ ‘คดีดินสอหนีบตูด’ เท่านั้น

ถ้าใครอยากรู้ว่า ทำไมจึงเรียกอย่างนั้น กรุณาดูกาแฟขมขนมหวาน ตอนที่ ๒๔๓ คดีดินสอหนีบตูด ( “ไหน...ใครว่าทักษิณทำผิด ท้าให้ฟ้องศาล!?” ) แล้วจะถึงบางอ้อ

การทุจริตมโหฬารระดับมหาโคตระในกทม.ครั้งนี้ ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ หากแต่การสอบสวนเรื่องนี้ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ที่ผมเรียกว่า ‘กรมทักษิณ’เพราะทักษิณเป็นนายใหญ่ตามกฎหมาย) จัดการเองทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ทางกรมสอบสวนพิเศษ ก็สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นส่ง ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาหลายคน รวมทั้งผู้ว่าคนปัจจุบันอย่างนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ด้วย

ถ้ามีใครที่อยู่ในตำแหน่งแห่งที่สำคัญ และถูกกล่าวหาในคดีทุจริตร้ายแรงอย่างนายอภิรักษ์โดนนั้น หลายคนเขาคงไม่ทนอยู่ดูหน้าประชาชีต่อไปได้ แต่ผู้ว่าฯคนนี้ แกอดทนบริหาร กทม. ท่านกลางเสียงครหา และนินทาของประชาชนต่อไปได้...อย่างหน้าเฉยตาเฉย

ตรงนี้ต้องยกนิ้วให้เพราะ...แก ‘อึด’ กว่าตราช้างหลายเท่านัก!

บังเอิญคนของกรมสอบสวนพิเศษ ซึ่งทำการสอบสวนคดีทุจริตใน กทม. ก็เป็นตำรวจที่โอนย้ายมาสังกัดในกรมสอบสวนพิเศษเช่นกัน เหตุนี้หรือเปล่า ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจคนที่เป็นตำรวจ ไม่ว่าเก่าหรือใหม่?

นอกจากนั้น ระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล สมาชิกพรรคบางคนไปมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ เช่น

ลูกของสมาชิกพรรคคนสำคัญ กระทำความผิดในคดีอาญาหลายคดีตั้งแต่คดีข่มขืนกระทำชำเรา รวมทั้งข้อหาฆ่าตำรวจอย่างอุกอาจ จนถูกจับกุมในคดีร้ายแรงซ้ำเข้าอีก แต่ได้ประกันตัวไปทุกครั้ง จนครั้งล่าสุดศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีกต่อไป

หรืออย่างคดีที่พาพรรคประชาธิปัตย์ ต้องขึ้นเผชิญกับเรื่องของการยุบพรรคในศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ที่เข้าไปสืบสวนหาหลักฐาน ก็งัดเอาเทปวีดีโอที่แอบอัดไว้เป็นหลักฐาน ออกมามาประจานออกทางโทรทัศน์ให้เห็นกันอย่างโจ๋งครึ่ม ทำให้คนในภาพที่เป็นสมาชิกพรรค ถูกตัดตอนออกจากพรรคไป

คนที่ทำการสืบสวนเรื่องนี้...ก็ดันเป็นนายตำรวจเสียอีก!

นี่ยังไม่พูดถึงกรณีคุณหญิง กัลยา โสภณพานิช ที่ต้องพลัดตกวิบาก แล้วออกอาการไม่พอใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการสอบสวนในคดีที่ตนถูกกล่าวหา ซึ่งไม่อยากจะกล่าวให้กระเทือนซางกันอีก แต่ถ้าใครอยากรู้ลองเปิดเข้าไปดูใน กาแฟขม ขนมหวานตอน ตอนที่ ๑๗๕ “ โถ...คุณหญิง !” เอาเองก็แล้วกัน

ฉะนั้น หากเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์ ก็ย่อมมีเหตุผลที่จะไม่พอใจตำรวจ แต่เรื่องที่ทั้งนายอภิสิทธิ์หัวหน้าก๊ก และลูกหาบอย่างนายอลงกรณ์ ได้ออกมาแสดงท่าทีไม่ชอบใจตำรวจ ผมก็ขอบอกว่า การที่พรรคการเมืองเก่ากะลาอย่างประชาธิปัตย์ แสดงออกด้วยท่าทีชัดเจนขนาดนี้

ตำรวจก็มีสิทธิ แสดงความไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ ในองศาเดียวกันได้ ไม่เห็นจะผิดกติกาตรงไหน!

บอกให้รู้กันชัดๆเลยว่า ‘ตำรวจดี-ที่ไม่กลัวนักการเมือง’ นั้นมีอยู่มาก ที่รู้ไส้รู้สันดานนักการเมืองก็มีเยอะแยะ เพราะต้องรับผิดชอบในด้านการข่าว การติดตามพฤติกรรมคนในวงการเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงมายาวนานค่อนศตวรรษ ย่อมรู้ดีว่า

นักการเมืองคนไหนมีพฤติกรรมอย่างไร? หมกความเลว เหลวแหลก แสนโสโครกเอาไว้ที่ไหนบ้าง? มีเมียน้อยที่ไหน? แอบไปซื้อตอนโดให้สาวขื่ออะไร? มีบัญชีหลบเมียอยู่ที่ธนาคารใด? หรือชอบเตะต่อยซ้อมเมียเป็นอาจินต์ หรือมีความวิปริตทางเพศผิดมนุษย์ฯลฯ...

...อย่างนี้...รับรองว่าตำรวจรู้แน่

หากตอนนี้ยังไม่รู้แต่ถ้าเกิดอยากรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็สืบเอาพักเดียว รายละเอียดก็จะออกมายาวยืด พอทำวิทยานิพนธ์เรื่องระยำส่วนตัว ของนักการเมืองคนนั้นๆได้เลยทีเดียว

หรือนักการเมืองคนไหน ร่ำรวยมาอย่างไร? อย่างนี้ตำรวจก็รู้

บ้านช่องห้องหอนักการเมืองอยู่ที่ไหน อัครฐานอย่างไร ก่อสร้างด้วยเงินเท่าไร รายได้มาจากไหนบ้าง เรื่องง่ายๆอย่างนี้ตำรวจก็รู้แทบจะทั้งหมด

พูดอย่างนี้แล้ว วันหน้าจะเปิดคอลัมน์พาแฟน ‘กาแฟขม...ขนมหวาน’ ไปทัวร์บ้านพวกนักการเมืองดังๆ ที่ปลูกแถวปักษ์ใต้กันบ้าง พวกนี้มีนิวาสถานที่เราไม่อาจเรียกว่าบ้าน แต่ต้องเรียกว่าเป็น ‘คฤหาสน์’ เพราะมันใหญ่โตหรูหรา เหมือนบ้านมหาเศรษฐีของฝรั่ง

รับรองว่าท่านผู้อ่านเห็นแล้ว จะตกใจว่า คนพวกนี้มันโคตรเง่าของพวกเขา ช่างร่ำรวยกัน เสียจริงหนอ!

พูดถึงเรื่องการ “ขู่” กันแล้ว ผมว่ามนุษย์ที่ไหนก็ไม่ชอบ คนเรานั้นกลัวความดีไม่กลัวขู่ โดยเฉพาะตำรวจที่ไม่มีแผล เขาไม่กลัวนะ จะบอกให้!

ขู่ตำรวจกันมากๆอย่างนี้ จะถือว่าเป็นการแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร ต่อเพื่อนข้าราชการตำรวจ เดี๋ยวโปลิสเก่าอย่างผมของขึ้น ออกมาโต้ตอบคำขู่ห่วยๆของประชาธิปัตย์ โดยจำเป็นไม่ต้องปลุกระดมเพื่อนข้าราชการตำรวจ ไม่ให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด

เพียงแค่ส่งบทความนี้ ไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วทั้งประเทศ...ก็เท่านั้น!!

อยากบอกสมาชิกพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ ให้จำใส่หัวกบาลเอาไว้ด้วยว่า
พรรคของพวกตัวนั้นไม่ได้แพ้เพราะตำรวจไม่นิยม แต่แพ้เพราะประชาชนเขาไปเลือกพรรคอื่นมากกว่าต่างหาก และที่ชาวบ้านไม่กาบัตรเลือกก็มีเหตุผล โดยเฉพาะผู้คนที่เห็นว่า

พรรคเก่าขนาดเพรียงเกาะตะไคร่จับ ที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคนั้น คุณภาพไม่ถึง หรือไม่เข้าขั้น เพียงพอที่เขาจะไว้วางใจให้เข้ามาบริหารประเทศ ก็อีแค่นโยบายก็ลอกเขาเสียแล้ว ตรงนี้แหละ ที่สำคัญมาก

เลือกตั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ตั้งธงคุยโต บอกว่าจะเอา ๒๐๐ เสียง ผมบอกชัดเจนว่า ครึ่งหนึ่งก็จะไม่ได้ ใครไม่เชื่อลองไปเปิดคอลัมน์ กาแฟขม...ขนมหวานตอนที่ ๑๖๔ “หมอดู (อีกแล้ว) บอกว่า ธรณีพิโรธคลื่นยักษ์ถล่มภาคใต้...เพราะ...พรรคประชาธิปัตย์ทำนางธรณีหักครึ่ง !” ดูเอาเอง.

..เที่ยวนี้ผมทายว่า พรรคนายอภิสิทธิ์ก็จะ... ‘แพ้อีก’ !

เลือกกันให้ตายทั่วประเทศ ถ้าไม่รวมจำนวน ส.ส.ใน กทม.ตัวแปร จำนวนผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะพากันเข้าสภาได้ก็จะ

ไม่เกินร้อย...ให้บวกลบสิบ แต่กระเดียดไปทาง ‘ต่ำร้อย’ เสียมากกว่า

ต่อให้ชนะใน กทม.ทุกที่นั่ง ก็ยังต้องแพ้อีกบานทะโรค!

ถ้าพรรคคู่แข่งจะเอาชนะประชาธิปัตย์ ให้ขาดเสียยิ่งกว่าขาดนั้น ก็ไม่เห็นจะยากเย็นอะไร เพราะประชาธิปัตย์ดันออกนโยบายมาได้ ว่า
จะยกเลิก หวยบนดิน!

นโยบายนี้แทงตัวเองแท้ๆ แต่พรรคตรงข้าม ยังไม่ได้หยิบฉวยมาช่วยเสียบซ้ำเข้าไปตรงนี้เองก็มีคำถามมากมาย ที่สำคัญก็คือ

จะให้หวยใต้ดินมันกลับมาอีกหรือ? และจะเปิดทางพวกเจ้ามือหวยใต้ดิน มันกลับมาสร้างอาณาจักรแห่งความชั่วร้าย ขึ้นมาอีกครั้ง...

...อย่างนั้นใช่ไหม?

หรือที่กล้าประกาศนโยบายอย่างนี้ก็เพราะ คนที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องญาติโกโหติกาไม่เคยเกี่ยวข้อง หรือเป็นเจ้ามือหวยใต้ดินเสียเอง แม้แต่สักคนเดียวใช่ไหม อย่างนั้นใช่ไหม?

แน่ใจว่าเป็นคนดีเลิศประเสริฐศรี กันทั้งพรรคเลยทีเดียว เชียวหรือ?

จะบอกให้ว่า นโยบายยกเลิกหวยบนดินนี้แหละ ที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียคะแนนเสียงไปอย่างมาก ผมเองแม้จะคัดค้านการมีกาสิโนอย่างหนัก ขนาดทักษิณบอกจะสร้างเอนเทอร์เทนเม้นท์คอมเพลกซ์ ผมสวนไปตรงๆแรงๆว่า ไอ้สิ่งที่ทักษิณคิดจะสร้างน่ะ มันคือ

“สิ้นคิด คอมเพลกซ์!”

ถึงกระนั้น ผมก็ยังเห็นด้วยในการเปิดให้มีหวยบนดิน ส่วนจะมีความเห็นอย่างไรนั้น ลองเปิดเข้าไปดูในกาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๑๑๔ “จากฝูงสัตว์-ฝูงคน ถึง สิ้นคิด-คอมเพล็กซ์” แล้วท่านผู้อ่านก็จะเข้าใจ

วิธีน๊อคพรรคประชาธิปัตย์ ให้กระเด็นตกเวทีไปเป็นฝ่ายค้านอีก ผมว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย จะบอกให้ก็ได้

เอานโยบายหวยนี่แหละ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งฆ่าทั้งฝังประชาธิปัตย์ทิ้งได้เลย!

เรื่องนี้ผมว่าทำได้ผลแม้แต่ในเขตกรุงเทพ ที่พรรคเก่ากะโหลกคิดว่าตัวกำลังได้เปรียบด้วยซ้ำ

จะบอกกลยุทธ์ให้ ลงทุนแค่นิดเดียว แต่รับรองว่าได้ผลมหันต์ ด้วยการทำใบปลิวและแผ่นพับ ไปติดและแจกให้ทั่วทุกหมู่บ้าน ในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่ภาคใต้

ข้อความในใบปลิวและแผ่นพับ ให้เขียนเป็นกลอน ๖ ตามคาถาที่ผมบอกให้ ดังนี้

อภิสิทธิ์ เขาเข้าวิน                       หวยบนดิน ต้องหมดไป
พวกชาวบ้าน ต้องคลานให้           เจ้ามือ(หวยใต้ดิน)ใหม่ มันแดกแทน
ฉันสงสาร แต่เด็กน้อย เฝ้าคอย     ‘ทุน’ ลุ้นมองแหงน
’ชาธิปัตย์ พาขาดแคลน               คนทั้งแดน แค้นแกจัง!


พิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เอาใบปลิวและแผ่นพับไปแจกแม่ค้าขายหวยบนดินทุกเจ้า เวลาใครมาซื้อหวยบนดิน ก็แจกให้เอาไปอ่าน และช่วยกันเอาไปเผยแพร่กันไปให้ทั่วประเทศ และให้แม่ค้าบอกคนซื้อด้วย ว่า

ถ้ายังขืนดันทุรังเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเป็นรัฐบาล วันหวยออกไปซื้อหวยใต้ดิน คอยหลบตำรวจให้ดีเอาเอง...ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะจ๊ะ!!

แค่นี้ประชาธิปัตย์ ก็เจ๊งสนิทแล้ว....ใครไม่เชื่อผม ก็ลองทำดู!!!


.....................


ท้ายบท ท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยอ่าน การวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมนักการเมืองสาระขันขันประเทศของผม เลยขอตัดตอนเอาข้อเขียนกาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๒๑๖ “ตำนานรัฐบาล ‘แม้ว’... ตำนานรัฐบาล ‘มาร’ !!! ” บางส่วนมาลงให้ดูอีกครั้ง ดังนี้

...ตำนานการเมืองนั้นก็มีหลายเรื่องราว มีผู้เขียนแต่งเติมให้วิจิตรพิสดาร แต่ยุคหลังกึ่งพุทธกาลนี่ เมืองสาระขันขันก็มีหลายตำนานที่น่าสนใจ เช่น

เรื่องนายกเผด็จการมีภริยานับร้อย หรือเรื่องคณะรัฐมนตรีที่บริโภคบ้างกินเมืองจนกลายเป็น “ตำนานบุฟเฟ่ต์แดก-แคบบิเนต” และเรื่องเกี่ยวกับการคอรัปชั่นเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง จำกันไม่หวาดไม่ไหว นอกจากนั้นยังมีเรื่องแปลกๆที่น่าจะเป็น ‘ตำนาน-ความระยำ’ ในวันข้างหน้า ตัวอย่างเช่น

ภริยานักการเมืองใหญ่ อุ้มตุ๊กตาผ้าทำหน้าแป๋วแหวว เดินนำลูกน้อง ถือกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบหอบเงินดอลลาร์อัดแน่น ไปให้กิ๊กเก่าตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นซื้อ
อพาร์ทเมนท์ให้ที่เยอรมัน แต่ความแตกเพราะดันไปเทโชว์ที่บ้านคนไทยเมืองนั้น เลยหึ่งกันทั่วเมืองเยอรเผือก

นักการเมืองตำแหน่งใหญ่โตในอดีต ที่บอกว่าสมถะเหลือเกิน จนลูกพรรคต้องรวบรวมเงินก้อน ไปซื้อภริยานายตำรวจระดับสารวัตร มาเป็นเมียตัวเองด้วยตัวเลขสูงน่าตกใจ (แต่ไม่อดสูใจ) เพราะกลัวจะเรื่องอันน่ารังเกียจ ที่ไปมีความสัมพันธ์กับเมียชาวบ้าน ออกไปสู่สายตาประชาชน ต่อมานายตำรวจผู้นั้นลาออกจากราชการไป ผู้บังคับบัญชาผู้ใหญ่วิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นเพราะมีข้อตกลงพิเศษ กับฝ่ายนักการเมืองใหญ่...

ที่ดูหน้าซื่อๆแต่ ‘ตูดคด’ คนนั้นด้วย !

ผู้นำบางคนมีเมียน้อยแล้วยกย่องเหนือเมียหลวง ตายตกหมกไหม้ไปแล้ว เมียน้อย (ที่เดิมเป็นเมียน้อยตำรวจ อีกเหมือนกัน) ยังออกมาเสนอหน้าต่อสังคม เขียนถึงความรักของตัวเธอกับแก ทำให้เมียแก่คู่ทุกข์คู่ยาก ต้องออกมาคร่ำครวญกับผู้คนขอความเห็นใจ ร้อนถึงลูกเต้าที่มีตำแหน่งทางการเมือง ที่เก่งแต่ด่ารัฐบาลกับประเทศตัวเอง ขนาดอยู่ในวัยผมก็ขาวและหนวดก็หงอกแล้ว ยังต้องออกมาทำเสียงเครือร่ำร้องต่อสื่อมวลชน ขอร้องไม่ให้คุณเมียน้อยของบิดา เธอโชว์ออฟมากเกินเหตุ

ผู้คนเลยออกมาหัวเราะด้วยความสมเพช !

เสนาบดีบางนาย ที่ออกมาด่าว่าคนอื่นไม่ซื่อสัตย์ แต่ตัวเองขณะอยู่ในตำแหน่ง ได้ใช้อำนาจแก้ไขกฎเกณฑ์บ้านเมือง เปิดช่องเอาที่พระสงฆ์องค์เจ้ามาขายให้กับญาติตนเอง นำไปสร้างสนามตีกบ ทำกำไรเข้ากระเป๋า ไอ้คนนี้เมียน้อยตามไปถึงที่ทำงานราชการ มันไม่กล้าเผชิญหน้าแบบลูกผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ กลับวิ่งหนีไม่ยอมเข้ากระทรวง ราชการงานแผ่นดินเป็นอย่างไร กูไม่สนใจแล้ว เอาตัวรอดไว้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวอีนังเมียน้อยมันแทงเอาไส้แตกไส้แตน ตายโหงกันพอดี

ผู้คนก็ขำกลิ้งกันไป แต่ก็นึกเวทนาประเทศ ที่โชคร้ายได้นักการเมืองเฮงซวยอย่างนี้ มาบริหารกิจการของบ้านเมือง !!

ความอัปรีย์ที่คนในวงการเมือง ที่คาดไม่ถึงอย่างเรื่องเอาเมียมาเทิร์น แลกกันแบบรถยนต์ตามเต้นท์บริการ หรือนักการเมืองที่ไม่ใช่ผู้หญิง ดันเอานายโปลิสหนุ่มที่มีหน้าที่ติดตามตนไป ‘กก’ ทั้งในและนอกประเทศ โดยที่ตัวเองก็มีลูกมีเมียอยู่ด้วยซ้ำ

ขนาดแขวนเครื่องหมายบอกเพศ เป็นลูกตุ้มโตงเตงชัดเจนออกอย่างนั้น ผู้คนเขายังไม่เรียก ‘ลุง’ แต่เรียกอย่างกระแนะกระแหนว่า ‘ป้า’ เข้าให้

เลยเป็นเรื่องให้ ‘เม้าท์กระจาย’ กันทั่ว !!!

กระทั่งเรื่องทุเรศๆ อย่างแกนนำปฏิวัติปฏิเวร เอาเงินไปประเคนให้เมียน้อยไปซื้อ chateau ทำเป็นร้านขายอาหารที่ฝรั่งเศสยังไม่พอ ถึงหน้าข้าวเหนียวมะม่วงยังให้บริษัทการบิน มีภาระต้องแบกเอาลูกมะม่วง เรียงไว้บนเบาะที่นั่งผู้โดยสารชั้นหนึ่ง กลัวผลมะม่วงจะช้ำ เดี๋ยวเมียน้อยคนใหญ่โตขายไม่ออก ผู้มีอำนาจจะพาลตำหนิเอา ซวยเข้าไปอีก แต่ที่นั่งผู้โดยสารชั้นหนึ่งหดไปหนึ่งที่ ไม่ต้องเอาไปขายให้ใครเขานั่งกันแล้ว เพราะต้องเอาไว้ให้มะม่วงของแม่เมียน้อยคนโตมันนั่ง

เรื่อง ‘อัปรีย์-สีกบาล’ อย่างนี้ มีอีกมากมาย ใครก็ตามที่เคยเป็นตำรวจสันติบาลและอยู่ในหน่วยที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน ศึกษาติดตามพฤติการณ์บุคคล รวมทั้งนักการเมืองมานานเกือบครึ่งชีวิต เมื่อมีโอกาสก็ต้องนำเรื่องราวมาแย้มๆให้พลเมืองตาดำๆ รู้จักจดจักจำความระยำของคนพวกนี้ไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นักกินเมืองห่วยๆ เหล่านี้ ทำกับชาวบ้านได้อีก หรือถ้าเมื่อไรมันก่อความเลวขึ้นมา ก็เอาไว้ไม่ได้ ต้องวิพากษ์วิจารณ์ หรือด่ามันให้ได้ยินดังๆ

วันหน้า...วันหลัง พวกมันจะทำเรื่องตำบอนอะไรอีก ก็ต้องรู้สึกยำเกรงลมปากและการสาปแช่งของประชาชนกันบ้าง !

เรื่องราวที่แสนสนุกสนาน แต่น่าเกลียดน่าชังเหล่านี้ ล้วนแล้วต้องเป็น ‘ระยำตำนาน’ ให้ผู้คนยุคหลังต่อไปในวันข้างหน้าได้กล่าวขวัญถึงกันอึงคะนึง พร้อมกับสาปแช่งพวกนักการเมืองจัญไรให้จั๋งหนับ ซึ่งประชาชนคนรุ่นหลังเขาอาจใช้คำเรียกขานว่า

ตำนานมาร แทน ตำนานเมือง……


นั่นคือ สิ่งที่ผมได้เขียนเอาไว้และผู้คนก็สนใจกัน นำไปโพสต์ต่อในเวปไซด์อื่นๆอีกมาก แต่แน่ละ มันไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะ ‘ตำนาน’ ที่เกี่ยวกับนักการเมืองของสาระขันขันประเทศ ยังมีที่น่าสนใจปนน่าชิงชังอีกมากมาย ชนิดเล่ากันได้ไม่มีวันจบ!

หากท่านผู้อ่านสนใจ ก็ต้องคอยติดตามคอลัมน์นี้ให้ดีๆก็แล้วกัน ถ้าคนเขียนเกิด ‘ของขึ้น’อีกเมื่อใด

รับรองว่า จะร่ายยาวให้อ่านแบบ ‘มันหยด’ กันอีกแน่ๆ!!


.........................


กำลังโหลดความคิดเห็น