xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 228 “เดทสะมอเร่ แหงๆ !” (รัฐบาล หรือใครที่ไหนกัน?)

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


เช้าวันนี้...จิบกาแฟขมแล้ว ระหว่างการบริหารร่างกายฟังเพลงเพราะๆ ตามประสาคนชอบดนตรี แต่ปัจจุบันนี้ หาสถานีที่มีเพลงไทยหรือเพลงฝรั่งเก่าๆ รุ่นก่อนสงครามหรือหลังสงครามหน่อยๆ ที่มีความไพเราะฟังค่อนข้างยาก และอาจไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เป็นความชอบของคนที่ต่างยุคกัน แต่เรื่องของดนตรีนั้นบางครั้งก็น่าประหลาด ที่เพลงเก่าอาจกลับมาเป็นที่นิยมใหม่ก็ได้ จนไม่ใช่ของแปลก ถ้าเพลงนั้นกลับมาในเวอร์ชั่นใหม่ หรือมาพร้อมกับสิ่งดึงดูดใจอย่างอื่น เช่น

“ในฝันฉันเฝ้าเห็นจันทรา แลระยับจับเมฆาส่องเวหานภาพรรณ
ฉันกอดน้องประคองนุชสุดรัก งามพิศแลพักตร์เพียงเพ็ญจันทร์.....”


คือเพลง "ในฝัน” ของท่านผู้หญิงพวงร้อย สนิทวงศ์ กล้บมาใหม่พร้อมกับละครเรื่องเดียวกับชื่อเพลงเท่านั้น ก็กลับมาดังได้อีกครั้ง

พูดถึงเรื่องเพลงแล้ว มีท่านผู้อ่านใช้นามว่า “หนูป้อม” โพสท์มาถามตามความ คิดเห็นที่ ๑๒ ในกาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๒๐๙ จะกรีด...ให้ยับ !? เกี่ยวกับคำว่า “เดทสะมอเร่” ว่า

“คุณลุงขา คำว่า "เดทสะมอเร่" ที่คุณลุงเขียนมาสองฉบับซ้อนกัน แปลว่าอะไรกันแน่คะ มีคนบอกว่ามีความหมายถึงความตาย (death) ในภาษอังกฤษ แล้วทำไมต้องมี
"สะมอเร่" ด้วยคะ?”


ต้องบอกคุณหนูป้อมว่า คำว่า“เดทสะมอเร่” นั้น เป็นการนำภาษาฝรั่งเข้ามาใช้ในภาษาไทยอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งผมเรียกว่าเป็นการ “ลากเข้าไทย”คือเอาคำในภาษาต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ เข้ามาเป็นสำเนียงภาษาไทย เพื่อให้สะดวกกับการที่คนไทยจะพูดหรือจดจำ โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกเสียงตรงกับสำเนียงเจ้าของภาษา หรือใช้ในความหมายที่ตรงกัน ถ้าอยากดูคำอธิบายในเรื่องนี้ให้ชัดเจน กรุณาดูเปิดเข้าไปดู กาแฟขม...ขนมหวานตอนที่ ๗๖ “ ลากเข้าไทย !” แล้วท่านจะเข้าใจดี

คำที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาต่างด้าวอย่างเพลงจีนเช่น ขานโจวหว่อ แต่คนไทยมักออกเสียง ขันจอหว่อ ซึ่งเป็นภาษากวางตุ้ง แปลว่า เห็นใจหน่อย ขึ้นต้นว่า

“ขานโจวหว่อ ขานโจวหว่อ หยู่กวอหนี่เสินเปียน ไหซือหนี่ ตีทา...ฯลฯ”


ต่อมาคุณเบญจมินทร์ นักแต่งเพลงคนดังของไทย หรือชื่อจริงว่า ตุ้มทอง โชคชน นำทำนองนี้มาใส่เนื้อร้องไทยเป็นเพลงชื่อ “ขันจมบ่อ”ฮิตมากตอนระยะหลังสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ ร้องกันทั้งเมือง

ไม่น่าเชื่อว่าเพลงกันเดียวกันนี้ ครูเพลงชื่อ อร่าม ขาวสะอาด นำมาใส่เนื้อภาษาไทยนี้ ชื่อเพลง “เห็นใจบ้าง” และให้ นันทา ปีตะนีลผลิน นักร้องเสียงใสแหนวเป็นผู้ขับร้อง เพลงนี้ก็โด่งดังระเบิดระเบ้อร้องกันทั้งบ้านทั้งเมือง เนื้อร้องก็มีความหมายดี เขาบอกว่า

“เห็นใจเถิด เห็นใจบ้าง คู่เชยกลับร้างไกล ไร้ความชื่นรื่นรมย์.
เห็นใจเถิดเห็นใจบ้าง สิ้นทางสิ้นรักชม รักขาดลม ลอยไป....”


เดทสะมอเร่ นั้นก็เช่นกัน แม้ไม่ใช้คำภาษาไทยโดยตรง แต่เป็นคำที่ฮิตติดปากคนไทยมาเป็นเวลานานจะเป็นเวลาใกล้ ๕๐ ปีเข้าไปแล้ว คุณนคร มังคลายน ซึ่งเป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย ได้เอาทำนองเพลงฝรั่ง มาใส่เนื้อภาษาไทยใช้ชื่อว่าเพลง “เดทสะมอเร่ ”เพลงที่คุณนครท่านแต่งขึ้นต้นว่า

รักคนผิด คิดจนตาย ไม่วายครวญ “เดทสะมอเร่ ”
น้ำใจเธอ ช่างแปรปรวน ล้วนโกหก พกลมยิ่ง รักจึงรวนเร
เมื่อยามรัก ปากก็บอกว่าจริง ไม่ทอดทิ้ง ว่าจะแอบจะอิง
ไม่ทอดทิ้ง ฉันให้ว้าเหว่......

เพลงที่คุณนครนำมาใส่เนื้อไทยนั้น ชื่อ THAT’S AMORE คำว่า Amore เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า รัก หรือ ความรัก That’s amore! ผมแปลให้มันฟังดูเข้าสมัยหน่อยว่า นั่นแหละหนาคือความรัก แต่คำว่า “เดทสะมอเร่ ” ของคุณนครฯนั้น มีความหมายว่า

“ตาย” หรือ “ความตาย” หรือ “ตายแน่ๆ” ตามภาษาอังกฤษว่า “เด๊ด” (dead) หรือ “เดท” (death) นอกจากนั้นยังอาจใช้ในความหมายได้อีกหลายอย่างเช่น “จบ” ,“จบเห่” หรือ “สิ้นสุดลง”


แม้คำนี้จะไม่ได้มีบัญญัติเอาไว้ในพจนานุกรมราชบัณฑิต แต่คนไทยเข้าใจความหมายกันดี

THAT’S AMORE เป็นเพลงจากภาพยนตร์เรื่อง The Caddy ๑๙๕๔ โดยมี Dean Martin เป็นผู้ขับร้องและแสงภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยคู่กับ Jerry Lewis เพลงนี้ Jack Brook แต่งเนื้อร้อง Harry Warren ใส่ทำนอง เนื้อเพลงเป็นอย่างนี้ครับ

When the moon hits your eyes
Like a big pizza pie, that’s amore!
When the world seems to shine
Like you had too much wine,
That’s amore!

เพลงนี้เนื้อเพลงตลกมาก คือบอกว่า “แสงเดือนที่กระทบตาของเธอ โอ้โฮอันเบ้อเริ่อเท่าปิ๊ซซ่า สว่างไสวไปทั้งโลกา เหมือนยามน้องยาดื่มไวน์หนัก...นั่นแหละหนาคือความรัก”

เนื้อเพลงเฉิ่มๆอย่างนี้ใครจะไปอยากร้อง คุณดีน มาร์ติน คงมีความรู้สึกเหมือนคุณรวงทอง ทองลั่นธม ตอนครูเอื้อ สุนทรสนาน ท่านให้ร้องเพลง “ขวัญใจเจ้าทุย” เจ้าของเสียงน้ำเซาะทรายถึงกับร้องไห้ คนอะไรไปรักกับควาย แต่เมื่ออัดแผ่นเสียงขายได้ถึง ๕๐,๐๐๐ แผ่น ดังระเบิดระเบ้อไปเลย เพราะในยุคนั้นแค่ ๕,๐๐๐ แผ่นก็ฮิตแย่แล้ว เหมือนกับ THAT’S AMORE ไม่มีผิด เพราะ ดีน มาร์ติน ไม่อยากร้องเพลงนี้ แต่พออัดแผ่นไปแล้ว ปรากฏว่าขึ้นสู่อันดับสองค้างบนบอร์ดอยู่นาน ยอดขายถึงสองล้านแผ่นในยุคนั้น และคนไทยก็ชอบมาก

ผมเห็นว่า เพลงนี้คุณนคร มังคลายนท่านใส่เนื้อร้องได้ดีมาก เพราะ THAT’S AMORE เป็นเพลงที่มีจังหวะจะโคนค่อนข้างเร็ว กระแทกกระทั้นลงเป็นคำๆค่อนข้างชัดเจน พอคุณนครเอามาใส่เนื้อภาษาไทย ดูมันช่างลงตัว และลงจังหวะแบบเช้ะ เช้ะ เลยทีเดียว


ปีนี้มีบางสิ่งที่ผมได้ติดตามมาเป็นเวลานาน ต้องถึงกาลสิ้นสุดหรือยุติลง หรืออาจเรียกได้ว่า “เดทสะมอเร่ ” ไปเรียบร้อย คือรายการกระจายเสียง ของวิทยุบี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย ที่ได้เกิดขึ้นมา ท่ามกลางกลิ่นอายของสงครามโลกครั้งที ๒ ที่คุกคามผู้คนทั่วโลก การปฏิบัติการเพื่อแย่งชิงมวลชนของฝ่ายสัมพันธมิตร เดิมออกอากาศเป็นภาษาอังกฤษเพื่อรายงานข่าวสงครามเป็นหลัก และตอบโต้กับข่าวสารที่ถูกปล่อยออกมาโดยฝ่ายอักษะ ซึ่งมีเยอรมันเป็นแกนนำ

ต่อมาสงครามได้คุกคามแอฟริกาและหมู่ชาติอาหรับ จึงมีการออกอากาศเป็นภาษาอารบิค และขยายเพิ่มเติมออกไปอีกหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาของประเทศที่กำลังทำศึกกันอยู่ในดินแดนฝั่งตะวันตกของโลก กอปรกับความวิตกว่าภาคพื้นเอเชียตะวันออก ก็คงไม่อาจรอดพ้นเปลวเพลิงแห่งสงครามครั้งนี้ไปได้

บี.บี.ซี จึงได้เริ่มเปิดบริการภาษาฮินดูสถานเป็นภาษาแรกในภูมิภาคนี้ ก่อนจะเปิดบริการแผนกภาษาพม่า และแผนกภาษาไทยในเวลาต่อมา บีบีซีภาคภาษาไทย มีบทบาทอย่างมาในห้วงสงคราม และทำหน้าที่สื่อมวลชนให้ผู้คนในบ้านเมืองของเรา และคนไทยในต่างประเทศมายาวนานถึง ๖๔ ปี

รายการกระจายเสียง ของวิทยุบี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย นั้นมีคุณกับผมเพราะทำให้ได้รับความรู้กว้างขวาง และทำให้ระลึกถึงตัวเองเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ที่นั่งฟังรายการกระจายเสียงกับคุณตาซึ่งท่านเป็นนักเรียน King’s Scholarship และเป็นนักศึกษาไทยคนแรกที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย Dartmouth สหรัฐอเมริกา คุณตาท่านเรียนเศรษฐศาสตร์ และ
กฎหมาย นอกจากนั้นเป็นผู้ทรงความรู้ในด้านอื่นๆอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ การเมืองการปกครอง และเป็นนักศึกษาไทยคนแรกที่อยู่ในทีมอเมริกันฟุตบอลของมหาวิทยาลัยในสหรัฐด้วย

ผมได้รับการถ่ายทอดความรู้จากคุณตา มากกว่าหลานคนอื่น เพราะเป็นหลานคนเดียวที่เติบโตในบ้านท่าน และคุณตาเลี้ยงดูมาแต่เล็ก เนื่องจากพ่อเป็นนายตำรวจต่างหวัด ผมชอบนั่งคุยกับท่าน เมื่อท่านฟังรายการของ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย เลยพลอยได้รับฟังไปด้วย เมื่อไม่เข้าใจอะไรก็ถามคุณตา และการอยู่ใกล้กับผู้ใหญ่ จึงได้อ่านหนังสือมากกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน

ตัวผมเองก็ชอบรายการของ บี.บี.ซี. ที่นำเอารายการจากภาคภาษาอังกฤษมาแปล ไม่ว่าข่าว บทความ และคนแปลก็เก่ง ผู้อ่านก็ทำเสียงดีมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะรายการห้องสมุดของคุณรงค์รุจา สีห์สุรไกร นักเรียนโรงเรียนมาแตร์ เดอี รุ่นโตกว่าผม ท่านรุ่นก่อนอาจารย์นิสา เชนะกุล สองรุ่น (อ.นิสาฯเป็นอุบาสิกาคนสำคัญ ผู้ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่างแตกฉาน เป็นพี่สาวผู้เสมือนอาจารย์ทางธรรมของผู้เขียน) และผมเองก็ประทับใจเสียงอันทรงเสน่ห์ของคุณรงค์รุจา แบบหลงเสียงนางก็ว่าได้ ได้มีโอกาสเคยไปดูการออกอากาศของ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย ที่ Bush House ตอนน้องสาวไปให้สัมภาษณ์สด และตัวเองก็เคยให้สัมภาษณ์ในรายการของ บี.บี.ซี.สองครั้งด้วยกัน

จุดเปลี่ยนของรายการจากวิทยุ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย มาถึงเมื่อตอนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ซึ่งคนไทยที่ทำงานข่าวอยู่ในสถานีแห่งนี้ รายงานข่าวออกบทความที่คนไทยจำนวนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอียงกระเท่เร่ไปทางผู้ก่อการร้าย

บางคนถึงกับกล่าวหาว่า คนไทยที่ทำงานในสถานีแห่งนี้ เป็นตัวแทนผู้ก่อการร้ายไปโน่น ที่ถึงกับเลิกฟ้งไปเลยก็มีเป็นจำนวนไม่น้อย

ตรงนี้ต้องขออธิบายเพิ่มว่า เดิมพนักงาน บี.บี.ซี.ซึ่งเป็นคนไทยไม่ได้หาข่าวเอง คือทั้งข่าวและบทความจะต้องแปลเอาจากพวกฝรั่งเท่านั้น ต่อมามีการเปลี่ยนนโยบายให้ผู้สื่อข่าวภาคภาษาไทย จัดทำรายงานข่าวในประเทศไทยได้ จึงมีการส่งผู้สื่อข่างของ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทยมาทำข่าวในประเทศตัวเอง แต่มุมมองของคนไทยใน บี.บี.ซี .อาจแตกต่างออกไปจากคนที่อยู่ในบ้านเมือง ซึ่งต้องพบกับปัญหาการก่อการร้ายทุกวันก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม พอมีระเบิดกลางกรุงลอนดอนไม่ห่างจาก Bush House ที่ทำการใหญ่ของบี.บี.ซี.กลางกรุงลอนดอนเข้าเท่านั้น น้ำเสียงของผู้ดำเนินรายการคนไทย ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะ เพราะภัยอันตรายจากการก่อการร้ายที่เป็นของจริง ได้มาใกล้ตัวและจ่อสำนักงานของตนเข้าให้แล้วนั่นเอง

ผมเองนั้นชอบฟังรายการ บี.บี.ซี. เพราะอยากทราบว่า คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ เขามีมุมมองบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอย่างไร?

ตรงนี้สำคัญมาก เพราะคนที่รักชาติบ้านเมืองนั้น ไม่ใช่แต่เฉพาะต้องเป็นคนที่อยู่ในเมืองไทยเท่านั้น ผู้ที่มีความจำเป็นต้องทิ้งบ้านเมือง ไปทำมาหากินในต่างประเทศ ก็มีความรักและหวังดีต่อชาติบ้านเมืองออกถมไป

มีเรื่องที่ผมต้องแย้งเจ้าหน้าที่บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทยอยู่เล็กน้อย ซึ่งมักพูดให้คนไทยเข้าใจว่า ตัวเองนั้นคือองค์กรที่มีความ ‘เป็นกลาง’ คนในประเทศไทยที่ไม่รู้เรื่องที่มาที่ไปของสถานีแห่งนี้ ก็มักจะบอกว่า บี.บี.ซี.นั้นเป็นสื่อสารมวลชนที่เป็นกลางจริง แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น

ขอบอกว่า หากได้ค้นคว้าแล้วมองย้อนไปสักนิดคงทราบว่า บี.บี.ซี.ภาคภาษาต่างประเทศนั้น ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการโปรประกันดา ให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อต่อสู้กับการโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพฝ่ายอักษะ และเพื่อประโยชน์ของอังกฤษโดยแท้

เรียกว่า บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย ถือกำเนิดเกิดมา ก็มีฝักมีฝ่ายแล้ว การออกมาว่า‘เป็นกลาง’ ในความเห็นของผมนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก!

การปิดตัวเองของ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทย ผมมีความรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากสถานีนี้ยังดำรงคงอยู่ เราจะได้เห็นมุมมองที่น่ารับฟังจากผู้ดำเนินรายการชาวไทย ต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่ชาวไทยจำนวนมากหลากหลายวงการ แห่แหนกันออกมาขับไล่ คุณทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

มาวันนี้ บี.บี.ซี.ภาคภาษาไทยเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมายาวนาน ถึงคราว “เดทสะมอเร่” ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คิดถึง

จะเก็บความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีต่อกัน เอาไว้ในหัวใจตลอดไป


อีกรายการหนึ่งที่เคยเกือบถึงกาล “เดทสะมอเร่ ” แต่รอดหวุดหวิดคือรายการ“ธรรมะร่วมสมัย” เป็นรายการที่ทาง อ.ส.ม.ท. มอบให้ทางมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์จัดฟรีไม่คิดค่าเวลา เพื่อสนับสนุนพระพุทธศาสนา เป็นรายการออกอากาศตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีสองทาง FM ๑๐๐.๕ อ.ส.ม.ท. (คลื่นยอดนิยมของผม)

ผู้ดำเนินรายการเป็นคนวัด เป็น ‘มหาเก่า’ ชื่อ ทองขาว พ่วงรอดพันธ์ (เปรียญ ๕) มียศทางทหารเป็นพลตรี เพราะเคยเป็นอนุศาสนาจารย์ของกองทัพ มีหน้าที่ในการอบรมศีลธรรมทหาร และกิจกรรมพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับทหาร เช่นพิธีสงฆ์ต่างๆ

เมื่อเป็นนักเรียนเตรียมทหาร มีอนุศาสนาจารย์ผู้ที่ทำให้ผมสนใจในพระพุทธศาสนามากขึ้น คือท่านอาจารย์พันเอก เสริม คำแช่ม พอเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็มี พันตำรวจเอก วิจิตร สุกโชติรัตน์ เป็นอนุศาสนาจารย์ ท่านผู้นี้เมื่อยังอยู่ในสมณเพศ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯเคยทรงจัดไปถวายพระธรรมเทศนา พระบาทสมเด็จปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เรียกว่าเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนจำนวนมาก

ธรรมะร่วมสมัย เป็นรายการสำหรับการเผยแพร่พระธรรม คำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการเชิญวิทยากรซึ่งมีทั้งพระภิกษุสงฆ์และฆราวาส มาบรรยาย ซึ่งก็ได้รับความรู้ดี ความจริงแล้วรายการนี้มีจุดแข็งตรงวิทยากรที่ผู้คนชื่นชอบ เช่น

ทุกวันจันทร์ทางรายการก็นำเทปบันทึกเสียง ของพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ประยุทธ ปยุตโต) มาเปิดให้ฟังกัน ซึ่งก็เป็นที่ชื่นอกชื่นใจของชาวพุทธอย่างผม นอกจากนั้นยังมีท่านเจ้าคุณสุมนฯ วัดจากแดง พระประแดง สมุทรปราการ ท่านอธิบายพระอภิธรรม ฟังแล้วเข้าใจง่ายดีจัง ท่านมหาประนอมฯวัดมหาธาตุ บรรยายเรื่องภาษาบาลี บอกได้ว่าดีเหลือเกิน แถมยังมีท่านอาจารย์ พระมหาแกะ วัดอัมพวัน ราชวัตร ที่ผมศรัทธาในปฏิปทาของท่านอย่างมาก มาร่วมรายการอีกด้วย

ในราวปลายสมัยรัฐบาลทักษิณ ๑ ธรรมะร่วมสมัยเริ่มออกอาการของขึ้น ไปด่ารัฐบาลและกระแนะกระแหนนายกฯทักษิณเข้าให้ บางทีก็พระสงฆ์องค์เจ้าที่นิมนต์มาร่วมรายการบางรูป ถลกจีวรวิพากษ์วิจารณ์ผู้บริหารประเทศออกวิทยุ ทางรัฐบาลจะด่าตอบไม่ได้ถนัด เพราะหากโต้กลับก็กลายเป็นรังแกพระทันที แต่บางครั้งไพร่ของนายกฯ ก็ตอบโต้เอาด้วยความโกรธว่า

ให้ท่านถอดผ้าเหลือง ออกมาตั้งพรรคการเมืองเลยจะดีกว่า !

เลยกลายเป็นการตอบโต้กันระหว่างคนกับพระและพระกับคน วิจารณ์เลยเถิด ไปโจมตีเอาพระฝ่ายตรงข้าม หรือผู้ที่ไม่เห็นด้วยเข้าให้ จนทำให้รายการธรรมะร่วมสมัย เกือบถูกถอดออกจากผังไปเมื่อสิ้นปีที่แล้ว แต่ทาง อ.ส.ม.ท. ได้กรุณาต่ออายุให้เพราะมีผู้เฒ่าผู้แก่แฟนรายการ ยกกันไปร้องขอทาง ผอ.มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ซึ่งท่านกรุณาต่ออายุให้

หลังจากนั้นมหาทองขาวก็ดำเนินการมาอีกสองสามเดือน ทางฝ่ายมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยเห็นว่า ควรเปลี่ยนผู้ดำเนินรายการใหม่ ให้ฝ่ายผู้จัดรายการเดิมจัดได้เพียงบางวัน มหาทองขาว เลยขอยุติบทบาทตัวเองในฐานะผู้ดำเนินรายการที่ดำเนินมากว่า ๙ ปี บอกว่าจะไปสมัครรับเลือกตั้งเป็นนักการเมืองกับเขาบ้าง

ทาง อ.ส.ม.ท. คงเห็นว่าเมื่อตกลงกันไม่ได้ เลยสั่งยุบรายการไปเลย ธรรมะร่วมสมัย เลยถึงการ “เดทสะมอเร่ ”เรียบร้อยโรงเรียนวัดไปอีกราย ซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะรายการสำหรับพระพุทธศาสนาทางคลื่น Fm ที่มีน้อยอยู่แล้วเลยหดหายไปอีกหนึ่งรายการ

สำหรับมหาทองขาวนั้น ถ้าคนเขาไม่เลือกก็อย่าเพิ่งท้อถอย กลับมาเป็นนักจัดรายการวิทยุ ถ้าทางฝ่ายมหาจุฬาฯไม่ยอมให้ใช้ชื่อรายการธรรมะร่วมสมัย ผมจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่าเป็นรายการ

“ธรรมะไกลธรรมาสน์”


เชื่อว่าก็ยังพอมีคนฟังอยู่บ้าง แต่ถ้ามหาทองขาวเกิดหลุดเข้าไปในสภาได้ จะไปจัดรายการ “ธรรมะไกลธรรมาสน์” ที่วิทยุรัฐสภาก็จะดีมาก เพราะตอนดึกทางรัฐสภาไม่มีรายการออกอากาศอยู่แล้ว ผมจะชวนแฟนๆคุณมหาทำหนังสือไปขอเวลาทางประธานรัฐสภา ซึ่งไม่น่าจะยากเย็นอะไร

...จะได้เอาไว้ขัดเกลาสันดาน ส.ส. และ ส.ว. ที่เป็นชาวพุทธบ้าง เพราะสมัยที่ผ่านมา มีแต่เรื่องอัปรีย์จากสภา ออกมารกรูหูชาวบ้านเขาเป็นเนืองนิตย์ ถึงขั้นจะติดคุกเพราะไปชำเราเด็กก็มี ชกต่อยกันในสภาซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน หากเป็นโบราณต้องถูกลงโทษหนัก โดนหวายโบยหลังขาดไปแล้ว

นอกจากจะไม่ใส่ใจในการประชุมรัฐสภา ทำให้สภาล่มประชุมกันไม่ได้ ผู้คนจึงรู้ว่าคนพวกนี้ไม่มีความสำนึกในหน้าที่เลยด่าเข้าให้ แถมยังมีการออกมาแฉกันเองว่า รับเงินรับทองเป็นค่ายกมือในฐานะฝักถั่ว ชาวบ้านด่ากันขรมเข้าไปอีก

บางคนถึงขั้นโดนฟ้องศาลเรื่อง ‘ปล้นทรัพย์’ เป็นคดีความอยู่ก็มี...

น่าสมเพชมากจริง ผู้คนบอกว่า ดีแล้วที่ ส.ว. ชุดนี้หมดอายุไปเสียได้ อยู่รกหูรกตาชาวบ้านมานานเต็มทีแล้ว !


แม้ราย ‘ธรรมะร่วม’ สมัยต้อง “เดทสะมอเร่ ไปจริงๆ สาธุชนชาวพุทธก็ไม่น่าต้องเป็นห่วงให้ทุกข์ใจไปเปล่าๆ เพราะธรรมะของพระพุทธองค์นั้นยังดำรงอยู่อย่างมั่นคง เพียงแต่การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของชีวิตและสรรพสิ่งต่างๆในโลก ตามกฎของไตรลักษณ์นั้น ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้


เช่นเดียวกัน...รัฐบาลที่ไหนๆในโลกนี้ ล้วนต้องตกอยู่ในกฎอันสำคัญของโลกนี้ ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างออกไปเลย !


รัฐบาลใดก็ตาม เมื่อศรัทธาของประชาชนเสื่อมลง ผู้คนไม่พอใจในการบริหารราชการงานแผ่นดิน เพราะทะลึ่งขนเอาญาติโกโหติกาแห่กันเข้ามาเอาเปรียบประชาชน ช่วยกันสูบเอาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของบ้านเมืองไปอย่างไม่เป็นธรรม ละเลยปล่อยให้การทุจริตเบ่งบาน โดยไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วทันการ อีกทั้งไร้ประสิทธิภาพในการปราบปรามการก่อร้าย ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนลูกเด็กเล็กแดง ผู้หญิง คนชราผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก ผู้คนเดือดร้อนเหลือกำลัง ประชาชนตรมอยู่ในความทุกข์มายาวนาน

แม้รัฐบาลนั้นมีเสียงในสภามากมายเพียงใด ก็อยู่ต่อไปยากลำบาก ต้องล้มคว่ำล้มหงายกลายเป็นตุ๊กตาล้มลุกคลุกฝุ่น อย่างที่เห็นๆกันว่ามันคว่ำตัวมันซะเองมาแล้วหยกๆ

แม้จะเลือกตั้งกันใหม่ ถึงจะพยายามดิ้นรนซื้อเสียง ไล่ซื้อพรรคเล็กพรรคน้อยมาอยู่ในอาณัติ มาทำหน้าที่เป็นตุ๊กตาเสียกบาล เป็นสะพานให้พวกตนเหยียบย่ำ เพื่อให้ได้รับเลือกกันเข้ามาเป็นเสียงข้างมากอีก แต่ถ้าหากชาวบ้านเขาสิ้นศรัทธา เพราะเห็นว่าไอ้พวกเอ็งมันคดโกง
สุมหัวกบาลกันตั้งเป็นแก๊งปล้นชาติ หากประชาชนขืนปล่อยเอาไว้ต่อไป


รังแต่เป็นเสนียดต่อแผ่นดิน ถิ่นประเทศเป็นแน่แท้,,,




ผู้คนในบ้านเมืองก็คงต้องแห่แหนกันออกมา ขับไล่ไสส่งกันอีก แม้จะอยู่ในตำแหน่งได้อีกครั้งแต่ก็ไร้ความสุข เพราะนอกจากโดนฝูงชนประเทศตัวเองสาปแช่งแล้ว ยังจะถูกดูแคลนในต่างประเทศว่า เป็นรัฐบาลที่เต็มไปด้วยการคดในข้องอในกระดูก หมดความสง่างาม
จะไปติดต่อฝรั่งมังค่า เขาพูดด้วยก็แค่รักษามารยาทต่อหน้าเท่านั้น แต่ก็ด่าเอาลับหลัง กระทั่งลูกเมียจะไปเดินห้างซื้อหากาแฟกินกันสักแก้ว ก็โดนโห่ร้องขับไล่สาปแช่ง ไม่เว้นแม้แต่ตัวเองก็เจอเข้าจังๆ อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวกันมาแล้ว

การขับไล่ของประชาชน จะสำเร็จเร็วหรือช้าอย่างไรนั้น ให้ทำใจกันไว้ได้เลย เพราะไอ้พวกนักการเมืองทำลายจนชาติใกล้ฉิบหายนั้น คนเขาเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งไล่ติดต่อกันอย่างนี้ ต่อให้มันกินเหล็กกินไหลของอาจารย์ดังมาจากไหน

เชื่อขนมเจ๊กกินได้เลยว่า ลงท้ายก็ไม่พ้น



“เดท สะมอเร่...แหงๆ !!!”


..................................

ท้ายบท

ผมได้ชักชวนให้ท่านผู้อ่าน ไปดูการแสดงโอเปร่าที่มูลนิธิมหาอุปรากรกรุงเทพ จัดการแสดงมาโดยสม่ำเสมอ เมษาหน้าร้อนนี้อยากให้ท่านผู้อ่านพาลูกหลานไปดู
The Magic Flute (ขลุ่ยกายสิทธิ์) มหาอุปรากรที่ยิ่งใหญ่ของโลกโดยอัจริยะทางดนตรี วูล์ฟกัง อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart)

The Magic Flute เป็นเทพนิยายแนวแฟนตาซีคอมเมดี้ เรื่องราวของความดีและความรักที่สามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ ส่วนในเชิงดนตรี จุดเด่นของโอเปร่าเรื่องนี้คือโน้ตที่มีเสียงสูงที่สุดในโลก ในเพลงเอกของ Queen of The Night
มหาอุปรากรเรื่องนี้ ทางบางกอกโอเปร่าเขาได้จัดแสดงขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ ในตอนนั้นมีผู้คนหลั่งไหลไปดูกันอย่างมากมาย เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และมีเสียงเรียกร้องให้นำมาแสดงอีกครั้ง

มาปีนี้มูลนิธิมหาอุปรากรกรุงเทพ จึงนำเรื่องนี้กลับมาแสดงอีกครั้งเพราะผู้คนเรียกร้องมากเหลือเกิน และเป็นการเปิดตัว คุณทฤษฎี ณ พัทลุง ผู้อำนวยเพลงรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ทำให้ฝรั่งมังค่า ทึ่งกับความสามารถของผู้อำนวยเพลงรุ่นเยาว์ที่มีอายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น แต่เคยทำหน้าที่วาทยากรในโรงละครระดับโลกมาแล้ว คราวนี้เป็นการอำนวยเพลงโอเปร่าครั้งแรกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งมีผู้ร่วมแสดงที่เป็นนักร้องโอเปร่าชื่อดังอย่าง แนนซี่ หยวน คนนี้เป็นนางเอกในมหาอุปรากรเรื่องแม่นาคพระโขนง ผมชอบมากเพราะเสียงเธอดีเหลือเกิน นอกจากนั้นยังมี ศรัณ สืบสันติวงศ์ และ เฮราล เมียร์ส ร่วมแสดงนำ

การแสดงจะมีขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรม (หอใหญ่) วันที่ ๕ และ ๖ เมษายน ๒๕๔๙ เวลา ๒๐.๐๐ น. เท่านั้น จึงขอเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านที่ชอบในโอเปร่าไปดูกัน ส่วนท่านที่ยังไม่เคยไปอยากให้ลองพาเด็กๆของท่านไปดู เพราะโอเปร่าเรื่องนี้ดูง่าย เด็กๆจะชอบมาก

ผมรับรองว่า...ท่านจะไม่ผิดหวังครับ !

จองบัตรได้ที่
ไทยทิคเก็ต มาสเตอร์ โทร.0-2262-3456 www.thaiticketmaster.com และที่บางกอกโอเปร่า สุขุมวิท 36 โทร.0-2661-4688-9 www.bangkokopera.com
กำลังโหลดความคิดเห็น