xs
xsm
sm
md
lg

2 เม.ย. ทำไมผมไม่ไปเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

วันก่อนผมโทรศัพท์ไปหามิตรผู้หนึ่งซึ่งรับราชการอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ เพื่อสอบถามถึงวันเลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิ์นอกราชอาณาจักร ซึ่งก็ได้รับคำตอบมาว่า สำหรับคนไทยผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศที่ผมอยู่นั้นจะต้องไปลงคะแนนในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2549 นี้

จะว่าไป ก่อนหน้าของวันก่อนผมก็กำลังนึกๆ อยู่ว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งอัปยศ 2 เมษายนนี้ (ตามกำหนดของการเลือกตั้งในประเทศไทย) ผมจะไป Vote No Vote หรือคือ ติ๊กไม่เลือกใคร (ไม่ใช่ติ๊กผิด) อย่างที่หลายฝ่ายเขารณรงค์กัน

แต่เมื่อได้ฟังคำบ่นจากมิตรคนเดิม ผมก็เกิดอาการเปลี่ยนใจ ...... ไม่ไปเลือกตั้ง

ด้วยเหตุผลอะไรที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ผมจะไม่ไปลงคะแนนและยอมเสียสิทธิทางการเมือง 8 ประการ?

สาเหตุข้อที่หนึ่ง ก็คือ มิตรคนเดิมเขารำพึงรำพันให้ฟังว่า การเลือกตั้ง ส.ส. สำหรับผู้ใช้สิทธิ์นอกราชอาณาจักรนั้นดูๆ แล้วมีช่องโหว่ให้โกงกันเยอะ อย่างเช่น เมื่อมีการลงคะแนนล่วงหน้าในประเทศต่างๆ เสร็จก็จะต้องแยกบัตรเลือกตั้งออกเป็นเขตต่างๆ ก่อนที่สถานทูตจะส่งบัตรเลือกตั้งขึ้นเครื่องการบินไทยไปยังเมืองไทย จากนั้นจึงนำบัตรเลือกตั้งกระจายไปยังเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วประเทศที่ผู้ใช้สิทธิ์ในต่างประเทศมีภูมิลำเนาอยู่ และสุดท้ายคือการนำเอาบัตรเหล่านั้นไปลงกล่องรวมกับผู้ที่ใช้สิทธิ์ในวันที่ 2 เมษายน ก่อนนำไปนับคะแนน

ลองนึกๆ ดูสิครับ ก่อนที่บัตรเลือกตั้ง 'ติ๊กไม่เลือกใคร' ของผมจะเดินทางไปขึ้นกระดานนับคะแนนยังเขตบ้านที่กรุงเทพฯ 'ติ๊กไม่เลือกใคร' อาจจะกลายเป็น 'ติ๊กไทยรักไทย' เมื่อไหร่ก็ได้

จริงอยู่ ใช่ว่าการเลือกตั้งสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิ์นอกราชอาณาจักรครั้งนี้จะทำเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรดำเนินการไปแล้ว 3 ครั้ง คือ การเลือกตั้ง ส.ว. (กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2543) การเลือกตั้ง ส.ส. 2544 และ การเลือกตั้ง ส.ส. 2548 ที่เขาว่ามีการโกงการเลือกตั้งกันอย่างมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งสุดท้ายก็นำมาสู่ 19 ล้านเสียงที่ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยใช้ยืดได้อยู่เกือบปี

ข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศระบุว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุดเมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่าน มีผู้ที่ใช้สิทธิ์นอกราชอาณาจักรมากถึง 41,488 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 40.28ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

สาเหตุประการถัดมา ก็คือ ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินภาษีหลายพันล้านบาทของผมและพี่น้องชาวไทยทั้งมวลไปกับการเลือกตั้งที่มีสาเหตุมาจากการยุบสภาอันไม่ชอบธรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร

อย่างที่ทราบ การยุบสภาอย่างกระทันหันในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 มิได้มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่าง ฝ่ายบริหาร (คุณทักษิณและคณะรัฐมนตรี) และ ฝ่ายนิติบัญญัติ (สภาผู้แทนราษฎร) แต่ประการใดเลย แต่เป็นเพียงการเล่นเกมของ คุณทักษิณ ที่พยายามใช้ 'ตะกร้าเลือกตั้ง' มาล้าง 'ความสกปรก' ส่วนตัวออกเท่านั้น

ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 วันประกาศยุบสภา พรรคไทยรักไทยของคุณทักษิณก็ยังคงครองเสียงอยู่ในสภาถึง 375 ที่นั่งจากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่การยุบสภาจะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจนบริหารประเทศไม่ได้ แต่สาเหตุที่แท้จริงของการยุบสภาครั้งนี้คือ ความพยายามเล่นเกมสกปรกของคุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยด้วยการเอา 'ประชาธิปไตยจอมปลอม' หรือ 'ประชาธิปไตย 4 วินาที' มาหลอกประชาชนทั้งประเทศ

คุณทักษิณและสมุนไทยรักไทย พยายามบอกว่า การเลือกตั้งคือการรักษากติกาของประเทศ ที่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาแล้วทุกคนจะต้องยอมรับ ไม่ว่าผู้นำที่กำลังจะถูกเลือกเข้ามานั้นจะเลวแค่ไหน จะไร้จริยธรรมอย่างไร หรือเคยมีพฤติกรรมขายชาติ-ขายแผ่นดินก็ตามที

เมื่ออดีตพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค คือ ประชาธิปัตย์-ชาติไทย-มหาชน ออกมาแสดงจุดยืนปฏิเสธ (บอยคอต) การเลือกตั้งด้วยการไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน คุณทักษิณและพรรคไทยรักไทยก็พยายามประโคมข่าวให้ชาวบ้านร้านตลาดเข้าใจว่า พรรคฝ่ายค้านกำลังทำลายระบอบประชาธิปไตย และไม่เคารพเสียงของประชาชน

การจะอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายๆ สำหรับคนทั่วไปนั้นเคยมีอดีตนักกีฬาผู้รักประชาธิปไตยผู้หนึ่งกล่าวกับผมว่า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้จริงๆ แล้วต้องแจกแจงให้ประชาชนฟังด้วยวิธีที่เข้าใจง่ายโดยนำการแข่งขันกีฬามาเปรียบ อย่างเช่น นำไปเปรียบเทียบกับการแข่งขันฟุตบอล

อุปมาอุปมัย เปรียบเสมือนทีมฟุตบอลทีมหนึ่งสมมติว่าชื่อ ทีมไทยลักไทย กำลังประกาศท้าแข่งขันกับทีมฟุตบอลทีมอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมไทยลักไทยกลับไปกำหนดเวลาแข่งเอง แล้วแจ้งให้ทีมอื่นทราบว่า
"อีก 3 วันจะถึงวันแข่งแล้วนะ พวกมึงต้องลงแข่ง ไม่งั้นถือว่าพวกมึงไม่มีสปิริต ไม่เคารพกฎกติกา"

ขณะที่นักฟุตบอลของทีมอื่นๆ ยังไม่มีเวลาเตรียมตัวหรือฝึกซ้อมอะไรเลยสักนิด ดังนั้นเมื่อมาไตร่ตรองดูแล้ว ผู้จัดการทีมอีก 3 ทีมจึงปฏิเสธที่จะส่งนักเตะลงแข่งขันกับทีมไทยลักไทย โดยตอบกลับมาว่า
"เวลาเพียงแค่ 3 วัน แค่หาตัวนักฟุตบอลมาลงเล่นก็ลำบากจะตายโหงแล้ว อย่าว่าแต่จะไปเตะให้ชนะ เปลืองเงินอัดฉีด เปลืองแรง เปลืองเวลา เปล่าๆ เปลี้ยๆ"

นอกจากนี้แล้ว เมื่อประกอบเข้ากับข่าวลือที่แพร่สะพัดก่อนการแข่งขันว่า กรรมการจากแก๊งกวนตีน ทั้ง 4 คน ไม่ว่าจะเป็น กรรมการในสนาม ผู้กำกับเส้น 2 คน และกรรมการสำรองอีกคน ต่างก็ซูเอี๋ยกับทีมไทยลักไทยไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นกันมาอย่างชัดเจนตั้งแต่การแข่งขันครั้งก่อนๆ แล้วว่าการตัดสินไม่ยุติธรรมไม่ว่าจะเป็น การแจกใบเหลือง-ใบแดงในแมตช์ที่ผ่านมา หรือล่าสุดการกำหนดวันแข่งขันอย่างกระชั้นชิดที่ให้เวลาทีมอื่นๆ เตรียมตัวน้อยนิดอย่างเหลือเชื่อ

สุดท้ายทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลแมตช์วันที่ 2 เม.ย. จึงออกมาในรูปลักษณ์ที่ว่า มีทีมฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลงแข่งขันเพียงทีมเดียว ขณะที่ทีมไม้ประดับอื่นๆ นั้นเป็นแค่ระดับอนุบาลหมีน้อยที่รับตังค์ค่าจ้างจากทีมไทยลักไทยมาลงเตะ เหมือนกับว่าฟุตบอลแมตช์นี้บังคับให้คนไทยทุกคนจ่ายเงินดูทีมฟุตบอลลงเตะอยู่ทีมเดียว ......

และที่สำคัญก็คือ ค่าจัดการแข่งขัน และ ค่าบัตร ของฟุตบอลแมตช์นี้ก็แพงหูฉี่เสียด้วย เพราะ ต้องใช้เงินมากกว่า 2,200 ล้านบาท มากพอๆ กับเวลาที่ทีมฟุตบอลรวยๆ ในยุโรปควักกระเป๋าซื้อนักฟุตบอลชั้นดีได้ 2-3 ตัวเลยทีเดียว (โดย 2,200 ล้านบาทนี้ยังไม่รวมค่าเสียโอกาสของคนไทยทั้งประเทศจากการต้องเสียเงิน-แรง-เวลา เดินทางไป-กลับภูมิลำเนา เพื่อไปเลือกตั้งอีกด้วย)

ประการที่สาม เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว อย่างที่หลายฝ่ายกล่าวว่า การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน นี้เป็นการเลือกตั้งที่ไร้อนาคตที่ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดเมื่อใด และจะต้องใช้งบประมาณเพื่อการนี้อีกมากมายเพียงใด อีกกี่ร้อยล้านหรืออีกกี่พันล้าน เพื่อจัดการเลือกตั้งซ่อมในเขตที่ไม่สามารถสรรหา ส.ส.ได้

เนื่องจาก คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศออกมาแล้วว่า ในจำนวนเขตเลือกตั้ง 271 เขตใน 71 จังหวัด มีผู้สมัคร ส.ส.เพียงคนเดียว และในจำนวน 271 เขตนี้ก็มีแนวโน้มสูงว่าจะมีหลายเขตที่ผู้สมัครจะได้คะแนนไม่ถึง ร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ อันจะทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ไม่รู้อีกกี่ครั้ง

นอกจากนี้ในประเด็นเรื่อง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของไทยรักไทยก็ยังมีปัญหา เนื่องจากผู้สมัครคนหนึ่งทำการประท้วงพรรคด้วยลาไปอุปสมบทเสียแล้ว ทำให้รายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของไทยรักไทยเหลือเพียง 99 รายชื่อเท่านั้น อันจะส่งผลให้หลังวันที่ 2 เม.ย. นี้ยังไงๆ จำนวน ส.ส.ในสภาก็ไม่มีทางถึง 500 เสียง และจะนำไปสู่ภาวะที่ไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อสรรหานายกรัฐมนตรีต่อไปได้

สรุปแล้ว การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 นี้ จะไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศชาติใดๆ ได้เลย นอกจากเป็นการหาข้ออ้างเพิ่มเติมให้พรรคไทยรักไทยนำมาโจมตี พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ มากกว่านั้นยังเป็นการยืดอายุการดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีของคุณทักษิณให้ยืนยาวออกไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ประการสุดท้าย ถามว่า แล้วตัวผมเองไม่ห่วงว่าสิทธิทางการเมือง 8 ประการของผมจะหายไป เนื่องจากการไม่ไปเลือกตั้งครั้งนี้หรอกหรือ?

คำตอบก็คือ เรื่องนั้นผมไม่ห่วงหรอกครับ เพราะสิทธิดังกล่าวนั้น ผมจะไปทวงคืนในการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 19 เมษายน 2549 นี้ แต่ประเด็นที่ผมห่วงมากกว่าก็คือจะมีคนชั่วเอาสิทธิของผมไปเล่นแร่แปรธาตุ และที่สำคัญผมตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเอาเงิน-เอาแรง-เอาเวลา ไว้ไปไล่ทรราชดีกว่า

ท้ากกกกกก ... ษิน ออกไป!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น