xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 225 “ทักษิณ ชินวัตร...‘ตัวซวย’ประเทศไทย !?”

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

เช้าวันนี้... จิบกาแฟขมถ้วยที่สองด้วยอารมณ์แจ่มใสแช่มชื่น เพราะอากาศวันนี้สดใสมาก อาจเป็นเพราะฤดูร้อนอาจใกล้มาถึงเต็มตัวแล้ว แต่แถวบ้านผมซึ่งอยู่ทางภาคเหนือในยามอรุณรุ่งยังคงเย็นสบาย อากาศโปร่งใสไร้มลพิษ เหมาะสำหรับการจิบกาแฟและดูข่าวสารบ้านเมืองทางโทรทัศน์ไปด้วย

การอยู่ต่างจังหวัดนั้น ทำให้พลาดรายการวิทยุดีๆของกรุงเทพไป เพราะรายการที่ผมฟังนั้น เขากระจายเสียงด้วยระบบ Fm แต่ไม่ถึงต่างจังหวัด อีกทั้งหน้าบ้านก็เป็นภูเขา หลังบ้านก็เป็นดอย และบ้านก็อยู่ตีนเขาเสียอีก เลยรับฟังรายการวิทยุได้ไม่กี่สถานี แถมคลื่น Fm ที่กระจายเสียงจากตัวจังหวัดพอฟังได้ชัดหน่อย ยังเป็นสถานีที่ถูกรายการเพลงลุกทุ่งยึดครองเสียอีก จึงต้องพึ่งพาข่าวสารจากโทรทัศน์เป็นหลัก ซึ่งไม่สะดวกเหมือนการฟังวิทยุ เพราะวิทยุกระเป๋าหิ้วเล็กๆนำติดตัวไปไหนๆก็ได้ แต่รายการโทรทัศน์นั้นต้องนั่งจ่อมอยู่หน้าจอ ลุกไปไหนมาไหนก็อาจพลาดตอนสำคัญของข่าว อยากจะหิ้วโทรทัศน์ติดตัวเข้าไปในห้องน้ำ หรือออกไปขี่จักรยานก็ทำไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายๆวันจันทร์สัปดาห์ที่แล้ว ได้มีโอกาสดูรายการที่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเขาแนะนำให้ดู คือรายการ ‘ก่อนบ่าย คลายเครียด’เมื่อวันจันทร์ต้นเดือนมีนาคม ‘คุณโย่ง เชิญยิ้ม’ เล่นเป็นนายห้างที่กิจการขาดทุนหนัก มี ‘คุณตั๊ก’ สวมบทเป็นภริยาคอยปลอบใจ

คุณโย่งก็พูดจาที่ผมจำไม่ได้หมด แต่เป็นไปในทำนองนี้

“ตอนที่เรารักกันใหม่ๆ พี่หกล้มตกบันใดแขนขาหัก น้องก็เอาใจใส่คอยประคองลุกประคองนั่งตลอด”


คุณตั้ก พูดรับสามีตามท้องเรื่องว่า “จ้ะ”

คุณโย่ง พูดต่อ “อยู่กินเป็นผัวเมียกันแล้ว จูงมือเดินข้ามถนนด้วยกัน รถอีแต๋นเฉี่ยวเอาพี่สลบไป แต่น้องไม่โดนชนด้วย พอฟื้นขึ้นมาเห็นหน้าทูนหัวอยู่ข้างเตียงเคียงข้างพี่ ไม่ได้ทิ้งไปไหน คอยรักษาพยาบาลอยู่ตลอด แม่คุณเอ๋ย..เมียพี่เป็นแม่พระที่แสนดีจริงๆ”

“จ้ะ” คุณตั๊กพูดเหมือนเดิม

“ตอนนี้พี่ค้าขายเจ๊งหมด ไม่เคยโชคร้ายอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่น้องก็ไม่ทิ้งพี่ไปหาผัวใหม่ กลับคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้ต่อไป ช่างดีจริงๆ จะหาเมียประเสริฐอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก ในโลกนี้คงมีแต่น้องคนเดียวนี่แหละ”


คุณตั้กยังคงย้ำ “จ้ะ”

คุณโย่งแตะมือคุณตั้ก ทำตาเชื่อมออดอ้อนเว้าวอน

“พี่อยากบอกอะไรน้อง อย่างตรงไปตรงมาสักหน่อย จะได้ไหมจ๊ะ?”
คุณโย่งถามอ่อนหวาน

“พี่จะพูดอะไรหรือจ๊ะ? พูดอะไรก็ได้ฉันไม่ว่าหรอกจ้ะ”
คุณตั้ก ถามกระตือรือร้นเพราะอยากรู้

คุณโย่งผลุนผลันลุกขึ้น ยกนิ้วชี้หน้าคุณตั๊ก พร้อมกับตะโกนเสียงลั่น

“จะบอกให้..แกเนี่ยะนะ... อีนังตัวซวย !


ความจริงแล้วมุกนี้เก่า พวกตลกเล่นกันมานมนานแล้ว แต่คนเล่นต้องเก่งอย่างคุณโย่งกับคุณตั๊กจึงจะดูแล้วขำ ถ้าเล่นไม่เก่งก็ออก “มุกแป้ก” หรือไม่ขำ เหมือนดูนายกทักษิณพูดกับคุณสรยุทธ ซึ่งซ้ำๆซากๆเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ยกแต่กติกูๆๆๆ แค่นั้นน่ารำคาญมาก

ที่เอามาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่านวันนี้ เพราะสะดุดตรงคำพูดของคุณโย่ง ที่บอกว่า
‘ตัวซวย’ นี่แหละ

มสนใจในเรื่องของเด็กและเยาวชน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะอิทธิพลของพ่อที่เป็นตำรวจ และเป็นผู้กำกับการกองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน เป็นคนแรกของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในระหว่างที่พ่อดำรงตำแหน่งนั้น จึงมีโอกาสรู้จักเด็กหลายคนที่มีปัญหาและผู้ปกครองพาไปพบพ่อ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ดีมีชื่อเสียง

ตัวผมเองทึ่งในความสามารถของพ่อตัวเองเอามากๆ ที่สามารถโน้มน้าวจิตใจเด็กเหล่านี้ จนสามารถกลับตัวกลับใจ หลายคนกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมปัจจุบัน

ในชีวิตการเป็นตำรวจ ได้เห็นการทารุณเด็กมาหลายต่อหลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งจำได้ไม่ลืม แม่ตีลูกจนเด็กซึ่งเป็นลูกแท้ๆตายไปเลย และตัวคนเขียนเองรู้สึกโกรธทุกครั้งไป ที่ได้เห็นเด็กถูกทำร้าย

เป็นเรื่องไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ที่คนเป็นพ่อแม่แท้ๆจะไปปฏิบัติต่อลูกตัวเองเช่นนั้น เท่าที่พบมีหลายราย ทำร้ายลูกเพราะไม่ถูกใจ ไม่ชอบหน้า หรือเกลียดทายาทของตัวเอง โดยอาจมีสาเหตุหรือไม่มีก็ได้

เด็กบางคนเกิดมาแล้ว พ่อแม่ประสบเคราะห์กรรมทางเศรษฐกิจ หรือโชคร้ายด้วยเหตุอื่นๆ เช่นพ่อแม่พบอุบัติเหตุแต่กลับโทษว่า ลูกคนนี้นำเคราะห์ร้ายมาให้ตนเอง เลยพาลรังเกียจเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวแท้ๆ หนูน้อยที่น่าสงสารจึงมีชีวิตอยู่ในโลก ด้วยความระทมขมขื่น

ในที่สุดเมื่อพอพวกเขามีกำลังพอ และดูแลตัวเองเป็นแล้ว จึงเตลิดออกจากบ้าน โดยไม่ย้อนกลับมาหาพ่อแม่อีกเลย ก็มีให้เห็นกันอยู่เสมอ ไม่ต้องไปดูไกลถึงไหน ลองไปคุยกับพวกเด็กเร่ร่อนในกรุงเทพดูเถอะครับ จะรู้ว่าผมพูดไม่ผิด ที่ทราบดีก็เพราะตัวเองเคยสัมภาษณ์และคุยกับเด็กพวกนี้มานักต่อนักแล้ว

ที่น่าแปลกใจมากคือ บรรดาพ่อแม่ที่หลงงมงายกับความเชื่อ ในการทำนายทายทักว่าลูกที่เกิดมานั้น หากขืนเลี้ยงดูต่อไป ก็จะนำมาซึ่งโชคร้ายกับครอบครัวและพี่น้อง ควรยกให้คนอื่นไปดูแล อย่าเอาไว้ใกล้พ่อแม่พี่น้องเดี๋ยวจะเป็นภัย

คำทำนายของหมอดูหรือโหรที่ทำนายทายทักเหล่านี้ เหมือนคำพิพากษาที่ผลักทารกน้อยผู้ไร้เดียงสา ตกลงไปในเหวแห่งบ่วงกรรมเลยทีเดียว!

ผมเคยพบครอบครัวที่บิดามารดามีฐานะดีมาก มีความรู้ทั้งคู่ ผู้เป็นพ่อรับราชการมีชื่อเสียงในความเป็นคนตรง ซื่อสัตย์ และมีอำนาจทางราชการมาก ฝ่ายมารดานั้นเป็นคหปตานีร่ำรวยติดอันดับต้นๆของประเทศไทยในตอนนั้น ลูกสาวคนเล็กที่เกิดมาหมอดูบอกว่า อย่าให้อยู่กับพ่อแม่เลย เพราะเด็กคนนี้ดวงแรง จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ควรยกให้คนอื่นเลียงดูจนโตจึงจะดี

คุณพ่อคุณแม่ของหนูน้อย เลยขอให้นายแพทย์ทำคลอดซึ่งสนิทสนมกัน เป็นผู้เลี้ยงดู โดยจ่ายเงินให้คุณหมอเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเลี้ยงดูแทน เมื่อเด็กโตขึ้นก็ส่งเข้าโรงเรียนสตรีชั้นดีในยุโรป แต่ชีวิตของเธอนั้น ไม่ได้มีความสนิทสนมกับพ่อแม่เลย ทั้งๆที่ตอนยังเล็ก เด็กคนนี้กับพี่สาวก็เรียนโรงเรียนมีชื่อเสียงในกรุงเทพด้วยกัน

ตอนอยู่โรงเรียน แม่หนูน้อยผู้น่าสงสาร ได้แต่มองดูพ่อแม่แท้ๆของตัว มารับพี่สาวกลับบ้าน ส่วนตัวเธอนั้นต้องกลับไปกับคนอื่น ที่ทำหน้าที่เลี้ยงดูแทนพ่อแม่เท่านั้น ผมไม่ทราบว่าเธอจะมีความรู้สึกโศกเศร้าแค่ไหน หรือไม่มีความรู้สึกอะไรเลย อยากรู้มากจริงๆ แต่ก็ไม่กล้าถาม ทั้งๆที่พี่น้องสองคนนี้ผมเองก็รู้จักทั้งคู่

ตรงนี้หากพวกหมอดูหรือโหราพยากรณ์ทั้งหลาย บังเอิญมาอ่านข้อเขียนนี้เข้า ก็ต้องขอร้องกันว่า กรุณาอย่าได้ให้ทำนายทายทักอย่างนี้เลยเป็นอันขาด เพราะผมคิดว่ามันเป็นบาปกรรมหนักทีเดียว

เด็กตามตัวอย่างที่ยกมาให้ท่านผู้อ่านฟัง พ่อแม่มักคิดว่า เป็น ‘ตัวซวย’ ของครอบครัว ซึ่งน่าเศร้ามาก

คำว่า ‘ตัวซวย’นั้น ไม่มีในพจนานุกรม แต่อาจแปลได้ว่า หมายถึง คน สัตว์ หรือสิ่งของ ที่นำโชคร้ายหรือหายนะมาสู่ผู้อื่น คงพอจะได้กระมัง

สัตว์ที่คนไทยเชื่อว่า นำโชคร้ายมาให้นั้นก็คือ ‘นกแสก’ เพราะความเชื่อแต่ดั้งเดิมว่า เจ้าวิหคชนิดนี้เป็นนกอัปมงคล ไปเกาะหลังคาบ้านใดในตอนกลางคืนแล้วร้อง “แซกๆๆๆ” ออกมา คนในบ้านนั้นจะมีภัย เชื่อกันว่าเป็นนกแห่งความตาย

นกเจ้ากรรมตัวนี้ จึงปรากฏตัวในหนังสือนิยาย เกี่ยวกับภูติผีปีศาจของไทยเสมอ ผมคิดว่าที่คนกลัวเข้านกชนิดนี้ คงเป็นเพราะเสียงของมันค่อนข้างโหยยวน เสียดแทงอารมณ์ และความรู้สึกผู้คนเอามากๆทีเดียว แต่เจ้านกราตรีชนิดนี้กลับมีคุณต่อชาวสวน เพราะมันจะช่วยปราบหนูที่มันกัดกินทำลายพืชในสวนได้เป็นอย่างดี

สำหรับเรื่องเด็กที่เป็น ‘ตัวซวย’นั้น หากท่านผู้อ่านเป็นนักดูหนัง คงจะจำภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘ขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน’ ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่ง ถือกำเนิดมาในยามที่กิจการค้าของพ่อ ประสบปัญหาหนักถึงกับขาดทุนย่อยยับ เรียกว่าเจ๊งหมด เตี่ยเลยพาลโกรธลูก ตั้งชื่อว่า “ล่องจุ๊น” ซึ่งเป็นการซ้ำเติมลูกอย่างน่าเกลียดน่าชัง ส่วนลูกชายอีกคนแกดันตั้งชื่อว่า “ลักกี้” หรือ “โชคดี” หรือ “ตัวเฮง” อย่างนี้เป็นต้น แต่หนังก็สนุกดี เพราะบทเขาให้ ‘ตัวซวย’ เป็นพระเอก

คำว่า ‘ตัวซวย’ ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษ คงจะใช้คำว่า Jinx คงจะพอไปได้ เพราะคำนี้แปลว่า ทำให้โชคร้าย,ทำให้เกิดเคราะห์ร้าย,ทำให้ประสบความล้มเหลวอย่างแน่นอน

เมื่อไม่นานมานี้ มีคำว่า Jolie Jinx ที่ดังขึ้นมาในวงการฮอลลีวูด ซึงอาจแปลได้ว่า “โจลี...อีนังตัวซวย”

ซวยยังไงครับ ?

ตรงนี้เขาเฉลยว่า แอนเจลินา โจลี่ นางเอกชื่อดังที่ผมว่าเธอหน้าตาสวยดี ปากอิ่มเย้ายวนนัก รูปร่างก็เฉียบ โดยเฉพาะสะโพกสวยมาก (เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับบนบานศาลกล่าวว่า เกิดชาติหน้าขอให้พบแฟนที่มีสะโพกอย่างนี้) ตัวของแอนเจลินา โจลี่ เล่นหนังเรื่องไหน ผู้ร่วมงานโดยเฉพาะพระเอกที่แสดงประกบกับเธอ มีเรื่องต้องแยกกับแฟนทั้งนั้น เช่น

เธอเล่นบทรักดุเดือดเลือดพล่านกับ แอนโทนิโอ แบนเดอรัส ในเรื่อง Original Sin พระเอกหลงแอนเจลินามาก จนภริยาของพระเอกช้ำใจหันไปดื่มหนัก จนล้มป่วยลง

นิโคลัส เคจ เล่นหนังกับแอนเจลิน่า โจลี ในเรื่อง Gone in Sixty Seconds ต้องเลิกกับ แพตริเซีย อาร์เก็ตต์ ไปได้ภริยาใหม่คือ ลิซ่ามา รีเพรสลีย์ ลูกสาวเอลวิส เพรสลีย์ แล้วก็เลิกรากันไป

เพื่อนรักของเธอแท้ๆอย่าง เม็ก ไรอัน ซึ่งแต่งงานกับ เดนนิส เควด เกิดหลงเสน่ห์เธอเข้าอีกคน เม็ก ไรอันต้องเลิกรากับพระเอกสามี หันไปคบหากับ รัสเซลล์ โครว์ ถึงขั้นหย่าขาดจากเดนนิส ในที่สุด แอนเจลิน่า โจลี เลยโดนเมาท์ยับเยินว่าทำลายชีวิตของเพื่อนตัว ทำให้เกิดรักสามเส้าขึ้นมาทันที จนกระทั่ง เม็ก ไรอัน ต้องมีอันกระเด็นไป

พระเอกที่โด่งดังอย่าง อีธาน ฮอว์ค พอมาเล่นหนังเรื่อง Taking Lives กับโจลี แล้วชีวิตคู่ก็พังพินาศ กำลังจะต้องหย่ากับ ยูม่า เธอร์แมน ผู้ภริยา
จอนนี่ ลี มิลเลอร์ ซึ่งมีโอกาสแสดงหนังกัน แอนเจลิน่า โจลี เรื่อง Hackers ก็เกิดหลงใหลกัน จนได้แต่งงานกัน ต่อมาก็ต้องหย่า และแอนเจลิน่า โจลี ไปแต่งกับบิลลี่ บ๊อบ ทรอนตัน แทนแต่ก็ไม่ยืดเลิกกันไปในที่สุด

ที่ดังมากคือ แบรด พิทธ์ พระเอกยอดนิยมขวัญใจสาวๆ ต้องมนต์กะกดจากแรงเสน่หาของแองเจลิน่า โจลี ต้องแยกทางกับ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ก็เพราะแรงฤทธิ์พิศวาทของแม่สาวแสนฮอทคนนี้

พวกนักวิจารณ์ฮอลลีวู้ด แจกแจงพฤติกรรมของเธอด้วยถ้อยคำเสียดสีรุนแรงว่า เป็น ‘อีสาวปากหนา-บ้ากาม’ แต่ที่ทำให้เธอเจ็บแสบมากที่สุด เห็นจะเป็นคำประณามแบบหยามเหยียดว่า เป็น “ตัวซวย” หรือ “Jolie Jinx” นั่นเอง

นอกจากคำว่า แล้ว Jinx ยังมีคำภาษาอังกฤษอีกคำหนึ่ง ซึ่งให้ความหมายเดียวกันคือคำว่า The Cooler ใครที่ชอบดูหนังอย่างผม อาจเคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Cooler แสดงนำโดยดาราที่ผมชอบอีกคนคือ William H. Macy เป็นเรื่องราวของตัวซวยหรือตัวอับโชคประจำบ่อนชื่อเบอร์นี่ ลูทซ์ โดยวิลเลียม เมซี่ รับบทเป็นชายคนนี้

ตรงนี้ขออธิบายสักนิดหนึ่งว่า

ฝรั่งนั้นก็เชื่อโชคลางเหมือนกัน คือบ่อนการพนันในลาสเวกัสบางแห่ง จะจ้างคนประเภทพวก ‘ตัวอับโชค’ หรือ ‘ตัวซวย’ นี้ เอาไว้ต่อต้านกับลูกค้าที่โชคดี หรือมาพร้อมกับโชคในการกวาดเอาเงินบ่อน อธิบายเพิ่มได้ว่า

หากลูกค้าคนไหนไปเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นไพ่แบล๊คแจ๊ค บัคคาร่า รูเล็ตต์หรือทอดเต๋าฯลฯ หากลูกค้ามือขึ้น ‘ตัวซวย’ หรือ The Cooler จะไปยืนกระแซะอยู่ใกล้ๆ อาจส่งกระแสความซวย หรือทำลายสมาธิของลูกค้าผู้กำลังมีโชคดีคนนั้น สักพักหนึ่งคนที่โชคดีมือขึ้น กำลังจะกวาดเงินจากบ่อนคาสิโน ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเองในที่สุด

ในหนังเขาแสดงให้เห็นว่า งานในหน้าที่ของ The Cooler ดำเนินไปด้วยดี ปราบลูกค้าผู้โชคดีมานักต่อนัก จนกระทั่งพบรัก ซึ่งพอมีความรักเข้ามาเบ่งบานในหัวใจ แทนที่พ่อ เบอร์นี่ ลูทซ์ จะเป็น ‘ตัวซวย’ หรือ ‘ผู้นำโชคร้าย’ เหมือนเดิม เหตุการณ์กลับตาลปัตร กลายเป็น ‘ตัวเฮง’ หรือ “ผู้นำโชคดี” ไป จนเจ้าของคาสิโนต้องพยายามอย่างเต็มความสามารถ ที่จะทำลายความสัมพันธ์ด้วยการใช้เล่ห์กล เข้าทำลายของความรักของ “ตัวซวย” คนนี้ให้ปี้ป่น ตั้งแต่การทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิง รังแกสารพัด เพราะจะให้อีตาเบอร์นี่ ลูทซ์ อยู่ยงคงกระพันเป็น ‘ตัวซวย’ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และสร้างความร่ำรวยให้บ่อนคาสิโนต่อไป

ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก เพราะตัวละครตีบทแตกทุกคน และยังตอกย้ำในความเชื่อของตัวคนเขียนเองว่า...ความรักนำมาซึ่งความสำเร็จ และสิ่งดีๆในชีวิต!

พูดถึงเรื่อง ‘ตัวซวย’ ในวงการต่างๆแล้ว คราวนี้ผมขอให้เรามามองสถานการณ์ความอึมครึมในบ้านเราบ้าง

ห้าปีของรัฐบาลทักษิณสองสมัย มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ได้มีเรื่องที่เป็นหายนะของประเทศชาติ ทั้งที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ และสถานการณ์ร้ายแรงที่มาจากน้ำมือมนุษย์ เช่น

ฝนตกหนักภูเขาถล่มที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ โคลนทับผู้คนตาย ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก

ธรณีพิบัติภัยสึนามิ คร่าชีวิตผู้คนเป็นเรือนเกือบครึ่งหมื่นในบ้านของเรา และหกจังหวัดภาคใต้เสียหายยับยิน อย่างไม่เคยปรากฏมาในประวัติศาสตร์ของชาติ

มีปรากฏการณ์ทุจริตในรัฐบาลอย่างกว้างขวาง อย่างที่ผู้คนบอกว่า ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยพบเห็นอย่างนี้มาก่อน และเงินที่ชาติต้องสูญเสียไปเพราะเรื่องคอรัปชั่นนั้น มีจำนวนสูงอย่างน่าตกใจ ผู้คนจำนวนไม่น้อยขาดความไว้วางใจ ในตัวนายกทักษิณและรัฐบาลไทยรักไทยโดยสิ้นเชิง เป็นเหตุให้การขับไล่นายกกับพวกพ้อง เหมือนไฟเกิดที่กรุงเทพแล้วลุกลามกลายเป็นเพลิงกองใหญ่ ร้อนผ่าวไปทั่วแผ่นดินไทย อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

การก่อการร้ายในสี่จังหวัดภาคใต้ ที่ผมบอกว่าได้ผลักดันให้ประเทศของเราบางส่วน ตกอยู่ในภาวะ‘กึ่งสงคราม’ สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมายาวนาน เข้าปีที่สามแล้ว และทางการก็เพิ่งออกมาแถลงว่า ยอดผู้คนที่ถูกฆ่าตายไปแล้ว มีจำนวนสูงถึงครึ่งหมื่นอีกเหมือนกัน

เฉพาะคุณครูที่น่าสงสาร เพราะเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ ถูกโจรมันสังหารด่าวดิ้นสิ้นชีพไปแล้วครึ่งร้อย!

มันช่างน่าอเนจอนาถ เสียจริงๆ !!

ล่าสุดมีปรากฏการณ์ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศไทย คือการลอบวางระเบิดที่หน้าบ้าน ฯพณฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ก่อความตื่นตระหนกกับผู้คนในบ้านเมืองยิ่งนัก !!!

คนที่เขายกข้อสังเกตอย่างที่เล่ามา ได้ตั้งปุจฉากับผมว่า การดำรงตำแหน่งของคุณทักษิณนั้น นำมาซึ่งความโชคร้ายของประเทศ ใช่หรือไม่ ?

การที่เราจะไปบอกว่า คุณทักษิณหรือรัฐบาลของแกว่า เป็นตัวการนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้ายเหล่านี้ ให้เกิดขึ้นมาในประเทศของเรา ผมเห็นว่ายังเป็นการไม่สมควร ที่จะไปกล่าวหาว่าคุณทักษิณเป็น‘ตัวซวย’ อย่างนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่า

กรณีเหตุโคลนถล่มหรือสึนามินั้น ล้วนแต่เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ไม่ได้มาจากการกระทำของนายกทักษิณ

การทุจริตในรัฐบาลอย่างกว้างขวาง ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะขณะนี้ นายกทักษิณกุมกลไกการสอบสวนเอาไว้ได้หมด จึงยังพิสูจน์ความผิดไม่ได้ พอคนร้องขึ้นมาทางสื่อ รัฐบาลก็แหกปากตะโกนตอบว่า “กูไม่ได้โกง...กูบริสุทธิ์!” ทุกทีไป

เมื่อยังไม่ได้มีการพิสูจน์ ก็ต้องยกประโยชน์ให้คุณทักษิณ และรอจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ หรือองค์กรอิสระเข้ามาสอบสวน กระชากลากไส้กันภายหลัง เมื่อรัฐบาลไทยรักไทยหมดอำนาจไปแล้ว หรือองค์กรอิสระที่มีอำนาจสอบสวน ได้พัฒนาตัวแล้วอย่างเข้มแข็ง สามารถต่อกรกับพรรคการเมืองทุนหนาอย่างไทยรักไทยได้ ถึงเวลานั้นคงไม่นานเกินรอ

อย่างไรเสีย หากมีการกระทำอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดโกงประเทศชาติ คนทำผิดต้องได้รับโทษ เพราะอายุความอีกยาวนานนัก !

ส่วนกรณีของผู้ก่อการร้ายนั้น คุณทักษิณก็ไม่ได้เป็นคนทำให้เกิดขึ้น หากมีกลุ่มก่อการร้ายเกิดขึ้นจริง แต่ที่ปราบปรามกันไม่ได้ ก็เป็นเพราะนโยบายของรัฐบาลไทยรักไทย โลเล ไม่มีความมั่นคง ไร้ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ตัวผู้นำอย่างคุณทักษิณขาดจิตใจรุกรบ ไม่เลือกการเผชิญหน้า ต่อสู้อย่างหาญกล้า ซึ่งผมได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง หลายต่อหลายครั้งในคอลัมน์นี้

กล่าวโดยรวม เหตุก่อการร้ายที่ดำเนินมาด้วยความรุนแรง เป็นปีที่สามเข้าไปแล้วนั้น เป็นเรื่องของการไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง ในการจัดการกับปัญหานี้ของรัฐบาล ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของนายกปากไม่ดี ชักศึกเข้าบ้าน คนนี้นั่นเอง แต่แกก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า เหตุการณ์กำลังดีขึ้น เรารู้แล้ว เข้าใจปัญหาทุกอย่างดีแล้ว เหตุการณ์จะเรียบร้อยเอง ไม่ต้องห่วง พูดเป็นแผ่นเสียงเการ่อง คนตายไปทุกวัน จะไปว่าแกเป็น ‘ตัวซวย’ ก็ยังไม่ถนัด

สำหรับเรื่องการลอบวางระเบิดที่หน้าบ้าน ฯพณฯ ประธานองคมนตรี คุณทักษิณฯก็หลีกเลี่ยงได้ไม่ยาก เช่น ให้โฆษกออกมาแถลงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เป็นการกระทำของนายกหรือพรรคไทยรักไทยอย่างแน่นอน แต่เรื่องระเบิดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคนไม่หวังดีในโลกมันมีมาก ดูประเทศอิรัคเป็นตัวอย่าง บ้านเขามีระเบิดทุกวัน รุนแรงด้วย แต่เขาก็ยังอยู่กันได้ เราเพิ่งมีระเบิดในกรุงเทพแค่ ๖ ครั้งเอง อย่าทำตื่นเต้นไป คนไทยต้องรู้จักอดทน อย่าตกใจง่าย รัฐบาลได้ติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ผลสอบสวนในชั้นต้นได้ความว่า ผู้ที่วางระเบิดนั้นเป็น ‘คน’ แน่นอน มีหนึ่งหัว สองตา สองหู มีแขนและขาอย่างละสองข้าง ไม่ชาตินี้ก็อีกสักสองสามชาติ ต้องจับคนร้ายได้แน่นอน

ก็เป็นเหตุเป็นผล พอจะถูๆไถๆไปได้กระมัง !

ดังนั้น ยังคงกล่าวว่า คุณทักษิณเป็นคนนำโชคร้าย ‘ตัวซวย’ คงยังไม่ได้...แล้วเมื่อไหร่เราถึงจะไปกล่าวหา ว่า

....คุณทักษิณกับรัฐบาลไทยรักถั่วดำไทยของแก เป็น ‘ตัวซวย’ได้เมื่อไหร่กัน ?
ตรงนี้สำคัญ ซึ่งผมต้องขอตอบ ว่า

หากผู้คนที่ร่วมตัวกันขับไล่ เดินขบวนไปที่ทำเนียบในวันอังคารที่ ๑๔ มีนาคม ซึ่งตรงกับ “กาแฟขม...ขนมหวาน” ตอนนี้ วางแผงบนเว็บไซต์พอดิบพอดี

ถ้าหากในวันนี้หรือวันหน้าอันใกล้จะมาถึง เกิดมีการปะทะกันถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายขึ้น เหมือนเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาสองครั้ง และในเดือนพฤษภาคมอีกหนึ่งครั้ง


คราวนี้แหละครับ...ผมจะไม่กล่าวหารัฐบาลของนายก แต่จะพูดออกมาเฉพาะเจาะจงตรงๆโต้งๆเลยว่า

“ทักษิณเป็น...ตัวซวย !”

ที่กล้าว่ากล่าวกัน ตรงไปตรงมาอย่างนั้นก็เพราะว่า ปรากฏการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นปัญหาของเขาคนนี้ ที่ชื่อ... ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ...คนเดียวจริงๆ....
....ถ้าคุณทักษิณไม่ยึดติดกับตำแหน่ง และคิดว่าเก้าอี้นายกก็ไม่ได้เป็นเหมือนกระโถนติดตูดติดก้นตัวเองมาตั้งแต่ชาติปางก่อน นายกทักษิณคงจะสามารถเสียสละเก้าอี้ตัวนี้ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ปกป้องไม่ให้เกิดความร้ายแรงนั้นเกิดขึ้นได้ ตัวเขาเองก็จะกลายเป็นผู้เสียสละที่ผู้คนยกย่อง และยังมีโอกาสมาบริหารบ้านเมืองในโอกาสต่อไปได้อีก หลังจากที่ฟอกตัวเอง และทำความเข้าใจกับประชาชนได้แล้ว

แต่คนอย่างทักษิณไม่เป็นนักเลงพอ ใจไม่ถึง...ดันไม่เลือกหนทางที่จะเสียสละเพื่อขาติบ้านเมือง อย่างคนมีเกียรติ !

กลับปล่อยให้คนในชาติ แตกแยกกันอย่างล้ำลึก น่าหวาดหวั่น อย่างที่ได้เห็นกัน !!

หากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จบลงด้วยการสูญเสียเลือดเนื้อ และชีวิตของผู้คนในบ้านเมือง อย่างที่ทุกคนกลัวกัน

จะบอกว่าคุณทักษิณเป็น ‘ตัวซวย’ ดูท่ามันจะอ่อนไปหน่อย
ถึงตอนนั้นเห็นที ผมจะต้องแนะนำให้คนไทยเรียกกันเต็มยศ ให้ได้อารมณ์และความรู้สึกเต็มที่ อย่างนี้.....


“ทักษิณ ชินวัตร... ‘ตัวซวย’ ประเทศไทย !!!”


.............................
กำลังโหลดความคิดเห็น