xs
xsm
sm
md
lg

เด็กเซ็นต์โยกับคนแกล้งบ้า

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

เหตุเกิดในประเทศไทยซึ่งเป็นอาการป่วยทางสังคมได้ประการหนึ่งเมื่อหญิงเพี้ยน(ผมใช้คำว่าเพี้ยนนะครับ ยังไม่ใช่คำว่าบ้า) บุกเข้าไปในโรงเรียนเซ็นต์โยเซฟ และบุกไปแทงเด็กผู้หญิงสามสี่คนถึงห้องเรียนท่ามกลางความตะลึงตื่นกลังของเพื่อนๆและคุณครูในโรงเรียน แต่เธอผู้ประกอบอาชญากรรมคนนี้ก็สามารถหลบหนีออกนอกโรงเรียนไปได้โดยไม่มีใครจับกุมไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง
เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมไปนึกถึง เหตุการณ์ประเภทเดียวกันในสังคมพิกลพิการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหลือเกิน เมื่อเด็กอเมริกันบุกไปยิงเพื่อนนักเรียนด้วยกันในโรงเรียน ซึ่งมีอยู่หลายครั้งครับ นอกจากนี้ก็มีกรณีที่คนนั่งรถแวนสีขาวพร้อมอาวุธปืนนัยว่าติดกล้อง ซุ่มยิงชาวบ้านที่ออกมาซื้อของตามซุปเปอร์มาร์เกต หรือตามปั๊มน้ำมันซึ่งทำเอาตำรวจปวดหัวกว่าจะตามจับกันได้ คนบริสุทธิ์ก็ล้มตายไปมากแล้ว
กรณีนางสาวจิตลดาที่ไปก่อเหตุแทงเด็กนักเรียนที่โรงเรียนเซ็นต์โยเซฟนี่ก็คล้ายๆกันกับเหตุการณ์ในอเมริกา เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ณ์ที่กระทำในที่ชุมชนและเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ครับ
เวลานี้กรณีนางสาวจิตรลดานั้น ทางจิตแพทย์พยายามที่จะดูว่าเธอเป็นคนบ้าหรือเปล่า เพราะว่าถ้าบ้าแล้วละก็จะจะมีผลเกี่ยวกับกฎหมายด้วย
แต่ผมนั้นมีความเห็นต่างครับ
ไม่ว่าฆาตกรคนนี้จะเป็นอะไรก็แล้ว แต่ แต่ว่าเธอได้กระทำการอย่างอุกอาจมากและก็ได้เลือกเหยื่อที่เป็นคนบริสุทธิ์เสียด้วย
ที่สำคัญที่สุด และเป็นเหตุผลที่ผมจะมีความเห็นต่างว่าเธอไม่ได้บ้าหรือขาดสติ ก็เพราะการประกอบอาชญากรรมของเธอนั้น เกิดขึ้นด้วยการการวางแผนครับ
ทำไมหรือครับ
เพราะเธอนั้นเลือกเหยื่อ เธอเฝ้าติดตามเหยื่อ และเธอมีสติพอที่จะเดินทางไปเลือกซื้อมีด ไม่รู้ละครับว่าเธอเตรียมมาเพื่อจี้หรือเตรียมมาฆ่า ใครจะไปรู้ได้
ทั้งหมดนี้บ่งบอกแล้วว่า มันเป็นแผนการวางไปตามลำดับ เป็นขั้นตอน ไม่นับแผนอย่างอื่นๆอีกที่ผมจะอธิบายในภายหลัง
ผมจึงว่า การที่จะไปวินิจฉัยว่าเธอบ้านั้น มันง่ายเกินไปครับ เพราะเหมือนกับการช่วยให้พ้นจากอาชญากรรมไปได้ในบางส่วน
ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเลยครับ
ความจริงแล้วในทางพฤติกรรมศาสตร์ มันมีมากกว่า การตรวจสภาพทางจิตเภทครับ
เพราะการที่ผู้กระทำผิด มีการวางแผนตั้งแต่เริ่มคิดก่อนลงมือกระทำ มันก็ฟ้องอยู่แล้ว ว่าคนก่ออาชญากรรมไม่ได้บ้า
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมการอื่นๆอีกเยอะแยะ แสดงว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนดีครับ เพราะเธอรู้ทางหนีทีไล่ดี แม้กระทั่งรู้จักพรางตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และปลอมตัวไปสมัครงาน และทำงานได้เสียด้วยเท่ากับเป็นคนปกตินั่นแหละครับ เพราะนายจ้างดีที่ที่ไหนเขาจะมาจ้างคนบ้าที่ไหนทำงานล่ะครับ
หลักฐานเชิงพฤติกรรมศาสตร์เหล่านี้ ควรจะต้องนำมาพิจารณานะครับ
ใช่ว่าจะนำจากหลักฐานหรือจากคำให้การหลังจากที่ทางตำรวจจับกุมเธอได้
เพราะเธอย่อมให้การเข้าข้างตัวเองอยู่แล้ว ไหนจะคำให้การของญาติพี่น้องซึ่งต้องให้ประโยชน์กับฝ่ายจำเลยอยู่วันยังค่ำ
อีกอย่างหนึ่งนั้น ผมอยากให้ทางจิตแพทย์ก็ดี หรือทางเจ้าหน้าที่ก็ดี โปรดสังเกตุแรงจูงใจที่ทำให้เธอกระทำผิดให้ดีเถอะครับ
เพราะมันสังสบดีพิลึก
ความสับสนนี้ ไม่ใช่เพราะเธอบ้านะครับ
แต่จริงๆแล้วเธอพยายามปกปิดอะไรบางอย่างที่เป็นปมจิตวิทยาภายในจิตใจของเธอมากกว่าครับ
นางสาวจิตรลดานั้น ที่มาเฝ้าดูเหยื่ออยู่นั้น...สาเหตุเป็นเพราะเธอมาติดใจเหยื่อมากกว่าอย่างอื่น..ไม่ใช่เกลียดเพราะเป็นแขกเป็นเจ๊กเป็นคนจีนอะไรแม้แต่น้อย
และนี่ไม่ใช่รายแรก เธอเคยติดใจเด็กผู้หญิงคนอื่นมาแล้วและก็เคยติดตามเด็กคนที่ว่านั้น จนกระทั่งเด็กคนนั้นเรียนจบไปเสียก่อน
กระทั่งเธอมาหลงใหลเด็กผู้หญิงคนใหม่...ซึ่งก็คือเหยื่อที่เธอบุกเข้าไปแทงนั่นแหละครับ
ไอ้ที่เธออ้างว่าเหยื่อมีเชื้อแขกหรือเพื่อนที่เธอแทงมีเชื้อจีน นั่นเป็นการอ้างแบบส่งเดช
ไม่มีใครบงการจากเบื้องบหรอกครับ
อ้างแบบส่งเดชไปอย่างนั้นแหละครับ
วิธีการอ้างเพื่อให้มันพ้นผิดและเพื่อให้ดูเหมือนเธอเพี้ยนๆเหมือนบ้าๆบอๆนี้...แสดงว่าจริงๆแล้วเธอไม่บ้าหรอกครับท่านผู้อ่านที่เคารพ
มันเป็นเพียงการกลบเกลื่นเท่านั้นเองแหละครับ
เพราะว่า ถ้าเธอคับแค้นมากเกี่ยวกับคนจีนคนแขกอะไรที่เธอว่ามานั้น
มันมีวิธีอื่นๆที่ง่ายกว่าการไปเฝ้าเด็กผู้หญิงนี่ครับ
ก็ไปแถวสำเพ็ง แถวร้านทองมีเยอะแยะครับ...บุกเข้าไปจี้เจ้าของร้าน จะแทงยังไงก็ได้ มันยังมีเหตุผลมากกว่า
ไม่งั้นก็ไปแถวพาหุรัต ไปเดินเอามีดคมกรีดผ้าของแขกเล่นสักรีมสองรีม หรือสักร้อยสองร้อยพับก็ยังพอไหว ไม่ดีกว่าหรือไง...คุณจิตรลดา
ดังนั้นผมจึงไม่เชื่อเรื่องประเด็นเชื้อชาติ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมเชื่อว่าเธอเบี่ยงประเด็น ทำให้สับสนเล่นมากกว่า
จริงๆแล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องทางเพศของเธอมากกว่า เธอน่าจะลุ่มหลงหรือแอบรักเด็กผู้หญิงที่เป็นเหยื่อคนนั้นของเธอมากกว่า และที่เธอไปแทงเพื่อนๆของเหยื่อเข้าด้วยนั้น เธออาจจะมีอารมณ์หึงหวงเข้าด้วยก็ได้
ทั้งหมดนี้ ผมเชื่อว่า ผมไม่น่าจะวิเคราะห์ผิดไปจากข้อเท็จจริงของความนึกคิดที่คุณจิตรลดามีแรงผลักดันที่กระทำการมาตลอดในการประกอบอาชญากรรมที่อุกอาจในโรงเรียนเซ็นต์โยเซฟครับ
ผมจึงอยากให้ความผิดของเธอนั้น ได้รับการวิเคราะห์ด้วยการมองปัญหาอย่างถูกต้องจากบรรดาจิตแพทย์ที่มองเชิงพฤติกรรมศาสตร์ และมองในแง่มุมจิตวิทยาและปมทางเพศที่ฆาตกรรายนี้ได้ก่ออาชญากรรมขึ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น