เรื่องที่จะบอกกล่าวต่อไปนี้เป็นเรื่องของผู้สูงอายุ ไม่ใช่เรื่องของผมโดยตรง เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายสิบปีกว่าถึงจะถูกจัดว่าเป็นคนแก่ เหตุที่นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ ด้วยเป็นคนหนึ่งที่รักและเห็นใจคนแก่อย่างสุดใจที่พึงมี
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุขที่สุดในโลก เพราะได้พาคุณยายไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินตามที่ตั้งใจไว้มานาน คุณยายเคยเปรยไว้ว่าอยากจะลองนั่งสักครั้งตั้งแต่โครงการยังเพิ่งเริ่มใหม่ๆ และปรากฏเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่คุณยายติดตามอ่านสม่ำเสมอ
รถไฟฟ้าใต้ดินมหานครได้เปิดให้บริการมาร่วมปีแล้ว แต่ด้วยความที่ต้องจากบ้านไปเรียนต่อ จึงไม่มีเวลาพาคุณยายมุดดินไปเที่ยวตามสัญญาสักที ก่อนกลับนิวยอร์กในปลายอาทิตย์นี้ได้โอกาสเหมาะเจาะ ผมจึงไม่รีรอที่จะเอ่ยปากชวนคุณยายไปนั่งรถไฟใต้ดิน คุณยายตอบตกลงทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผมนั้นก็ดีใจ เพราะนั่นหมายถึงการได้ทำตามคำมั่นสัญญาที่ตัวเองเคยให้ไว้
เมื่อครั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้าเปิดให้บริการเมื่อห้าหกปีที่แล้ว ผมก็ได้พาคุณยายนั่งรถไฟฟ้าซึ่งเป็นเรื่องตื่นเต้นของคนกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นไปสุดสาย แวะกินข้าว แล้วนั่งกลับมาลงที่สถานีใกล้บ้าน เป็นที่ตื่นเต้นสนุกสนาน และเป็นเรื่องที่คุณยายคุยจ้อให้ญาติสนิทมิตรสหายฟังสนุกไปหลายเดือน
โชคดีที่ตอนนั้นคุณยายยังเดินได้ทน ขึ้นบันได้เลื่อนไปหยอดเงินที่ช่องจำหน่ายตั๋ว แล้วเดินขึ้นไปบนชานชาลาได้คล่องแคล่ว เราสองยายหลานจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขึ้นลงสถานี เพียงใช้เวลานานหน่อยพอให้คุณยายได้พักเหนื่อยระหว่างปีนขึ้นบันได แล้วเราก็เดินต่อไปรอรถไฟฟ้าจอดเข้าสถานี มิเช่นนั้นแล้ว เราคงจะต้องทุลักทุเลกันพอสมควร เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้นไม่มีลิฟต์โดยสารขึ้นลงชั้นจำหน่ายตั๋วและชานชาลาทุกสถานี และเคยได้ยินมาว่ายังต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้มาเปิดบริการลิฟต์โดยสารด้วย
แผนฉุกละหุกคิดพาคุณยายไปนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ จึงทำให้ลังเลในตอนแรกว่าจะพาคุณยายไปเที่ยวได้สำเร็จลุล่วงตามความตั้งในหรือไม่ ตอนนี้คุณยายอายุ 88 ปีแล้ว ซ้ำยังต้องนั่งบนรถเข็น ท่านเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกมาเมื่อปีก่อน การเดินยาวๆ ขึ้นลงบันไดก็คงจะทำให้เหนื่อยหอบจนหมดสนุกได้เหมือนกัน
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นพาลคิดกังวลไปต่างๆ นานา ตั้งแต่เรื่องว่าจะมีลิฟต์โดยสารสำหรับคุณยายที่นั่งบนรถเข็นวีลแชร์หรือไม่ รถไฟฟ้าจะจอดนานพอให้เคลื่อนรถเข็นได้ไหม หรือเมื่อออกจากสถานีแล้วจะพาคุณยายไปกินข้าวโดยสะดวกหรือเปล่า ฯลฯ
ครั้นพยายามสอบถามทางโทรศัพท์ ก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานฯ พอโทรไปก็ติดต่อใครไม่ได้เพราะเป็นวันหยุด จะไปหาเบอร์โทรศัพท์ฝ่ายบริการลูกค้าก็คงช้าไม่ทันการ ผมบอกคุณยายไปแล้ว ซึ่งทำให้คุณยายดีใจใหญ่ จนรีบแต่งองค์ทรงเครื่องสวยเช้งมานั่งรออยู่หน้าบ้านก่อนใคร หากจะยกเลิก ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะทำ
เมื่อถึงเวลาเดินทาง นับได้ว่าเป็นเรื่องผิดคาดจริงๆ เราได้รับความสะดวกสบายจากการขึ้นรถไฟฟ้าครั้งนี้มากจนน่าประหลาดใจ ความรู้สึกเช่นนี้ผสมผสานไปกับความตื้นตัน น้ำใจของสังคมไทยที่มีให้คนแก่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ดังที่คนรุ่นผมและใกล้เคียงเคยได้รับการกล่อมเกลาจากสื่อต่างๆ มาตั้งแต่เล็ก หนึ่งในเอกลักษณ์ของสังคมไทยที่ว่าครอบครัวไทยไม่เคยทอดทิ้งคนแก่ยังเป็นเรื่องจริงอยู่ มิใช่เพียงมายาคติที่รัฐพยายามเป่าหูพลเมืองเพื่อให้ฟังดูดีแต่อย่างเดียว
ผมพาคุณยายมุดลงดินที่สถานีอโศก เพื่อที่จะไปยังสถานีสีลม ซึ่งนัดกับคุณแม่ว่าจะพาคุณยายไปกินข้าวในละแวกนั้น แม้จะขลุกขลักกับการส่งคุณยายลงจากรถที่หน้าลิฟต์โดยสารของสถานีซึ่งตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่และใกล้สี่แยก น่าเสียดายที่ไม่มีสถานที่เหมาะสำหรับจอดรถรับส่งผู้โดยสาร คุณยายจึงต้องค่อยก้าวขึ้นฟุตบาทจากถนนใหญ่ เลาะช่องว่างของกระถางต้นไม้ที่วางไว้ริมขอบอย่างทุลักทุเลพอสมควร เพื่อมานั่งรถเข็นไปยังลิฟต์โดยสารซึ่งอยู่ไม่ไกล ดีที่มีทางลาดสำหรับรถเข็นบริการไว้พร้อมสรรพ
เราต้องลงลิฟต์สามครั้ง ครั้งแรกจากระดับถนนลงไปชั้นใต้ดิน ครั้งที่สองลงไปชั้นจำหน่ายตั๋วและหยอดเหรียญเพื่อเข้าสู่ระบบ ครั้งสุดท้ายลงไปรอรถไฟฟ้าที่ชั้นชานชาลา การลงลิฟต์ทั้งสามครั้งนี้เป็นไปด้วยความคล่องแคล่ว คุณยายสนุกกับการนั่งบนรถเข็นในสถานทีที่คุณยายตั้งข้อสังเกตว่า ”ทันสมัยแบบเมืองนอก”
ผมเป็นไกด์พิเศษคอยเล่าให้ฟังว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และต้องทำอะไรต่อไป เมื่อขบวนรถมาถึง ประตูก็เปิดออกนานพอที่จะให้รถเข็นขึ้นได้โดยไม่ต้องเร่งรีบ ในขบวนรถก็มีมุมพิเศษที่จัดไว้สำหรับรถเข็นวีลแชร์เฉพาะ โดยมีเข็มขัดนิรภัยสำหรับยึดรถเข็นไม่ให้ลื่นไถลจัดไว้ให้ด้วย
สิ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษก็คือการออกแบบระบบขนส่งที่เอื้อต่อการเดินทางของคนแก่และคนพิการ และมิตรจิตรมิตรใจของเจ้าหน้าที่ซึ่งมาช่วยอำนวยความสะดวกให้โดยมิได้ร้องขอ ซึ่งต้องขอขอบคุณและชมเชยด้วยใจจริง
ผมมักรู้สึกน้อยใจแทนคนแก่และคนพิการอยู่บ่อยๆ ว่าการจะทำอะไรในบ้านเมืองนี้มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง สิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่สาธารณะที่จัดไว้ให้กับคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้คล่องนั้นมีอยู่น้อยเต็มที หรือหากจะมีก็ทำไปอย่างนั้น มิได้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุและคนพิการอย่างแท้จริง
ผมเคยลองหลับตานึกภาพว่าจะพาคุณยายนั่งรถเข็นไปทำธุระที่ไหนสักแห่งได้ไหม แต่แค่คิดแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคงเป็นไปได้ยาก กว่าจะเดินออกจากซอยบ้านไปถนนใหญ่ พาคุณยายขึ้นระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า สมมติว่าจะพาคุณยายไปเดินตากแอร์เย็นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน แล้วคุณยายเกิดอยากเข้าห้องน้ำ จะมีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการที่แยกออกมาจากห้องน้ำชายหญิงเพื่อให้คนดูแลซึ่งต่างเพศกันเข้าไปช่วยได้ไหมหนอ
ที่ซอยบ้าน ผมมักเห็นคนตาบอดหิ้วแผงล็อตเตอรีเดินอยู่ริมถนนจนน่ากลัวว่าจะโดนรถเฉี่ยวชนเอาง่ายๆ เพราะถนนตรอกซอกซอยยังไม่มีฟุตบาทสำหรับให้คนเดินโดยสะดวก เมื่อหลายปีก่อน ผมนึกชมกรุงเทพมหานครที่ทำทางเท้าปูอิฐที่บ้างเป็นตุ่ม บ้างเป็นขีดๆ เส้นๆ ทำไว้สำหรับให้ผู้พิการทางสายตาได้เดินตาม แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ แล้ว ความหวังดีนี้ดูเหมือนเสแสร้างอย่างไรชอบกล เพราะคงไม่สามารถใช้ได้จริง บ้างมีสิ่งก่อสร้างมาขวางทางเดิน บ้างมีรถเข็นขายอาหารหรือแผงลอยใช้เป็นแนวเขต บ้างไปตันที่กระถางต้นไม้ และอุปสรรคอะไรต่อมิอะไรสารพัดสารพัน
เมื่อสมัยเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผมมีเพื่อนนิสิตที่เป็นผู้พิการทางสายตาคนหนึ่ง เขาใช้ความสามารถสอบเอนทรานซ์แข่งขันกับคนตาดีเข้ามาได้ด้วยตัวเอง เหตุที่เราเรียนอยู่ภาควิชาเดียวกัน และชื่อในใบรายชื่อก็อยู่ใกล้กัน จึงทำให้เราสนิทสนมกันพอสมควร ผมนั่งคุยกับเขาบ่อยถึงเรื่องต่างๆ นานา และมักจะแอบมองด้วยความทึ่งในความสามารถของเขาที่เรียนร่วมกับพวกเราคนตาดีได้อย่างไม่น้อยหน้า เขาได้คะแนนเยี่ยมในหลายวิชา ผมคิดว่า เขาคงต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า การจดเลกเชอร์ก็ต้องอัดเทป บางครั้งการทำโน้ตย่อเขาก็ทำเป็นอักษรเบรลล์ ผมเคยเห็นเขาถือหนังสือรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตหนาอย่างดีตลอดเล่ม ทีแรกนึกแปลกใจว่าเขาถือมาทำไม จะริอ่านเล่นหุ้นเชียวหรือ แต่พอพลิกเปิดดูแล้วก็เห็นตัวอักษรเบรลล์ที่เขาเจาะบนกระดาษคุณภาพดีไว้พรุน ได้ความว่าเป็นโน้ตย่อที่เขาทำขึ้นเพื่อเตรียมตัวสอบ
สิ่งที่ผมมักคิดหวังในใจลึกๆ ตลอดเวลาที่เป็นนิสิต ก็คือการได้เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการในคณะ เพื่อที่จะให้เพื่อนของผมคนนี้สามารถร่ำเรียนได้เหมือนคนอื่น ผมรู้ว่าการเรียนของเขานั้นทั้งลำบากกายและลำบากใจ แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยปากพูด แต่ผมก็เห็นเขาท้อแท้อยู่บ่อยๆ บางช่วงเวลาเขาไม่มาเข้าเรียน บางครั้งเขาทำการบ้านส่งช้ากว่าคนอื่น นี่คงเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะกล่าวโทษแก่เขาแต่ฝ่ายเดียว ในเมื่อคณะรับเขาเข้ามาเรียนเช่นคนปกติแล้ว เขาก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รับการศึกษาเล่าเรียนเยี่ยงคนปกติด้วยมิใช่หรือ
ความหวังของผมก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่จะได้เห็นรัฐสนใจกับเรื่องของผู้สูงอายุและคนพิการอย่างจริงจังและจริงใจ ลำพังแต่การโฆษณาสั่งสอนประโคมข่าวว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน เป็นครอบครัวที่ไม่ทอดทิ้งคนแก่ เป็นเพื่อนพ้องที่ไม่ทิ้งคนพิการ ฯลฯ นั้นคงไม่เพียงพอ และถือเป็นเรื่องที่ฉาบฉวยยิ่งนัก
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นอกจากคนในสังคมทั่วไปจะต้องตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันกับผู้สูงอายุและคนพิการอย่างเท่าเทียมแล้ว รัฐยังต้องมีบทบาทและความรับผิดชอบในการเป็นผู้ออกกฎเกณฑ์กติกา และบังคับใช้อย่างจริงจังด้วย การเมืองจะต้องถูกใช้ในการแสวงหาคุณค่าความพอดีของคนกลุ่มต่างๆ แม้ว่าการสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุนในทางธุรกิจขึ้นมาก แต่นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่จะละเลยไปเสียไม่ได้ กระบวนการการบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและชัดเจน
ผมอยากเห็นคุณยายคุณย่าและกลุ่มเพื่อนของท่านสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้สะดวก ไม่ต้องทุลักทุเลกับการหาห้องน้ำห้องท่า หรือการนั่งสะเทือนบนรถวีลแชร์ที่เข็นไปบนพื้นขรุขระและอยู่ต่างระดับกันบ่อยๆ หากมีรถยนต์นั่ง ก็ขอให้มีที่จอดรถที่ไม่ต้องทำให้เดินไกล ได้รับการอำนวยความสะดวกในการติดต่อธุระโดยมิต้องรอนานและทุลักทุเล ฯลฯ
ผมอยากเห็นเพื่อนร่วมเรียนของผมที่เป็นผู้พิการทางสายตา และรุ่นน้องของเขาอีกหลายต่อหลายคนสามารถร่ำเรียนได้เช่นคนอื่น สามารถแสวงหาความรู้ได้โดยง่ายทัดเทียมกับเพื่อน และมีความหวังกำลังใจต่อการเติบโตขึ้นในอนาคต หมดซึ่งความท้อแท้ที่มักแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขาโดยสม่ำเสมอ ฯลฯ
หากคิดอย่างเห็นแก่ตัวเองเป็นหลักแล้ว สักวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ ก็จะต้องโรยรา ทั้งโดยกฎธรรมชาติและเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่คาดฝัน การได้รับความสะดวกสบายเช่นนี้ก็น่าจะทำให้ชีวิตในวัยหน้า ที่แม้อยู่ห่างไกล เป็นชีวิตที่ไม่อัตคัดและลำบากจนเกินไป
ผมจึงอยากเห็นตัวเองและคนรุ่นเดียวกันในอนาคตสามารถดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากจนเกินไปนัก
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุขที่สุดในโลก เพราะได้พาคุณยายไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินตามที่ตั้งใจไว้มานาน คุณยายเคยเปรยไว้ว่าอยากจะลองนั่งสักครั้งตั้งแต่โครงการยังเพิ่งเริ่มใหม่ๆ และปรากฏเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่คุณยายติดตามอ่านสม่ำเสมอ
รถไฟฟ้าใต้ดินมหานครได้เปิดให้บริการมาร่วมปีแล้ว แต่ด้วยความที่ต้องจากบ้านไปเรียนต่อ จึงไม่มีเวลาพาคุณยายมุดดินไปเที่ยวตามสัญญาสักที ก่อนกลับนิวยอร์กในปลายอาทิตย์นี้ได้โอกาสเหมาะเจาะ ผมจึงไม่รีรอที่จะเอ่ยปากชวนคุณยายไปนั่งรถไฟใต้ดิน คุณยายตอบตกลงทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผมนั้นก็ดีใจ เพราะนั่นหมายถึงการได้ทำตามคำมั่นสัญญาที่ตัวเองเคยให้ไว้
เมื่อครั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้าเปิดให้บริการเมื่อห้าหกปีที่แล้ว ผมก็ได้พาคุณยายนั่งรถไฟฟ้าซึ่งเป็นเรื่องตื่นเต้นของคนกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นไปสุดสาย แวะกินข้าว แล้วนั่งกลับมาลงที่สถานีใกล้บ้าน เป็นที่ตื่นเต้นสนุกสนาน และเป็นเรื่องที่คุณยายคุยจ้อให้ญาติสนิทมิตรสหายฟังสนุกไปหลายเดือน
โชคดีที่ตอนนั้นคุณยายยังเดินได้ทน ขึ้นบันได้เลื่อนไปหยอดเงินที่ช่องจำหน่ายตั๋ว แล้วเดินขึ้นไปบนชานชาลาได้คล่องแคล่ว เราสองยายหลานจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขึ้นลงสถานี เพียงใช้เวลานานหน่อยพอให้คุณยายได้พักเหนื่อยระหว่างปีนขึ้นบันได แล้วเราก็เดินต่อไปรอรถไฟฟ้าจอดเข้าสถานี มิเช่นนั้นแล้ว เราคงจะต้องทุลักทุเลกันพอสมควร เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้นไม่มีลิฟต์โดยสารขึ้นลงชั้นจำหน่ายตั๋วและชานชาลาทุกสถานี และเคยได้ยินมาว่ายังต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้มาเปิดบริการลิฟต์โดยสารด้วย
แผนฉุกละหุกคิดพาคุณยายไปนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ จึงทำให้ลังเลในตอนแรกว่าจะพาคุณยายไปเที่ยวได้สำเร็จลุล่วงตามความตั้งในหรือไม่ ตอนนี้คุณยายอายุ 88 ปีแล้ว ซ้ำยังต้องนั่งบนรถเข็น ท่านเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกมาเมื่อปีก่อน การเดินยาวๆ ขึ้นลงบันไดก็คงจะทำให้เหนื่อยหอบจนหมดสนุกได้เหมือนกัน
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นพาลคิดกังวลไปต่างๆ นานา ตั้งแต่เรื่องว่าจะมีลิฟต์โดยสารสำหรับคุณยายที่นั่งบนรถเข็นวีลแชร์หรือไม่ รถไฟฟ้าจะจอดนานพอให้เคลื่อนรถเข็นได้ไหม หรือเมื่อออกจากสถานีแล้วจะพาคุณยายไปกินข้าวโดยสะดวกหรือเปล่า ฯลฯ
ครั้นพยายามสอบถามทางโทรศัพท์ ก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานฯ พอโทรไปก็ติดต่อใครไม่ได้เพราะเป็นวันหยุด จะไปหาเบอร์โทรศัพท์ฝ่ายบริการลูกค้าก็คงช้าไม่ทันการ ผมบอกคุณยายไปแล้ว ซึ่งทำให้คุณยายดีใจใหญ่ จนรีบแต่งองค์ทรงเครื่องสวยเช้งมานั่งรออยู่หน้าบ้านก่อนใคร หากจะยกเลิก ก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะทำ
เมื่อถึงเวลาเดินทาง นับได้ว่าเป็นเรื่องผิดคาดจริงๆ เราได้รับความสะดวกสบายจากการขึ้นรถไฟฟ้าครั้งนี้มากจนน่าประหลาดใจ ความรู้สึกเช่นนี้ผสมผสานไปกับความตื้นตัน น้ำใจของสังคมไทยที่มีให้คนแก่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ดังที่คนรุ่นผมและใกล้เคียงเคยได้รับการกล่อมเกลาจากสื่อต่างๆ มาตั้งแต่เล็ก หนึ่งในเอกลักษณ์ของสังคมไทยที่ว่าครอบครัวไทยไม่เคยทอดทิ้งคนแก่ยังเป็นเรื่องจริงอยู่ มิใช่เพียงมายาคติที่รัฐพยายามเป่าหูพลเมืองเพื่อให้ฟังดูดีแต่อย่างเดียว
ผมพาคุณยายมุดลงดินที่สถานีอโศก เพื่อที่จะไปยังสถานีสีลม ซึ่งนัดกับคุณแม่ว่าจะพาคุณยายไปกินข้าวในละแวกนั้น แม้จะขลุกขลักกับการส่งคุณยายลงจากรถที่หน้าลิฟต์โดยสารของสถานีซึ่งตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่และใกล้สี่แยก น่าเสียดายที่ไม่มีสถานที่เหมาะสำหรับจอดรถรับส่งผู้โดยสาร คุณยายจึงต้องค่อยก้าวขึ้นฟุตบาทจากถนนใหญ่ เลาะช่องว่างของกระถางต้นไม้ที่วางไว้ริมขอบอย่างทุลักทุเลพอสมควร เพื่อมานั่งรถเข็นไปยังลิฟต์โดยสารซึ่งอยู่ไม่ไกล ดีที่มีทางลาดสำหรับรถเข็นบริการไว้พร้อมสรรพ
เราต้องลงลิฟต์สามครั้ง ครั้งแรกจากระดับถนนลงไปชั้นใต้ดิน ครั้งที่สองลงไปชั้นจำหน่ายตั๋วและหยอดเหรียญเพื่อเข้าสู่ระบบ ครั้งสุดท้ายลงไปรอรถไฟฟ้าที่ชั้นชานชาลา การลงลิฟต์ทั้งสามครั้งนี้เป็นไปด้วยความคล่องแคล่ว คุณยายสนุกกับการนั่งบนรถเข็นในสถานทีที่คุณยายตั้งข้อสังเกตว่า ”ทันสมัยแบบเมืองนอก”
ผมเป็นไกด์พิเศษคอยเล่าให้ฟังว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และต้องทำอะไรต่อไป เมื่อขบวนรถมาถึง ประตูก็เปิดออกนานพอที่จะให้รถเข็นขึ้นได้โดยไม่ต้องเร่งรีบ ในขบวนรถก็มีมุมพิเศษที่จัดไว้สำหรับรถเข็นวีลแชร์เฉพาะ โดยมีเข็มขัดนิรภัยสำหรับยึดรถเข็นไม่ให้ลื่นไถลจัดไว้ให้ด้วย
สิ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษก็คือการออกแบบระบบขนส่งที่เอื้อต่อการเดินทางของคนแก่และคนพิการ และมิตรจิตรมิตรใจของเจ้าหน้าที่ซึ่งมาช่วยอำนวยความสะดวกให้โดยมิได้ร้องขอ ซึ่งต้องขอขอบคุณและชมเชยด้วยใจจริง
ผมมักรู้สึกน้อยใจแทนคนแก่และคนพิการอยู่บ่อยๆ ว่าการจะทำอะไรในบ้านเมืองนี้มันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียจริง สิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่สาธารณะที่จัดไว้ให้กับคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้คล่องนั้นมีอยู่น้อยเต็มที หรือหากจะมีก็ทำไปอย่างนั้น มิได้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุและคนพิการอย่างแท้จริง
ผมเคยลองหลับตานึกภาพว่าจะพาคุณยายนั่งรถเข็นไปทำธุระที่ไหนสักแห่งได้ไหม แต่แค่คิดแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคงเป็นไปได้ยาก กว่าจะเดินออกจากซอยบ้านไปถนนใหญ่ พาคุณยายขึ้นระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ หรือรถไฟฟ้า สมมติว่าจะพาคุณยายไปเดินตากแอร์เย็นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน แล้วคุณยายเกิดอยากเข้าห้องน้ำ จะมีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการที่แยกออกมาจากห้องน้ำชายหญิงเพื่อให้คนดูแลซึ่งต่างเพศกันเข้าไปช่วยได้ไหมหนอ
ที่ซอยบ้าน ผมมักเห็นคนตาบอดหิ้วแผงล็อตเตอรีเดินอยู่ริมถนนจนน่ากลัวว่าจะโดนรถเฉี่ยวชนเอาง่ายๆ เพราะถนนตรอกซอกซอยยังไม่มีฟุตบาทสำหรับให้คนเดินโดยสะดวก เมื่อหลายปีก่อน ผมนึกชมกรุงเทพมหานครที่ทำทางเท้าปูอิฐที่บ้างเป็นตุ่ม บ้างเป็นขีดๆ เส้นๆ ทำไว้สำหรับให้ผู้พิการทางสายตาได้เดินตาม แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ แล้ว ความหวังดีนี้ดูเหมือนเสแสร้างอย่างไรชอบกล เพราะคงไม่สามารถใช้ได้จริง บ้างมีสิ่งก่อสร้างมาขวางทางเดิน บ้างมีรถเข็นขายอาหารหรือแผงลอยใช้เป็นแนวเขต บ้างไปตันที่กระถางต้นไม้ และอุปสรรคอะไรต่อมิอะไรสารพัดสารพัน
เมื่อสมัยเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ผมมีเพื่อนนิสิตที่เป็นผู้พิการทางสายตาคนหนึ่ง เขาใช้ความสามารถสอบเอนทรานซ์แข่งขันกับคนตาดีเข้ามาได้ด้วยตัวเอง เหตุที่เราเรียนอยู่ภาควิชาเดียวกัน และชื่อในใบรายชื่อก็อยู่ใกล้กัน จึงทำให้เราสนิทสนมกันพอสมควร ผมนั่งคุยกับเขาบ่อยถึงเรื่องต่างๆ นานา และมักจะแอบมองด้วยความทึ่งในความสามารถของเขาที่เรียนร่วมกับพวกเราคนตาดีได้อย่างไม่น้อยหน้า เขาได้คะแนนเยี่ยมในหลายวิชา ผมคิดว่า เขาคงต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า การจดเลกเชอร์ก็ต้องอัดเทป บางครั้งการทำโน้ตย่อเขาก็ทำเป็นอักษรเบรลล์ ผมเคยเห็นเขาถือหนังสือรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตหนาอย่างดีตลอดเล่ม ทีแรกนึกแปลกใจว่าเขาถือมาทำไม จะริอ่านเล่นหุ้นเชียวหรือ แต่พอพลิกเปิดดูแล้วก็เห็นตัวอักษรเบรลล์ที่เขาเจาะบนกระดาษคุณภาพดีไว้พรุน ได้ความว่าเป็นโน้ตย่อที่เขาทำขึ้นเพื่อเตรียมตัวสอบ
สิ่งที่ผมมักคิดหวังในใจลึกๆ ตลอดเวลาที่เป็นนิสิต ก็คือการได้เห็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการในคณะ เพื่อที่จะให้เพื่อนของผมคนนี้สามารถร่ำเรียนได้เหมือนคนอื่น ผมรู้ว่าการเรียนของเขานั้นทั้งลำบากกายและลำบากใจ แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยปากพูด แต่ผมก็เห็นเขาท้อแท้อยู่บ่อยๆ บางช่วงเวลาเขาไม่มาเข้าเรียน บางครั้งเขาทำการบ้านส่งช้ากว่าคนอื่น นี่คงเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งที่จะกล่าวโทษแก่เขาแต่ฝ่ายเดียว ในเมื่อคณะรับเขาเข้ามาเรียนเช่นคนปกติแล้ว เขาก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รับการศึกษาเล่าเรียนเยี่ยงคนปกติด้วยมิใช่หรือ
ความหวังของผมก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่จะได้เห็นรัฐสนใจกับเรื่องของผู้สูงอายุและคนพิการอย่างจริงจังและจริงใจ ลำพังแต่การโฆษณาสั่งสอนประโคมข่าวว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน เป็นครอบครัวที่ไม่ทอดทิ้งคนแก่ เป็นเพื่อนพ้องที่ไม่ทิ้งคนพิการ ฯลฯ นั้นคงไม่เพียงพอ และถือเป็นเรื่องที่ฉาบฉวยยิ่งนัก
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นอกจากคนในสังคมทั่วไปจะต้องตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันกับผู้สูงอายุและคนพิการอย่างเท่าเทียมแล้ว รัฐยังต้องมีบทบาทและความรับผิดชอบในการเป็นผู้ออกกฎเกณฑ์กติกา และบังคับใช้อย่างจริงจังด้วย การเมืองจะต้องถูกใช้ในการแสวงหาคุณค่าความพอดีของคนกลุ่มต่างๆ แม้ว่าการสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุนในทางธุรกิจขึ้นมาก แต่นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่จะละเลยไปเสียไม่ได้ กระบวนการการบังคับใช้ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้จึงจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและชัดเจน
ผมอยากเห็นคุณยายคุณย่าและกลุ่มเพื่อนของท่านสามารถเดินทางไปไหนต่อไหนได้สะดวก ไม่ต้องทุลักทุเลกับการหาห้องน้ำห้องท่า หรือการนั่งสะเทือนบนรถวีลแชร์ที่เข็นไปบนพื้นขรุขระและอยู่ต่างระดับกันบ่อยๆ หากมีรถยนต์นั่ง ก็ขอให้มีที่จอดรถที่ไม่ต้องทำให้เดินไกล ได้รับการอำนวยความสะดวกในการติดต่อธุระโดยมิต้องรอนานและทุลักทุเล ฯลฯ
ผมอยากเห็นเพื่อนร่วมเรียนของผมที่เป็นผู้พิการทางสายตา และรุ่นน้องของเขาอีกหลายต่อหลายคนสามารถร่ำเรียนได้เช่นคนอื่น สามารถแสวงหาความรู้ได้โดยง่ายทัดเทียมกับเพื่อน และมีความหวังกำลังใจต่อการเติบโตขึ้นในอนาคต หมดซึ่งความท้อแท้ที่มักแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขาโดยสม่ำเสมอ ฯลฯ
หากคิดอย่างเห็นแก่ตัวเองเป็นหลักแล้ว สักวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ ก็จะต้องโรยรา ทั้งโดยกฎธรรมชาติและเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่คาดฝัน การได้รับความสะดวกสบายเช่นนี้ก็น่าจะทำให้ชีวิตในวัยหน้า ที่แม้อยู่ห่างไกล เป็นชีวิตที่ไม่อัตคัดและลำบากจนเกินไป
ผมจึงอยากเห็นตัวเองและคนรุ่นเดียวกันในอนาคตสามารถดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากจนเกินไปนัก