เช้าวันนี้...ตื่นตีสามตรงเร็วกว่าปกติไปนิด มีเวลาจิบกาแฟขมแล้วนั่งฟังเพลงจากวิทยุ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้ยินผู้จัดเพลงไทยสากลรุ่นเก่านำเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ มาเปิดให้ฟัง
ตั้งใจว่าจะต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับเพลงที่มีผู้คนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมืองนี้มาหลายวันแล้ว เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีความผูกพันกับเพลงนี้มากเป็นพิเศษ
ปัจจุบันเพลงเก่าหาฟังได้ยากขึ้น ไม่เหมือนเพลงลูกทุ่งที่หาฟังกันได้ง่ายเพราะมีตลาดรองรับกว้างขวางว่า แต่ที่เรียกกันว่า ‘เพลงไทยสากล’ นั้นดูเหมือนว่าผู้ฟังจะเป็นกลุ่มของคนอายุกว่าสี่สิบปีขึ้นไป
เพลงไทยสากลรุ่นเก่าที่ยังพอได้ยินสม่ำเสมอนั้นน่าจะเป็นของคณะ ‘สุนทราภรณ์’ ซึ่งยังมีแฟนเก่าแก่รับฟังกันอย่างเหนียวแน่น เพราะวงดนตรี ‘สุนทราภรณ์’ นี้ยังไม่ได้ล้มหายตายจากไปตามหัวหน้าคณะผู้ยิ่งใหญ่ไป และตราบใดที่ยังมีวงดนตรีของกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นของทางราชการอยู่ ก็คงยังมีวงสุนทราภรณ์ควบคู่ไปด้วย เพราะเจ้าของวงคนแรกคือครูเอื้อ สุนทรสนาน เคยเป็นนายวงดนตรีกรมโฆษณาการ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกรมประชาสัมพันธ์ แต่หลังเวลาราชการ ท่านก็นำลูกวงหารายได้เสริมด้วยการเล่นดนตรีตามงานต่างๆ จนเป็นที่รู้จักโด่งดัง
เพลงที่วงดนตรีทั้งสองวงคือสุนทราภรณ์ และวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์นี้เล่นอยู่จนถึงปัจจุบัน ดูเหมือนแยกกันไม่ค่อยออกว่า เพลงไหนครู เอื้อ สุนทรสนาน แต่งให้วงของหลวงคือกรมประชาสัมพันธ์หรือของสุนทราภรณ์ก่อนกัน ซึ่งต้องศึกษากันต่อไป เพราะนักดนตรีและนักร้องของวงนี้หลายท่านก็เป็นข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวงดนตรีคู่แฝด คือวงกรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์และสุนทราภรณ์ ต่างก็ดังมากๆ ระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นยุคทองของเพลงไทยสากล แต่ปัจจุบันผู้คนรู้จักสุนทราภรณ์มากกว่า
นอกจากวงดนตรีทั้งสองวงแล้ว หลังสงครามก็ยังวงดนตรีอื่นๆ อีกหลายวงที่มีชื่อเสียงเช่น วงดนตรีประสานมิตร วงดนตรีวายุบุตร เป็นต้น ล้วนแต่เล่นเพลงไทยสากลและเพลงเต้นรำ เป็นที่นิยมของคนในยุคสมัยยุคลีลาศเฟื่องฟูในบ้านเมืองของเรา
เพลงไทยสากลดังอยู่ยาวนาน จนแนวทางของเพลงเปลี่ยนไปเป็นสตริง ร็อก โซล ฯลฯ อย่างที่เราได้ยินกันอยู่ ซึ่งดูเหมือนจับใจคนรุ่นใหม่มากกว่า ส่วนเพลงไทยสากลก็ยังดำรงอยู่ เพียงแต่ผู้นำเสนอต่อสาธารณชนน้อยลง คนที่รักชอบเพลงแนวนี้ก็ยังมีอยู่จำนวนหนึ่งและมากพอสมควร ซึ่งอยู่ในจำพวกที่อยู่ในวัยกลางคนแล้ว
เมื่อเร็วๆ นี้มีนักร้องระดับโลกชื่อ Francis Yip (ฟรานซิส ยิป) อาชีพเดิมของเธอเป็นตำรวจหญิงฮ่องกง ร้องเพลงมาตั้งแต่ยังเป็นโปลิสอยู่ พอเพลงที่เธอร้องซึ่งมีทั้งภาษาแมนดาริน กวางตุ้ง และภาษาอังกฤษโด่งดัง เธอจึงตัดใจลาออกจากอาชีพตำรวจที่เธอรัก มุ่งหน้าเข้าสู่วงการเพลงอย่างจริงจัง
ผมเคยดูฟรานซิส ยิป ร้องเพลงหลายครั้งที่ Café De Paris ซึ่งเป็นไนท์คลับชั้นดีของเมืองไทยเมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุริวงศ์ ตอนนี้กลายเป็นสาขาธนาคารกสิกรไทยไปแล้ว เธอมาแสดงโชว์ที่ไนท์คลับแห่งนี้เสมอ และเป็นที่นิยมของผู้คนในยุคนั้น มาเมื่อไหร่คนแห่ไปดูกันตรึม
ฟรานซิส ยิป มีอัลบั้มที่ดังระดับอินเตอร์ชื่อ Discovery ที่ฮิตติดหูชาวไทยและเทศ มีเพลงยอดนิยมของนานาชาติบรรจุอยู่หลายเพลงด้วยกันเช่น Rasa sayang eh ของมาเลย์ และ Dahil sa iyo ของฟิลิปปินส์ได้ Bengawan solo ของอินโดเนเซีย Waltzing Matilda ของออสเตรเลีย Kassai ของญี่ปุ่น และเพลงของเกาหลีชื่อ Arirang ที่คนไทยคุ้นหูมาก
เพลงไทยที่ถูกคัดเลือกให้อยู่ในอัลบั้มประวัติศาสตร์ของฟรานซิล ยิป นี้คือ ‘บัวขาว’ และ ‘รักคุณเข้าแล้ว’ ทั้งสองเพลงนี้คนไทยรู้จักกันดี
วันที่ฟรานซิส ยิปมาเปิดการแสดงที่บีอีซีเทโรฮอลล์ครั้งล่าสุดนี้เธอมีอายุ ๕๖ ปีแล้ว ผมติดภารกิจไม่ได้ไปดู เสียดายเป็นกำลัง แต่คนที่ไปดูเล่าให้ฟังว่าเธอร้องเพลงด้วยพลังสูงไม่มีตกเหมือนครั้งยังเป็นสาวสะพรั่ง และคงความไพเราะเหมือนเดิม แม้คนร้องจะต้องผ่านการรักษาตัวต่อสู้กับมะเร็งร้ายมาอย่างทรหด
บนเวทีตอนที่ร้องเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ นั้น เธอจำเนื้อไม่ได้และหลงไปพักหนึ่ง แต่เอาตัวรอดได้ด้วยความชำนาญเวที และแซวผู้ร่วมแสดงคนอื่นได้ด้วย
เสน่ห์ของฟรานซิส ยิป อยู่ตรงที่เวลาร้องเพลงรักคุณเข้านั้นเธอร้องภาษาไทยไม่ชัดในบางคำ ซึ่งไม่ใช่จุดด้อยเลย แต่กลับกลายเป็นจุดเด่นที่แปลกด้วยซ้ำ เช่นตอนที่เพลงบอกว่า “ก็คุณรักบ้างเป็นไร” เธอร้องเป็น “ก็คุณรักบ้าง...เป็นไร๋ !” อย่างนี้เป็นต้น
อดีตหมาต๋า (ตำรวจ) หญิงฮ่องกงที่กลายเป็นนักร้องที่ยิ่งใหญ่ ได้ร้องเพลงทั้งที่บันทึกเป็นอัลบั้มขายดิบขายดี ได้ออกโชว์คอนเสิร์ต และร้องเพลงประกอบภาพยนตร์และโทรทัศน์ ที่คนไทยรู้จักกันดีก็คือ “เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้” ที่ขึ้นต้นว่า
“ลอง.ปัน...หลอง.เลา..หม่านเลยโทว โท้ว.ก๊วยสุย หวินปั๊กเยา....” นั่นแหละครับ
เพลงไทยที่ฟรานซิส ยิป เลือกบรรจุในอัลบั้ม Discovery นั้น เพลงแรกคือ ‘บัวขาว’ เดิมเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่อง ‘ถ่านไฟเก่า’ เป็นประพันธ์คำร้องโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภานุพันธ์ยุคล ส่วนทำนองนั้น หม่อมหลวงพวงร้อย สนิทวงศ์ เป็นผู้ประพันธ์
สำหรับ ‘รักคุณเข้าแล้ว’ ประพันธ์คำร้องโดย ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ส่วนทำนองนั้น ครูสมาน กาญจนะผลิน เป็นผู้ประพันธ์และเรียบเรียงเสียงประสาน เพลงนี้ทำให้อดีตนักเรียนเพาะช่าง ชื่อสุเทพ วงศ์กำแหง โด่งดังเป็นพลุแตกบนท้องฟ้าเมืองไทย บันทึกเสียงครั้งแรก พ.ศ.๒๔๙๘
มาถึงปีนี้อายุเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ ก็ครบ ๕๐ ปีบริบูรณ์ อ่อนกว่าอายุนายกรัฐมนตรีอยู่นิด และมากกว่าอายุหัวหน้าพรรคถนัดค้านอาชีพอยู่หน่อย แต่ถ้าคิดอย่างชาวบ้าน เพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ นี้เดินทางมาถึงครึ่งศตวรรษในปีนี้แล้ว เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
ที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือตอนครูทั้งสองแต่งเพลง “รักคุณเข้าแล้ว” ไม่นาน คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น มีการนำเอาเนื้อร้องภาษาญี่ปุ่นมาใส่ไว้ในทำนองแทนเนื้อร้องไทย และคนญี่ปุ่นก็นิยมร้องกันพอสมควร เมื่อนำมาบันทึกเสียงก็เลยมีคนคิดว่าเป็นการนำเอาเพลงญี่ปุ่นมาใส่เนื้อร้องไทย เป็นอย่างนั้นไป
คราวนี้เรามาลองดูเนื้อเพลงที่กินใจผู้คนมายาวนานกันสักนิด
รักคุณเข้าแล้วเป็นไร รักจนคลั่งไคล้จริงจัง
คุณรักใครหรือยังฉันใด
หวั่นใจว่าคงไม่แคล้ว เลยรักเข้าแล้วจนได้
บอกแล้วไม่วันไหน ต้องเผลอใจเข้าสักวัน
รักคุณเข้าแล้วเต็มทรวง แล้วคุณอย่าหวงสัมพันธ์
เราคิดมารักกันดีไหม
ก็ทีผมยังรักคุณ ก็คุณรักบ้างเป็นไร ของรักกันได้
อย่าคิดอะไรเลยคุณ
แล้วเสน่ห์ของเพลงนี้...อยู่ตรงไหนครับ ?
ในทัศนะของผม นอกจากทำนองที่เรียบง่ายฟังเข้าหูแล้ว คำร้องนี่แหละครับที่สำคัญเอามากๆ เพราะเปิดฉากขึ้นมาก็บอกเลยว่า “รักคุณเข้าแล้ว....” นะจ๊ะ
มันช่างตรงไปตรงมาอะไรอย่างนั้น เรียกว่ายิงเปรี้ยง ‘เข้าเป้า’ เลยทันที อย่างเปิดเผย
ไม่เห็นต้องมีอะไรปิดบังหรืออ้อมค้อมแต่อย่างใด แถมยังบอก ‘องศาของความรัก’ ว่ามีอยู่เท่าไหร่ เช่น
“รักจนคลั่งไคล้...จริงจัง” หรือ “รักคุณเข้าแล้ว....เต็มทรวง”
ไม่ว่าจะ ‘คลั่งไคล้’ หรือ ‘เต็มทรวง’ ก็เป็นเข็มชี้วัดปรอทความรักทั้งนั้น
ดูเนื้อเพลงแล้วน่าจะเป็นลักษณะของเพลงลูกทุ่งด้วยซ้ำ แต่เมื่อเป็นเพลงไทยสากลหรือลูกกรุง เพลงนี้แหละครับที่แปลกในยุคนั้นก็เพราะ
ความตรงไปตรงมานี่แหละ !
ท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์นี้มาตั้งแต่เริ่ม จะเห็นได้ว่าผมกล่าวเอาไว้หลายครั้งว่าเป็นคนชอบดูความเป็นไปของสังคม แล้วเอามาวิเคราะห์วิจารณ์ตามสมควร เคยถามผู้หญิงหลายคนว่าหากผู้ชายจู่ๆ มาบอกว่า “รักคุณเข้าแล้ว...นะจ๊ะ!” จะมีความรู้สึกอย่างไร ผู้ถูกถามหลายคนชะงักนิดหนึ่งแล้วตอบว่าคงพูดว่า “งง !” แต่สิ่งที่ติดตามมาก็คือ ‘ความภาคภูมิใจ’ เพราะมีผู้ชายมารัก ส่วนจะรักตอบหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างน้อยน่าจะโชคดีกว่าเกิดมาเป็นผู้หญิงทั้งที ...ไม่เคยมีใครมารักตอบเลยสักครั้ง !
เพลง “รักคุณเข้าแล้ว” นี้ ผมว่าขลังชมัด เพราะตอนตัวเองอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เพื่อนสนิทของผมหลงรักสาวน้อยเอ็นดู แต่ไม่กล้าบอกฝ่ายหญิงว่า “ผมรักคุณ !” มาวันหนึ่งที่บ้านเพื่อนอีกคนมีปาร์ตี้เล็กๆ มีดนตรีเล่นด้วย คนที่ตกหลุมรักนี้บอกให้ผมช่วยพูดอะไรก็ได้ ที่เป็นสื่อให้ฝ่ายหญิงทราบความในใจ ไอ้เรารึ...เป็นคนตามใจเพื่อนอยู่แล้ว ประกาศโผงผางกลางงานเลยว่า เพื่อนผมที่กำลังตกหลุมรัก และขอเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ ให้สาวที่เขารัก แล้วผมร้องเพลงนี้ให้คนทั้งคู่
พูดแล้วไม่น่าเชื่อ ทั้งสองได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา !
เล่าถึงความหลังหวานแหววครั้งนี้แล้ว หากไม่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ จะให้วง Soul After Six เจ้าของเพลง ‘ก้อนหินละเมอ’ มาเล่นเพลงอมตะ ‘รักคุณเข้าแล้ว’ โดยคนเขียน ‘กาแฟขม...ขนมหวาน’
ร้องให้ท่านผู้อ่าน ได้เปิดฟังกันทางคอลัมน์นี้จริงๆ !
ตอนนี้ทำไม่ได้ เอาไว้วันไหน ‘วาทตะวัน’ จัด ‘ทอล์คโชว์’ เมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนคอลัมน์นี้ตามมาฟังก็แล้วกันครับ
สำหรับเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ นี้ ชาวไทยเราต้องให้เกียรตินักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ คือ ครูสมาน กาญจนะผลิน และ ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ซึ่งทั้งสองท่านได้เรียงร้อยความไพเราะทั้งทำนองและบทประพันธ์คำร้อง ได้ลงตัวอย่างเหมาะเจาะเป็นที่สุด
ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ นั้น ท่านใช้นามนี้เฉพาะการแต่งเพลง เป็นบัณฑิตเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ แต่อยู่ในวงการแต่งเพลงตั้งแต่เรียนจบ ม.๖ จากโรงเรียน เซนต์คาเบรียล โดยเริ่มแต่งเพลงกับครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร์ ตอนท่านมาช่วยงานอยู่ที่คณะละครศิวารมย์ ระหว่างศึกษาอยู่ที่อังกฤษ ครูสมาน กาญจนะผลิน ส่งทำนองไปให้ท่านใส่เนื้อร้อง แม้จะมีผลงานแต่งเพลงร่วมกับนักดนตรีอื่นอยู่บ้าง แต่งานของท่านส่วนใหญ่แต่งร่วมกับครูสมาน กาญจนะผลิน
ส่วนครูสมาน กาญจนะผลิน เองนั้น มีผลงานที่เป็นบทเพลงมากมายถึง ๒.๐๐๐ เพลง โดยประมาณ และทายาทของท่านคือคุณ คุณจิระวุฒิ กาญจนะผลิน ก็ยังเก็บรักษาผลงานของครูท่านไว้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นหลานสาวของท่านคือคุณ ขวัญระวี กาญจนะผลิน ยังเป็นนักร้องที่มีความสามารถ ออกอัลบั้มมาแล้วสามชุด และหนึ่งในนั้นคือชุด “รักคุณเข้าแล้ว” ล่าสุด อัลบั้มเพลงคู่ กับคุณสุเทพ วงคำแหง ชื่อ ‘รอวันหวาน’ แม้จะไม่โด่งดังหวือหวามากนัก แต่ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักชองผู้คนพอสมควร เพิ่งได้รับรางวัลใหม่ชื่อแปลกๆไปหยกๆ เธอคงจะสามารถสืบสานงานของคุณปู่ได้ต่อไปอีกนาน พอทำให้เราแน่ใจว่า
วันข้างหน้า ยังจะมีเพลงของ ครูสมาน กาญจนะผลิน มาให้เราฟังมิได้ขาด และอาจมาในเวอร์ชั่นใหม่ๆ อย่างเพลง “รักคุณเข้าแล้ว” นี้ มีคุณ บอย โกสิยพงศ์, คุณ สุนารี ราชสีมา, วงพิงค์แพนเตอร์ นำไปร้องเป็นอัลบั้มใหม่ รวมทั้งคุณขวัญระวี หลานสาวของครูด้วย
งานของครูสมาน กาญจนะผลิน มีนักศึกษาระดับปริญญาโท ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวัฒนธรรมศึกษา แขนงวัฒนธรรมดนตรี บัณฑิตวิทยาลัย หาวิทยาลัยมหิดล
คือคุณบรรจง ชลวิโรจน์ ได้ทำการศึกษางานของครูสมาน กาญจนะผลิน เอาไว้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ได้กล่าวเอาไว้ในบทคัดย่อว่า
“....เป็นนักดนตรีที่มีความพร้อมทั้งความรู้ ทักษะ ปฏิภาณ และความเฉลียวฉลาดในการที่จะนำวัฒนธรรมดนตรีตะวันตก ให้เข้ามาผสมผสาน กับวัฒนธรรมดนตรีของไทยได้อย่างสนิท (assimilation) มีผลงานเป็นที่นิยมในสังคมไทยทุกระดับชั้น ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า ๕๐ ปี จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ...”
ท่านผู้อ่านคงจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ และความเป็นอัจฉริยะของครูเพลงท่านนี้อย่างชัดเจน
เพลงของครูสมาน กาญจนะผลิน และ ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ที่คนแรกประพันธ์ทำนอง และอีกคนใส่คำร้องนั้น ทั้งสองท่านทำงานเป็นทีมเข้าขากันได้อย่างเหมาะเจาะ ลงตัว เหมือนกับ Rodgers & Hammerstein ซึ่งอัจฉริยะทางดนตรีทั้งสองนี้ ประพันธ์เพลงให้ละครเพลงและภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง เป็นที่ติดอกติดใจของคนไทย ที่รู้จักกันมากก็คือเรื่อง South Pacific (มนต์รักทะเลใต้) The Sound of Music (มนต์รักเพลงสวรรค์) และ The King and I ที่สร้างจากหนังสือเรื่อง Anna and The King of Siam
นอกจากเพลงอมตะอย่างรักคุณเข้าแล้ว ก็ยังมีเพลงที่มิตรรักนักเพลงวัยกลางคนจะรู้จักกันดีอย่าง เพียงคำเดียว,รักเอ๋ยรักข้า, วิหคเหิรลม, นกเขาคูรัก, คำคน, สัญญารัก, รักปักใจ,ที่รัก ฯลฯ
อย่างที่ผมบอกว่า เนื้อเพลง ‘รักคุณเข้าแล้ว’ ที่ครู สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ ประพันธ์นั้น ง่ายๆตรงไปตรงมา แต่ครูท่านก็มีบทเพลงอื่นที่มีคำประพันธ์ไพเราะ ถ้อยคำสลับซับซ้อนมากกว่า และกินใจผมมาก อย่างเพลงชื่อ ‘ที่รัก’ ท่านลองดูเนื้อสักนิด
***อย่าเหมือนน้ำค้างพราวพร่างใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่มกินได้
พอรุ่งรางก็จางหายไป รู้แน่แก่ใจได้แต่ระทมชีวี
ผมว่าเนื้อเพลงนี้ไพเราะมาก ครูสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ท่าน คิดได้อย่างไรไม่ทราบได้ ว่าความรักที่ผู้หญิงให้ เหมือนน้ำค้างที่พร่างพรมเมื่อราตรีมาเยือน พอยามดึกมีจำนวนมากพอจะรองมาดื่มกินได้ คล้ายตอน ‘ขุนแผน’ เคยลำเลิกความหลังว่า ‘นางพิม’ (เปลี่ยนเป็นวันทองและตกเป็นเมียขุนช้างแล้ว) ตอนเป็นสาววัยรุ่นอยู่ได้ระเริงรักอยู่ที่ไร่ฝ้ายกับเณรแก้ว ซึ่งต่อมาเป็น ‘ขุนแผนแสนสะท้าน’ โดยฝ่ายชายตัดพ้อว่า
“เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย
พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน”
หวานซะไม่มีละ !
วันนี้ ได้เขียนถึงเพลง “รักคุณเข้าแล้ว” ของครูเพลงทั้งสองท่าน ที่ได้ร่วมกันบรรจง ประพันธ์ ร้อยเรียงทั้งตัวอักษรและทำนอง ออกมาเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ อมตะ ก็เพราะเห็นว่าเป็นวาระอันดีที่เพลงนี้ดังมาอย่างยาวนานถึงกึ่งศตวรรษแล้ว และยังจะดังกึกก้องต่อไปถึงเยาวชนคนรุ่นหลัง
จึงขอสดุดีขุนพลเพลงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
คำว่า “รักคุณเข้าแล้ว” นั้น แม้จะมีความตรงไปตรงมา หรืออาจดูทื่อๆถ้าผู้ชายคนไหนโพล่งออกไปด้วยคำพูดอย่างนี้ เพราะดูเหมือนจะเป็นการแบไต๋ หรือเปิดเผยความในใจ ออกมาอย่างอย่างโล่งโจ้งเป็นทีสุด
ถ้าเป็นการพูดอย่างจริงใจ ด้วยความสัตย์ซื่อ ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง ยิ่งถ้าฝ่ายหญิงมี่ใจตอบรับยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะ ความรักนั้นมีปีก การที่พูดออกมาอย่างกล้าหาญหากได้รับการตอบสนองรับรักแล้ว
ปีกของความรักนี้ จะถูกติดให้ทั้งฝ่ายชายและหญิง ซึ่งจะพาคนรักทั้งสอง โบยบินไปสู่ความสุขในชีวิตคู่ต่อไป
วันนี้ จึงอยากให้ท่านผู้อ่านที่เคารพ ลองกระซิบบอกคนใกล้ตัวท่านว่า “รักคุณเข้าแล้ว...นะจ๊ะ!” แล้วลองเขียนมาเล่าสู่กันฟังหน่อยว่า....
ได้ผลอย่างไร...บ้างครับ !!?
.................................
หมายเหตุ ผมค้นคว้าข้อมูลบางส่วน เกี่ยวกับครูเพลงผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน จากหนังสือ ‘ครูเพลง’ ท่านที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถหาซื้อได้ตามศูนย์หนังสือขนาดใหญ่ และจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาเรื่องราว อันเกี่ยวกับปรมาจารย์ระดับขุนพลเพลงของเมืองไทยหลายท่านด้วยกัน และหากจะซื้อบริจาคให้กับห้องสมุดโรงเรียน หรือสถานศึกษาเก่าของท่าน น่าจะเป็นประโยชน์กับเยาวชนของชาติต่อไป.