รับน้องใหม่ในมหาวิทยาลัยนั้นมันกลายเป็นเรื่องน่าเกลียดเพราะความลามกอนาจารและหลายอย่างบอกได้ว่าเป็นความวิปริตทางเพศของรุ่นพี่ ซึ่งไม่รู้ว่าฝ่ายบริหารทำไมไม่รู้จักห้ามปรามเสียก็ไม่ทราบได้
ผมเองแปลกใจครับว่า ทำไมหนอการรับน้องซึ่งควรเป็นกิจกรรมทางประเพณีที่ดีงามให้กับน้องใหม่ มันจึงได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความต่ำช้าเลวทรามได้ถึงเพียงนี้
แทนที่จะเป็นความน่าประทับใจ ให้เกิดความรู้สึกที่ดีงามระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
จนเรียนจบและแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพทำการทำงานกัน
จะเล่นกันนิดหน่อย หยอกล้อกันบ้างพอหอมปากหอมคอ เพื่อให้เกิดไมตรีต่อกัน มันก็จะไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกครับ
แต่ถึงขั้นให้รุ่นน้องแก้ผ้า เอาเชือกผูกใข่แล้วจับมาชักคะเย่อกัน หรือให้ปั่นอวัยวะเพศให้แข็งตัวแล้ววัดขนาดสั้นยาวกันนั้น ไอ้แบบนี้ผมว่ามันไม่ค่อยเข้าท่านะครับ
ลามกมากกว่าเล่นสนุกกันเฉยๆ
หลายปีก่อนนั้น รุ่นพี่ที่คณะชื่อดัง ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รุ่นพี่ต้อนรุ่นน้องผู้ชายขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วให้แก้ผ้า รุ่นน้องก็แอบถ่ายรูปแล้วก็เอามาเปิดโปงกับหนังสือพิมพ์ครับ
มันเกิดเป็นข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น เป็นที่อับอาย เพราะว่า คณะก็ดัง มหาวิทยาลัยก็ดังที่สุด ใครจะไปคิดว่ามันพิเรนกันแบบนั้น
รุ่นน้องคนนี้ เวลานี้เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของมติชน มีชื่อเสียงมากในบรรดานักข่าวประเภทสืบสวนสอบสวนคนหนึ่งของประเทศไทยแล้วครับ
การรับน้องนี้ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่มันเกิดขึ้นในต่างประเทศขณะที่ผมไปเรียนอยู่ไฮสกูล และเขาก็รับน้องกันบนโต๊ะอาหารนั่นแหละครับ
คือหลังรับประทานอาหารเสร็จ เขาก็เก็บกวาดเศษอาหารที่เหลือนี้แหละลงบนภาชนะเก็บเศษอาหาร แล้วเติมน้ำนมบ้าง น้ำอื่นๆ บ้าง เสร็จแล้วก็ตักมาแจกนักเรียนใหม่รุ่นน้องให้ดื่มกันคนละแก้ว
ผมก็ดื่มจนหมดแก้ว แถมยังขอเติมเสียอีก
ก็แค่นี้ละครับ ถือว่า ผ่านด่านแล้วครับ
หลังจากนั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์สปิริตกัน เพราะสปิริตมันพิสูจน์ด้วยการเราไปเล่นกีฬาครับเพราะผมก็ไปเล่นกีฬาที่เขามีให้เล่นทุกประเภท ไม่ว่าหนักหรือเบา ก็เล่นกับเขาหมด
ไม่ต้องทำอะไรที่มันพิเรนหรือลามกจกเปรต เว้นแต่จะมีกิจกรรมร่วมกับนักเรียนหญิง ซึ่งคุณจะทำอะไรกับคู่เดทของคุณก็ทำเถอะอย่าให้ประเจิดประเจ้อก็ไม่มีใครเขาว่า
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า การรับน้องใหม่ของเรามันไม่ได้พิสูจน์สปิริตอะไรมากไปกว่า การแกล้งกันเพื่อให้เกิดความอับอาย และก็ไม่เห็นว่ากิจกรรมทางเพศจะก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
มันเป็นประเพณีปลุกเซ็กซ์เสียมากกว่า
อย่างการให้รุ่นน้องผู้หญิงไปนั่งอ้าขาคุกเข่าตรงเป้ากางเกงห้อยมะเขืออะไรคล้ายอวัยวะเพศชายแล้วทำท่าน่าเกลียดเหมือนอมเลียนั้น
มันส่อพฤติกรรมลามกอนาจารครับ
ผมเชื่อว่ารุ่นน้องผูหญิงที่จบชั้นมัธยมมาใหม่ๆ ไม่มีประสบการณ์ทางเพศที่จะทำอะไรแบบนั้น ย่อมต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง แค่เอาหน้าไปใกล้เป้ากางเกงผู้ชายก็ขายขี้หน้าจะแย่แล้วครับ
บางสถาบันนั้น ทำหนักไปกว่านี้เสียอีกครับ
คือไปบังคับให้รุ่นน้องผู้ชายแก้ผ้าแล้วก็ให้ใช้มือบำบัดความใคร่ จนสำเร็จด้วยตนเองให้รุ่นพี่ผู้ชายเป็นกลุ่มดูครับ
ไอ้แบบนี้ ผมว่ารุ่นพี่ทั้งโขยง มันเป็นโรคจิตเพศอย่างหนึ่งแล้วนะครับ
ควรไปหานายแพทย์โรคจิตบำบัดแล้วละครับ
ไอ้เกมวิตถารแบบนี้ มันฝึกอะไรครับ
มันสร้างสรรค์ความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่หรือรุ่นน้องไปได้อย่างไรกันครับ
เฉกเช่นเดียวกันกับการนำรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงให้มานั่งอมหรือเลียมะเขือยาวอยู่บริเวณอวัยวะเพศที่เป็นเป้ากางเกงของรุ่นพี่ผู้ชายนั้น ผมว่าจริงๆ แล้ว โดยพฤตินัยมันน่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศไปแล้วนะครับ
เพราะว่ามันส่อถึงกิจกรรมล่วงละเมิดทางเพศได้เหมือนกัน ส่อไปทางอนาจารครับ
ของแบบนี้ ความจริงผมว่า ฟ้องเอาผิดทางกฎหมายก็น่าจะได้แฮะ
เรื่องนี้ ว่าไปแล้ว ผู้ใหญ่ที่เป็นอาจารย์ที่คุมกิจกรรมด้านนิสิตนักศึกษา ควรมีความผิดฐานปล่อยปละละเลยด้วย
รุ่นพี่นั้นมองบรรดากิจกรรมที่ควรมีประเพณี แต่เปลี่ยนมันเป็นกิจกรรมแฝงด้วยกามวิตถารแบบนี้ไว้ด้วยวัตถุประสงค์อะไรล่ะ นอกเหนือไปจากสร้างความอับอายให้กับรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงเพียงอย่างเดียว
นี่หรือคือความทดสอบด้วยสติปัญญาของเหล่าปัญญาชนที่ควรเป็นชนชั้นนำต่อไปของประเทศไทย
หากบ้านเมืองของเรา ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในสังคมเสียแล้ว ความวิปริตทางจิตใจไม่ได้ช่วยให้สังคมมีวุฒิภาวะเจริญก้าวหน้าไปได้มากไปกว่าความต่ำช้าสามานย์หรอกครับ
ดังนั้น พูดก็พูดเถอะ ผมว่าควรจัดกิจกรรมเรื่องการรับน้องให้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นทางการของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ปล่อยให้ทำกันตามอำเภอใจจนมันเลอะเทอะไปด้วยความต่ำช้าแบบนี้ครับ
ผมอยากให้จัดกันสักหนึ่งวัน ในห้องประชุมก็ได้ หรือให้มีคณาจารย์เข้าร่วม จะแยกกันตามแต่ละคณะก็ได้ ส่วนจะมีการละเล่นกันก็ควรทำกันอย่างพองาม แต่กิจกรรมที่จัดนั้น ควรที่จะละเว้นพฤติกรรมที่ส่อไปถึงการแสดงออกทางเพศด้วย
ถ้าขืนยังคงปล่อยให้มีการจัดกันแบบเสรีต่อไป อีกหน่อยผมว่า คงจะมีการจัดอะไรที่ทุเรศมากกว่าที่เราเห็นกันแบบนี้ก็เป็นได้
ผมเองแปลกใจครับว่า ทำไมหนอการรับน้องซึ่งควรเป็นกิจกรรมทางประเพณีที่ดีงามให้กับน้องใหม่ มันจึงได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความต่ำช้าเลวทรามได้ถึงเพียงนี้
แทนที่จะเป็นความน่าประทับใจ ให้เกิดความรู้สึกที่ดีงามระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
จนเรียนจบและแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพทำการทำงานกัน
จะเล่นกันนิดหน่อย หยอกล้อกันบ้างพอหอมปากหอมคอ เพื่อให้เกิดไมตรีต่อกัน มันก็จะไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกครับ
แต่ถึงขั้นให้รุ่นน้องแก้ผ้า เอาเชือกผูกใข่แล้วจับมาชักคะเย่อกัน หรือให้ปั่นอวัยวะเพศให้แข็งตัวแล้ววัดขนาดสั้นยาวกันนั้น ไอ้แบบนี้ผมว่ามันไม่ค่อยเข้าท่านะครับ
ลามกมากกว่าเล่นสนุกกันเฉยๆ
หลายปีก่อนนั้น รุ่นพี่ที่คณะชื่อดัง ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง รุ่นพี่ต้อนรุ่นน้องผู้ชายขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วให้แก้ผ้า รุ่นน้องก็แอบถ่ายรูปแล้วก็เอามาเปิดโปงกับหนังสือพิมพ์ครับ
มันเกิดเป็นข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น เป็นที่อับอาย เพราะว่า คณะก็ดัง มหาวิทยาลัยก็ดังที่สุด ใครจะไปคิดว่ามันพิเรนกันแบบนั้น
รุ่นน้องคนนี้ เวลานี้เป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของมติชน มีชื่อเสียงมากในบรรดานักข่าวประเภทสืบสวนสอบสวนคนหนึ่งของประเทศไทยแล้วครับ
การรับน้องนี้ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่มันเกิดขึ้นในต่างประเทศขณะที่ผมไปเรียนอยู่ไฮสกูล และเขาก็รับน้องกันบนโต๊ะอาหารนั่นแหละครับ
คือหลังรับประทานอาหารเสร็จ เขาก็เก็บกวาดเศษอาหารที่เหลือนี้แหละลงบนภาชนะเก็บเศษอาหาร แล้วเติมน้ำนมบ้าง น้ำอื่นๆ บ้าง เสร็จแล้วก็ตักมาแจกนักเรียนใหม่รุ่นน้องให้ดื่มกันคนละแก้ว
ผมก็ดื่มจนหมดแก้ว แถมยังขอเติมเสียอีก
ก็แค่นี้ละครับ ถือว่า ผ่านด่านแล้วครับ
หลังจากนั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์สปิริตกัน เพราะสปิริตมันพิสูจน์ด้วยการเราไปเล่นกีฬาครับเพราะผมก็ไปเล่นกีฬาที่เขามีให้เล่นทุกประเภท ไม่ว่าหนักหรือเบา ก็เล่นกับเขาหมด
ไม่ต้องทำอะไรที่มันพิเรนหรือลามกจกเปรต เว้นแต่จะมีกิจกรรมร่วมกับนักเรียนหญิง ซึ่งคุณจะทำอะไรกับคู่เดทของคุณก็ทำเถอะอย่าให้ประเจิดประเจ้อก็ไม่มีใครเขาว่า
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า การรับน้องใหม่ของเรามันไม่ได้พิสูจน์สปิริตอะไรมากไปกว่า การแกล้งกันเพื่อให้เกิดความอับอาย และก็ไม่เห็นว่ากิจกรรมทางเพศจะก่อให้เกิดความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง
มันเป็นประเพณีปลุกเซ็กซ์เสียมากกว่า
อย่างการให้รุ่นน้องผู้หญิงไปนั่งอ้าขาคุกเข่าตรงเป้ากางเกงห้อยมะเขืออะไรคล้ายอวัยวะเพศชายแล้วทำท่าน่าเกลียดเหมือนอมเลียนั้น
มันส่อพฤติกรรมลามกอนาจารครับ
ผมเชื่อว่ารุ่นน้องผูหญิงที่จบชั้นมัธยมมาใหม่ๆ ไม่มีประสบการณ์ทางเพศที่จะทำอะไรแบบนั้น ย่อมต้องอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง แค่เอาหน้าไปใกล้เป้ากางเกงผู้ชายก็ขายขี้หน้าจะแย่แล้วครับ
บางสถาบันนั้น ทำหนักไปกว่านี้เสียอีกครับ
คือไปบังคับให้รุ่นน้องผู้ชายแก้ผ้าแล้วก็ให้ใช้มือบำบัดความใคร่ จนสำเร็จด้วยตนเองให้รุ่นพี่ผู้ชายเป็นกลุ่มดูครับ
ไอ้แบบนี้ ผมว่ารุ่นพี่ทั้งโขยง มันเป็นโรคจิตเพศอย่างหนึ่งแล้วนะครับ
ควรไปหานายแพทย์โรคจิตบำบัดแล้วละครับ
ไอ้เกมวิตถารแบบนี้ มันฝึกอะไรครับ
มันสร้างสรรค์ความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่หรือรุ่นน้องไปได้อย่างไรกันครับ
เฉกเช่นเดียวกันกับการนำรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงให้มานั่งอมหรือเลียมะเขือยาวอยู่บริเวณอวัยวะเพศที่เป็นเป้ากางเกงของรุ่นพี่ผู้ชายนั้น ผมว่าจริงๆ แล้ว โดยพฤตินัยมันน่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศไปแล้วนะครับ
เพราะว่ามันส่อถึงกิจกรรมล่วงละเมิดทางเพศได้เหมือนกัน ส่อไปทางอนาจารครับ
ของแบบนี้ ความจริงผมว่า ฟ้องเอาผิดทางกฎหมายก็น่าจะได้แฮะ
เรื่องนี้ ว่าไปแล้ว ผู้ใหญ่ที่เป็นอาจารย์ที่คุมกิจกรรมด้านนิสิตนักศึกษา ควรมีความผิดฐานปล่อยปละละเลยด้วย
รุ่นพี่นั้นมองบรรดากิจกรรมที่ควรมีประเพณี แต่เปลี่ยนมันเป็นกิจกรรมแฝงด้วยกามวิตถารแบบนี้ไว้ด้วยวัตถุประสงค์อะไรล่ะ นอกเหนือไปจากสร้างความอับอายให้กับรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิงเพียงอย่างเดียว
นี่หรือคือความทดสอบด้วยสติปัญญาของเหล่าปัญญาชนที่ควรเป็นชนชั้นนำต่อไปของประเทศไทย
หากบ้านเมืองของเรา ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในสังคมเสียแล้ว ความวิปริตทางจิตใจไม่ได้ช่วยให้สังคมมีวุฒิภาวะเจริญก้าวหน้าไปได้มากไปกว่าความต่ำช้าสามานย์หรอกครับ
ดังนั้น พูดก็พูดเถอะ ผมว่าควรจัดกิจกรรมเรื่องการรับน้องให้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นทางการของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ปล่อยให้ทำกันตามอำเภอใจจนมันเลอะเทอะไปด้วยความต่ำช้าแบบนี้ครับ
ผมอยากให้จัดกันสักหนึ่งวัน ในห้องประชุมก็ได้ หรือให้มีคณาจารย์เข้าร่วม จะแยกกันตามแต่ละคณะก็ได้ ส่วนจะมีการละเล่นกันก็ควรทำกันอย่างพองาม แต่กิจกรรมที่จัดนั้น ควรที่จะละเว้นพฤติกรรมที่ส่อไปถึงการแสดงออกทางเพศด้วย
ถ้าขืนยังคงปล่อยให้มีการจัดกันแบบเสรีต่อไป อีกหน่อยผมว่า คงจะมีการจัดอะไรที่ทุเรศมากกว่าที่เราเห็นกันแบบนี้ก็เป็นได้