คุณเสนาะ เทียนทอง เป็นข่าวดังที่เรียกว่าฮือฮามาระยะหนึ่งแล้ว จนกระทั่งมาเบรกแตกเมื่อไม่นานมานี้ที่สภา
จนคนคิดไปว่า คุณเสนาะ นี่แกไปรับประทานอะไรมาจนผิดสำแดงหรืออะไรกันแน่
เพราะว่า แกทำอะไรในระยะหลังนั้น ดูแกเป็นเหมือนม้าพยศ แบบว่าไม่ได้เกรงอกเกรงใจท่านนายกรัฐมนตรีที่คุณเสนาะนั้นเคารพนับถือกันมาก่อนเหลือเกินละครับท่านผู้อ่าน
ว่ากันจริงๆแล้ว คุณเสนาะนั้น มีบทบาทสำคัญนะครับ โดยเฉพาะกับตัวท่านนายกรัฐมนตรี เพราะว่าแกร่วมหัวจมท้ายกับท่านนายกรัฐมนตรีมายาวนาน กล่าวได้เลยว่าคุณเสนาะนี่แหละครับเป็นหนึ่งในบรรดาคนใกล้ชิดกับท่านนายกฯที่ช่วยปั้นให้คุณทักษิณขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้พรรคไทยรักไทยได้กลายมาเป็นพรรคที่มีที่นั่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว
ดังนั้น ที่ผ่านมา คุณเสนาะจึงถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งของพรรค
และใกล้ชิดกับตัวนายกรัฐมนตรีทางการเมืองมากที่สุดก็ว่าได้
แต่คุณเสนาะนั้นเป็นคนดีที่มีกรรมนะครับ
ความดีของคุณเสนาะมันอยู่ตรงที่ว่า แกเป็นนักการเมืองรุ่นเก่านี้แหละ
แต่คุณเสนาะก็เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่อ่อนน้อมถ่อมตัวกับคุณทักษิณมาโดยตลอด และไม่เคยมีปากมีเสียง นอกจากคอยให้คำแนะนำกับท่านนายกในยามที่เกิดปัญหาทางการเมือง
คุณเสนาะเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน และเป็นคนดีที่มีบารมี มีพวกมาก พวกของคุณเสนาะก็เป็นกลุ่มเป็นก้อน รู้กันในนามว่าเป็นกลุ่มวังน้ำเย็น
คุณเสนาะเป็นคนง่ายๆ คือคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เชื่ออย่างไรก็พูดตามความเชื่อ เช่นเชื่อว่า รถบรรทุกนั้น ตามจริงแล้วที่วิ่งอยู่บนถนนนั้น บรรทุกเกินทั้งนั้น คือบรรทุก ๓๐ ตันทั้งนั้น
ดังนั้นไหนๆเมื่อบรรทุกกัน ๓๐ตันแล้ว ก็ควรจะทำให้มันถูกต้องเสีย คือกำหนดตามกฎหมายให้มันบรรทุกอยู่ที่ ๓๐ตันเสียเลย
ก็เพราะพูดตรงๆแบบนี้แหละ
คนเลยตั้งฉายาแกว่า
ป๋าเหนาะ ๓๐ ตัน ไปเสียฉิบ
ระยะหลังๆนี่ ป๋าก็เลยสำรวมการพูดการจาไปมาก เพราะไม่อยากให้คนมาตั้งฉายาอะไรให้แกอีก หันไปจัดกลุ่มทำงานแบบสร้างสรรค์มากกว่าที่เคยเป็น แกมีกลุ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้ส.ส.ครับ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่เจตนาแกดีเสียอย่าง จึงไม่มีใครว่าแกว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อรอง เพราะว่ากันจริงๆแล้ว ทุกคนก็รู้ว่า ป๋าจะต่อรองจริงๆแล้ว เดินไปพูดตรงๆกับตัวท่านนายกรัฐมนตรีก็ย่อมได้อยู่แล้ว
แต่เรื่องของเรื่องก็คือ แกมาเริ่มเบรกแตกระยะหลังๆนี่ โดยไม่รู้สาเหตุ
บางคนว่าที่แกเป็นอย่างนี้ก็เพราะป๋ามีความรู้สึกว่า บริวารที่ใกล้ชิดท่านนายก มักจะมีพฤติกรรมที่ทำให้พรรคเสียหายอยู่หลายเรื่อง เช่นเรื่องคอรัปชั่นอะไรทำนองนี้
และเรื่องบางเรื่องทางพรรคและลูกพรรคควรมีปากมีเสียงบ้าง ไม่ใช่เงียบไปเสียหมด เหมือนทาสในเรือนเบี้ย
ดังนั้น แกก็เลยต้องออกมาพูด
เพราะเด็กๆในพรรคมันไม่กล้าพูด
ในฐานะที่ป๋าเป็นผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่า ฐานะอย่างป๋านั้นพูดแล้ว ก็คงไม่น่าเกลียดอะไรนัก แกก็เลยต้องพูด และพูดอย่างเปิดเผยเสียด้วย
สำหรับคุณทักษิณนั้น เมื่อมีปัญหาที่ป๋าแกเบรกแตกไปคนนึงแล้ว คุณทักษิณ ก็ไม่ยอมที่ใช้อารมณ์โต้ตอบหรอกครับ
เพราะของร้อนๆแบบนี้ คุณทักษิณรู้ว่า ขืนเบรกแตกไปอีกคน ก็เหมือนกับไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า
มันไม่ดีต่อพรรคอย่างแน่นอน
สู้รอให้ทุกฝ่ายเย็นเอาไว้ดีกว่า
แต่ว่าพวกใจร้อนในพรรคก็มี
ไหนจะพวกเชลียร์ที่จงใจเคลื่อนไหวเดือนร้อนแทนนาย ที่จะขับป๋าเหนาะออกจากพรรคก็เคลื่อนไหวกันอย่างโครมคราม
สำหรับผมนั้น เชื่อว่า ตัวท่านนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เอาด้วยอย่างแน่นอนกับพวกใจร้อนเหล่านี้ และย่อมเบรกพวกใจร้อนไม่ดูตาม้าตาเรือเหล่านี้อย่างแน่นอน
ส่วนนักข่าวนั้น ก็ย่อมที่จะหาทางสรรหาคำถามจี้ใจนายกฯอยู่ร่ำไปเกี่ยวกับปัญหาของคุณเสนาะกับพรรคไทยรักไทย
แต่ตัวคุณทักษิณก็ย่อมรู้แกวอยู่แล้วว่า ขืนตอบอะไรไปตอนนี้ก็เท่ากับว่า ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะย่อมทำให้ความขัดแย้งขยายตัวไปเปล่าๆ
ดังนั้นแกก็บอกนักข่าวว่าลำดับความสำคัญของปัญหาเวลานี้คือเรื่องบ้านเมืองและปัญหาประชาชนที่ต้องแกไขเป็นลำดับแรก
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น แกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลเลย
และย้ำว่า ปัญหาในพรรคมันเปรียบเทียบได้ว่าเรื่องระหว่างลิ้นกับฟัน ย่อมจะกระทบกันได้
รวมทั้งอธิบายว่า เวลานี้คุณอุไรวรรณ เทียนทอง ก็ยังคงบริหารงานในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ เป็นปกติ ไม่ได้ไปไหน
เรียกว่า ไม่ได้มีปัญหาแต่ประการใด
นักข่าวเองก็เลยถามตรงๆว่า คุณทักษิณไม่รู้เรื่องเลยหรือว่า คุณเสนาะนั้น มีความน้อยอกน้อยใจ ก็เลยต้องแสดงออกมาอย่างที่เห็นๆ
นายกฯก็เลยบอกว่า รู้ๆอยู่ แต่บอกไม่ได้และจะไม่บอก แต่จริงๆแล้ว พรรคไทยรักไทยก็จะเป็นปึกแผ่นต่อไปในอนาคตเช่นเดิม
เรียกว่านอกจากไม่เป็นปัญหาใหญ่โตแล้ว ยังเดินหน้าเหมือนเดิมอีกต่างหาก
ครับ.....เรื่องนี้ นักการเมืองต่างพรรคมองว่า คุณเสนาะนั้น ไม่ลาออกหรอกครับ เพราะการลาออกจะทำให้หมดสมาชิกสภาพการเป็นสมาชิกสภาไปโดยปริยาย และที่คุณเสนาะแกระบายความในใจในสภานั้นก็เนื่องจากแกมีความน้อยใจจริงๆนั่นแหละ
แต่ก็อีกนั่นแหละว่า การเมืองในพรรคไทยรักไทย ก็สมควรที่จะต้องมีการจับตามองให้ดี ว่าจะพัฒนาไปอย่างไร เพราะว่า หากมันเลวร้ายลงไป โดยเฉพาะในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุริยะ รมต.คมนาคม พรรคจะมีความแตกร้าวอีกหรือไม่ และคุณเสนาะจะแผลงฤทธิ์อีกหรือเปล่า ผู้คนก็ยังสงสัยอยู่
แต่เรื่องที่ว่า ปัญหาในพรรคจะนำไปสู่การยุบสภานั้น ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสภากับรัฐบาลที่รุนแรงเกี่ยวกับนโยบายแต่ประการใด
สำหรับผมนั้นมองว่า เรื่องทั้งหมดนี้ หากมันเป็นความน้อยอกน้อยใจอย่างที่ว่ากันแล้ว ปัญหาแค่นี้ มันแก้ได้ง่ายครับ
และผมก็มองว่าตัวนายกรัฐมนตรีเดินมาถูกทางแล้ว ที่พยายามถ่วงเวลา รอให้คุณเสนาะใจเย็นขึ้นมาหน่อย เมื่อใจเย็นขึ้นแล้ว ก็จะหาทางจับเข่าคุณกับคุณเสนาะเอาเอง
คุณเสนาะนั้น แกเป็นคนดีครับ แถมตัวแกเองนั้นก็เหมือนคนแกขี้ใจน้อย ลองมีคนเอาใจแกหน่อย ขี้คร้านจะหายงอน และผมคิดว่า ตัวท่านนายกรัฐมนตรีจะรู้แกวที่จะแกไขปัญหานี้ได้ไม่ยากหรอกครับ
จนคนคิดไปว่า คุณเสนาะ นี่แกไปรับประทานอะไรมาจนผิดสำแดงหรืออะไรกันแน่
เพราะว่า แกทำอะไรในระยะหลังนั้น ดูแกเป็นเหมือนม้าพยศ แบบว่าไม่ได้เกรงอกเกรงใจท่านนายกรัฐมนตรีที่คุณเสนาะนั้นเคารพนับถือกันมาก่อนเหลือเกินละครับท่านผู้อ่าน
ว่ากันจริงๆแล้ว คุณเสนาะนั้น มีบทบาทสำคัญนะครับ โดยเฉพาะกับตัวท่านนายกรัฐมนตรี เพราะว่าแกร่วมหัวจมท้ายกับท่านนายกรัฐมนตรีมายาวนาน กล่าวได้เลยว่าคุณเสนาะนี่แหละครับเป็นหนึ่งในบรรดาคนใกล้ชิดกับท่านนายกฯที่ช่วยปั้นให้คุณทักษิณขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และทำให้พรรคไทยรักไทยได้กลายมาเป็นพรรคที่มีที่นั่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว
ดังนั้น ที่ผ่านมา คุณเสนาะจึงถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งของพรรค
และใกล้ชิดกับตัวนายกรัฐมนตรีทางการเมืองมากที่สุดก็ว่าได้
แต่คุณเสนาะนั้นเป็นคนดีที่มีกรรมนะครับ
ความดีของคุณเสนาะมันอยู่ตรงที่ว่า แกเป็นนักการเมืองรุ่นเก่านี้แหละ
แต่คุณเสนาะก็เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่อ่อนน้อมถ่อมตัวกับคุณทักษิณมาโดยตลอด และไม่เคยมีปากมีเสียง นอกจากคอยให้คำแนะนำกับท่านนายกในยามที่เกิดปัญหาทางการเมือง
คุณเสนาะเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน และเป็นคนดีที่มีบารมี มีพวกมาก พวกของคุณเสนาะก็เป็นกลุ่มเป็นก้อน รู้กันในนามว่าเป็นกลุ่มวังน้ำเย็น
คุณเสนาะเป็นคนง่ายๆ คือคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เชื่ออย่างไรก็พูดตามความเชื่อ เช่นเชื่อว่า รถบรรทุกนั้น ตามจริงแล้วที่วิ่งอยู่บนถนนนั้น บรรทุกเกินทั้งนั้น คือบรรทุก ๓๐ ตันทั้งนั้น
ดังนั้นไหนๆเมื่อบรรทุกกัน ๓๐ตันแล้ว ก็ควรจะทำให้มันถูกต้องเสีย คือกำหนดตามกฎหมายให้มันบรรทุกอยู่ที่ ๓๐ตันเสียเลย
ก็เพราะพูดตรงๆแบบนี้แหละ
คนเลยตั้งฉายาแกว่า
ป๋าเหนาะ ๓๐ ตัน ไปเสียฉิบ
ระยะหลังๆนี่ ป๋าก็เลยสำรวมการพูดการจาไปมาก เพราะไม่อยากให้คนมาตั้งฉายาอะไรให้แกอีก หันไปจัดกลุ่มทำงานแบบสร้างสรรค์มากกว่าที่เคยเป็น แกมีกลุ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้ส.ส.ครับ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง แต่เจตนาแกดีเสียอย่าง จึงไม่มีใครว่าแกว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อรอง เพราะว่ากันจริงๆแล้ว ทุกคนก็รู้ว่า ป๋าจะต่อรองจริงๆแล้ว เดินไปพูดตรงๆกับตัวท่านนายกรัฐมนตรีก็ย่อมได้อยู่แล้ว
แต่เรื่องของเรื่องก็คือ แกมาเริ่มเบรกแตกระยะหลังๆนี่ โดยไม่รู้สาเหตุ
บางคนว่าที่แกเป็นอย่างนี้ก็เพราะป๋ามีความรู้สึกว่า บริวารที่ใกล้ชิดท่านนายก มักจะมีพฤติกรรมที่ทำให้พรรคเสียหายอยู่หลายเรื่อง เช่นเรื่องคอรัปชั่นอะไรทำนองนี้
และเรื่องบางเรื่องทางพรรคและลูกพรรคควรมีปากมีเสียงบ้าง ไม่ใช่เงียบไปเสียหมด เหมือนทาสในเรือนเบี้ย
ดังนั้น แกก็เลยต้องออกมาพูด
เพราะเด็กๆในพรรคมันไม่กล้าพูด
ในฐานะที่ป๋าเป็นผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่า ฐานะอย่างป๋านั้นพูดแล้ว ก็คงไม่น่าเกลียดอะไรนัก แกก็เลยต้องพูด และพูดอย่างเปิดเผยเสียด้วย
สำหรับคุณทักษิณนั้น เมื่อมีปัญหาที่ป๋าแกเบรกแตกไปคนนึงแล้ว คุณทักษิณ ก็ไม่ยอมที่ใช้อารมณ์โต้ตอบหรอกครับ
เพราะของร้อนๆแบบนี้ คุณทักษิณรู้ว่า ขืนเบรกแตกไปอีกคน ก็เหมือนกับไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า
มันไม่ดีต่อพรรคอย่างแน่นอน
สู้รอให้ทุกฝ่ายเย็นเอาไว้ดีกว่า
แต่ว่าพวกใจร้อนในพรรคก็มี
ไหนจะพวกเชลียร์ที่จงใจเคลื่อนไหวเดือนร้อนแทนนาย ที่จะขับป๋าเหนาะออกจากพรรคก็เคลื่อนไหวกันอย่างโครมคราม
สำหรับผมนั้น เชื่อว่า ตัวท่านนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้เอาด้วยอย่างแน่นอนกับพวกใจร้อนเหล่านี้ และย่อมเบรกพวกใจร้อนไม่ดูตาม้าตาเรือเหล่านี้อย่างแน่นอน
ส่วนนักข่าวนั้น ก็ย่อมที่จะหาทางสรรหาคำถามจี้ใจนายกฯอยู่ร่ำไปเกี่ยวกับปัญหาของคุณเสนาะกับพรรคไทยรักไทย
แต่ตัวคุณทักษิณก็ย่อมรู้แกวอยู่แล้วว่า ขืนตอบอะไรไปตอนนี้ก็เท่ากับว่า ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะย่อมทำให้ความขัดแย้งขยายตัวไปเปล่าๆ
ดังนั้นแกก็บอกนักข่าวว่าลำดับความสำคัญของปัญหาเวลานี้คือเรื่องบ้านเมืองและปัญหาประชาชนที่ต้องแกไขเป็นลำดับแรก
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น แกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลเลย
และย้ำว่า ปัญหาในพรรคมันเปรียบเทียบได้ว่าเรื่องระหว่างลิ้นกับฟัน ย่อมจะกระทบกันได้
รวมทั้งอธิบายว่า เวลานี้คุณอุไรวรรณ เทียนทอง ก็ยังคงบริหารงานในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ เป็นปกติ ไม่ได้ไปไหน
เรียกว่า ไม่ได้มีปัญหาแต่ประการใด
นักข่าวเองก็เลยถามตรงๆว่า คุณทักษิณไม่รู้เรื่องเลยหรือว่า คุณเสนาะนั้น มีความน้อยอกน้อยใจ ก็เลยต้องแสดงออกมาอย่างที่เห็นๆ
นายกฯก็เลยบอกว่า รู้ๆอยู่ แต่บอกไม่ได้และจะไม่บอก แต่จริงๆแล้ว พรรคไทยรักไทยก็จะเป็นปึกแผ่นต่อไปในอนาคตเช่นเดิม
เรียกว่านอกจากไม่เป็นปัญหาใหญ่โตแล้ว ยังเดินหน้าเหมือนเดิมอีกต่างหาก
ครับ.....เรื่องนี้ นักการเมืองต่างพรรคมองว่า คุณเสนาะนั้น ไม่ลาออกหรอกครับ เพราะการลาออกจะทำให้หมดสมาชิกสภาพการเป็นสมาชิกสภาไปโดยปริยาย และที่คุณเสนาะแกระบายความในใจในสภานั้นก็เนื่องจากแกมีความน้อยใจจริงๆนั่นแหละ
แต่ก็อีกนั่นแหละว่า การเมืองในพรรคไทยรักไทย ก็สมควรที่จะต้องมีการจับตามองให้ดี ว่าจะพัฒนาไปอย่างไร เพราะว่า หากมันเลวร้ายลงไป โดยเฉพาะในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุริยะ รมต.คมนาคม พรรคจะมีความแตกร้าวอีกหรือไม่ และคุณเสนาะจะแผลงฤทธิ์อีกหรือเปล่า ผู้คนก็ยังสงสัยอยู่
แต่เรื่องที่ว่า ปัญหาในพรรคจะนำไปสู่การยุบสภานั้น ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสภากับรัฐบาลที่รุนแรงเกี่ยวกับนโยบายแต่ประการใด
สำหรับผมนั้นมองว่า เรื่องทั้งหมดนี้ หากมันเป็นความน้อยอกน้อยใจอย่างที่ว่ากันแล้ว ปัญหาแค่นี้ มันแก้ได้ง่ายครับ
และผมก็มองว่าตัวนายกรัฐมนตรีเดินมาถูกทางแล้ว ที่พยายามถ่วงเวลา รอให้คุณเสนาะใจเย็นขึ้นมาหน่อย เมื่อใจเย็นขึ้นแล้ว ก็จะหาทางจับเข่าคุณกับคุณเสนาะเอาเอง
คุณเสนาะนั้น แกเป็นคนดีครับ แถมตัวแกเองนั้นก็เหมือนคนแกขี้ใจน้อย ลองมีคนเอาใจแกหน่อย ขี้คร้านจะหายงอน และผมคิดว่า ตัวท่านนายกรัฐมนตรีจะรู้แกวที่จะแกไขปัญหานี้ได้ไม่ยากหรอกครับ