xs
xsm
sm
md
lg

เชื้อฟืนที่รอ 'ประกายไฟ'

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

เกือบ 4 เดือนที่แล้ว 6 ก.พ. 2548 คุณทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ได้รับคะแนนความศรัทธาจากประชาชนมาอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยจำนวน 19 ล้านเสียง กับจำนวน ส.ส. 377 คน การก้าวเท้าเข้ามายึดสภาผู้แทน ด้วยเสียงจำนวนมากขนาดนี้ จนพรรคไทยรักไทยสามารถตั้งรัฐบาลได้ด้วยตัวเองเพียงพรรคเดียวนั้น ถือว่าเป็น 'ปรากฎการณ์ใหม่' ของการเมืองไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

ในขณะนั้น ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยจำนวนมากที่ก็ได้แต่หวังว่า คุณทักษิณ และพรรคไทยรักไทยจะทำตามคำมั่นสัญญา บริหารประเทศด้วยความสุจริต ให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอยู่ต่อไป ... ตอนนั้นผมจึงยกคำกล่าวของ 'ขงจื๊อ' ขึ้นมา ปลอบใจตัวเอง
................................
รัฐที่สมบูรณ์แบบในอุดมการณ์ของขงจื๊อ จะต้องเป็นรัฐที่ "ประชาชนมีอาหารเพียงพอ มีกำลังทหารพอสมควร และประชาชนจะต้องมีความเชื่อถือผู้ปกครอง"

มีผู้ถามว่า "ในองค์ประกอบ 3 ข้อนั้น ข้อไหนมีความสำคัญยิ่งใหญ่กว่ากัน"
ขงจื๊อตอบว่า "รัฐบาลยังคงอยู่ได้โดยปราศจากกำลังทหาร"

ผู้สงสัยยังถามต่ออีกว่า "และถ้าท่านถูกบังคับให้สละหนึ่งในสองที่เหลือนั้น ข้อไหนรัฐบาลจะอยู่ต่อไปโดยปราศจากมันได้"
ขงจื๊อตอบว่า "ข้าพเจ้าเลือกที่จะขจัดเรื่องอาหารเพียงพอออกไปได้ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา มีคนตายโดยอดอาหารอยู่ทุกๆ ชั่วคน แต่ชาติจะคงอยู่ไม่ได้โดยปราศจากความเชื่อถือของประชาชน"
................................
ในตอนนั้นผมก็หวังว่า คุณทักษิณจะไม่ปล่อยให้ ตนเองและพรรคพวก สูญศรัทธา-เสียความเชื่อมั่นจากประชาชนที่ตนเองเพิ่งได้รับไปจากการเลือกตั้ง เพราะ เมื่อประชาชนหมดสิ้นศรัทธาจากผู้ปกครอง นั่นก็หมายความถึง ผู้ปกครองย่อมหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ตามไปด้วย ...... สัจธรรมการปกครองข้อนี้ ขงจื๊อกล่าวไว้ตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว

เหมือนกับสีของธงไตรรงค์ ประเทศไทยนั้น ก่อร่างอยู่บนรากฐานของ สถาบัน 3 สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อย่างเช่นที่ หลายคนเคยวิเคราะห์ไว้ว่า การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศของ คุณทักษิณ และนายทุนพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือว่าเป็น 'กลุ่มทุนใหม่' หรือ กลุ่มทุนที่อาศัยตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งสะสมความมั่งคั่งนั้น ได้ก่อให้เกิดแรงปะทะกับ 'กลุ่มทุนเก่า' ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแทนอย่างจัง และ สี่ปีที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่า กลุ่มทุนเก่าถูกสั่นคลอนไปมิใช่น้อย

ด้วยผลงานการบริหารเศรษฐกิจที่ พรรคไทยรักไทย พอจะยกขึ้นมากล่าวอ้างได้ว่า เป็นผลงานโดดเด่นของพรรคที่ทำให้ประเทศชาติหลุดพ้นจากวิกฤต (โดยในอีกมุมหนึ่งก็ส่งให้พรรคพวกตัวเองร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาล บนรากฐานการเป็นหนี้ของภาคประชาชน) ได้ส่งผลให้ประชาชนไม่รู้สึกอะไรกับการไล่ทุบทุนเก่าของคุณทักษิณ ข้อพิสูจน์คือในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดพรรคไทยรักไทยนั้นมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกสมัย ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้น

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากสถานะของ สถาบันทั้ง 3 ที่เป็นรากฐานของประเทศไทย และเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนแล้ว พรรคไทยรักไทยภายใต้การบริหารงานของคุณทักษิณยังได้ก้าวล่วงเข้าไปสั่นคลอน จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็สุดแท้แต่ใครจะมอง และ วิเคราะห์

แต่ทั้งนี้ความจริงที่ปรากฎให้เห็นนั้น ใครก็มิอาจจะปฏิเสธได้ว่า ในยุคไทยรักไทย 'การสั่นคลอน' สถาบันได้เกิดขึ้นให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม และจับต้องได้มาโดยตลอด!

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใหญ่ๆ อย่างเช่น การทับซ้อนของผลประโยชน์ในสถานะของการเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีและผู้บริหารประเทศ การทุจริตการสอบเอนทรานซ์ กรณีการแทรกแซงองค์กรอิสระ รวมไปถึง คดีอัปยศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีสมเด็จพระสังฆราช กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา หรือ แม้กระทั่งกรณีเล็กๆ อย่าง เพลงชาติเวอร์ชั่นใหม่ ที่นายกรัฐมนตรีพยายามตีกรรเชียงหนีก็ตาม

นับแต่อดีต ผู้นำหรือรัฐบาลที่ผ่านๆ มา เพียงแค่มีการแตะต้อง หรือ สร้างความกระทบกระเทือนให้สถาบันใดสถาบันหนึ่ง ก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงมาแล้วทั้งสิ้น อย่างเช่น พรรคประชาธิปัตย์ที่โดนข้อหา "ขายชาติ" หรือ ย้อนไปนานกว่านั้นอีกหน่อย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่เพียงแค่ "เสียสัตย์" ....

ในยุคสมัยของ คุณทักษิณ ประเด็นที่กระทบกระเทือนกับสถาบันเหล่านี้ เปรียบเสมือนกับเป็น เชื้อฟืน-ฟาง ที่ก่อสุมรอไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่มี 'ประกายไฟ' ใดๆ ที่จะมาจุดติดเชื้อเพลิงเหล่านี้ได้ .... ทำไมน่ะหรือครับ?

คำตอบ สั้นๆ ก็คือ เพราะประชาชนยังมีความศรัทธา ในตัว คุณทักษิณ

คุณทักษิณที่ให้คำมั่นสัญญากับองค์พระมหากษัตริย์ ประเทศชาติ และประชาชน มาตลอดว่า จะบริหารประเทศนี้ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จะไม่ให้คนโกงมาเอาเปรียบ รังแก ข่มเหง ประชาชนได้

อย่างไรก็ตาม หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุกรณีการทุจริต CTX ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีการทุจริตกล้ายาง เรื่อยมาจนถึงกรณีตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฎว่า คุณทักษิณ ไม่เพียงไม่พยายามป้องกันการเกิด 'ประกายไฟ' แต่กลับ พยายาม 'ราดน้ำมัน' ไปบนเชื้อเพลิงที่กองสุมรอไว้ ด้วยการปกป้องพรรคพวกอย่างสุดกำลัง

ไม่มีใครหรอกครับ ที่อยากเห็นประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ในกลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มที่สอง หรือ กลุ่มที่สาม ที่ คุณทักษิณ กล่าวว่าเป็นตัวละคร 3 กลุ่มที่ขับเคลื่อนการเมืองไทยอยู่ทุกวันนี้

ศรัทธา และ ความเชื่อถือจากประชาชน เท่านั้นครับที่มีพลังพอจะปกป้องคุณทักษิณและพลพรรคได้ แต่ ณ เวลานี้ หากไม่ใช่คนที่ดวงตามืดบอด หรือ สภาพจิตไม่สมประกอบก็คงจะมองเห็นว่า ณ วันนี้ คำว่า 'ศรัทธา' นั้นกำลังตีตัวออกห่างคนที่ชื่อ 'ทักษิณ' ไปทุกทีทุกที
กำลังโหลดความคิดเห็น