xs
xsm
sm
md
lg

ตอน 177 “จดหมายถึงแม่วันสงกรานต์”

เผยแพร่:   โดย: วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


เช้าวันนี้...จิบกาแฟขมแล้ว อ่านหนังสือพิมพ์เห็นมีข่าวการจัดงานสงกรานต์กันหลายจังหวัด บางแห่งไม่เรียกชื่อว่าเป็นงานวันสงกรานต์ แต่ใช้ภาษาอังกฤษทับศัพท์ไปเลย เช่นถ้าเป็นจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ถิ่นที่งานสงกรานต์มีลักษณะพิเศษเฉพาะบางแห่ง เช่นอำเภอพระประแดง ชุมชนชาวมอญยังรักษาเสน่ห์ความเป็นเอกลักษณ์มายาวนาน ปัจจุบันได้เปิดตัวมากขึ้น งานของอำเภอนี้ จึงใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เรียกว่า Praphradang Songkran Festival เพื่อชักชวนชาวต่างประเทศมาเที่ยวกัน ก็โดนกระแนะกระแหนเอาว่า อำเภอนี้มีคนต่างด้าวที่ใช้ภาษาอังกฤษแยะ ได้แก่ชาวพม่าที่มาเป็นลูกจ้างโรงงาน อ่านภาษาไทยไม่ออก ต้องใช้ภาษาอังกฤษอธิบายความกันแล้ว ก็มองต่างกันได้หลายมุม แต่ก็ครึกครื้นดี

จังหวัดใกล้ติดกันกับปากน้ำสมุทรปราการ คือชลบุรีนั้น นอกจากวันสงกรานต์เหมือนคนภาคกลางและทั่วประเทศแล้ว เขาก็มีงานที่เรียกว่า “วันไหล” คือ วันทำบุญขึ้นปีใหม่ของชาวทะเล ซึ่งกำหนดหลังวันมหาสงกรานต์ประมาณ ๕-๖ วัน เดิมเรียกว่า ประเพณีก่อพระทรายน้ำไหล ตอนเป็นเด็กผมเคยไปอยู่หลายปี เพราะไปอยู่บ้านพักร้อนของคุณยายที่บางแสนตอนหยุดเทอม เดิมเป็นวันที่ก่อเป็นเจดีย์ทราย เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แล้วประดับให้สวยงามประกวดกัน มีการละเล่นพื้นเมือง เพื่อความสนุกสนานสามัคคี และมีการขนทรายเข้าวัด ซึ่งต่อมาวัดต่างๆก็หมดความจำเป็นที่จะต้องใช้ทราย งานก่อพระทรายจึงเปลี่ยนเป็น วันไหล ปัจจุบัน มีจัดที่ชายหาดบางแสน ประมาณ ๑๗-๑๙ เมษายน ของทุกปี

ประเพณีที่ไม่ค่อยเหมือนใครของจังหวัดชลบุรี มีอยู่ที่อำเภอศรีราชา เรียกว่า “วันกองข้าว” เป็นประเพณีที่ต่อจากวันไหล คือวันที่ ๑๙ เมษายน ของทุกปี จะทำพิธีที่พระราชวัง บริเวณหน้าศาลศรีชโลธรเทพ โดยชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวาน เซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อว่า เมื่อทำพิธีนี้แล้วบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ประชาชนไม่เจ็บป่วย โดยชาวบ้านจะนำอาหารคาวหวานที่จัดมา แบ่งใส่กระทงคนละเล็กละน้อย จากนั้นจุดธูปเทียน เสร็จสรรพก็มีการร้องเชื้อเชิญภูติผีปิศาจที่หิวโหย ให้แห่แหนมากินอาหารเครื่องเซ่นไว้ ผีกินเรียบร้อยแล้ว คนก็ตั้งวงรับประทานอาหารร่วมกัน โดยไม่ให้เหลือกลับบ้าน

เมืองชลบุรีนี้ มีประเพณีหลายอย่างที่ผมชอบ เช่น ประเพณีวิ่งควาย เคยดูตั้งแต่เด็ก เป็นประเพณีเก่าแก่นาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ มีมาตั้งแต่ครั้งแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง จัดกันตอน ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ระหว่างมีเทศน์มหาชาติ เพราะผู้คนหลั่งไหลมาที่วัดใหญ่อินทาราม ชาวนาชาวสวนเอาควายเทียมเกวียนมา ๑๓ เล่ม ขนผลหมากรากไม้เครื่องกัณฑ์เทศน์มาวัด ๑๓ กัณฑ์ ตกบ่ายอากาศร้อนเอาควายไปอาบน้ำ แล้วก็เอามาวิ่งแข่งกัน โดยให้คนขี่หลัง ต้องประคองไม่ให้ตกด้วย สนุกมาก

นอกจากนั้นเมืองชลมีอีกอย่างที่จังหวัดอื่นไม่มีอีก คือ ประเพณีกินข้าวมันส้มตำ (วันลอยกระทง) จัดขึ้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง

ข้าวมันที่กินกับส้มตำนั้น ไม่เหมือนข้าวมันไก่ที่หุงด้วยมันไก่ เพราะเขาหุงด้วยกะทิ จึงมีกลิ่นหอมไขมันจากกะทิ รับประทานควบคู่กันไปกับส้มตำ หากแต่ส้มตำที่กินกับข้าวมันนั้น ไม่ใช่ส้มตำแบบอีสาน น่าจะเรียกว่าการคลุกมากกว่าการตำ แต่ใช้มะละกอเหมือนกัน ปัจจุบันมีการพัฒนาส้มตำไปมาก มีการใช้แครอท แตง ชนิดต่างๆ ถั่วฝักยาว วิธีทำก็ตำกระเทียม ใส่พริกเล็กน้อยหรือไม่ใส่พริกสำหรับเด็ก ใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่วบุบพอแตก ใส่ถั่วฝักยาว มะละกอหรือแครอทฝอย โขลกเบาๆ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมมะนาว น้ำตาล น้ำปลา มะเขือเทศ ชิมรสกลมกล่อมตามชอบ อย่าให้รสจัดเหมือนส้มตำลาว
ข้าวมันส้มตำนั้น รับประทานควบคู่ไปกับเครื่องเคียง เช่น หมู (เนื้อ) หวานฉีกฝอยทอด หรือไก่ทอด เป็นอาหารที่ผมขอแนะนำตอนหน้าร้อนตอนเมษาฯ อย่างนี้ เพราะตอนเป็นเด็กเมื่อไปบ้านบางแสนกับคุณยายได้กินเป็นประจำ จนตัวเองหุงข้าวมันเป็น เดี๋ยวนี้หารับประทานได้ไม่ง่ายนัก นอกจากร้านอาหารเก่าแก่อย่าง ศรแดง ดรรชนี สีฟ้า ก็ยังพอรับประทานกันได้ แต่วันไหนอยากทานจริงๆ ผมก็ให้แม่ครัวบ้านน้องสาวทำให้ เพราะเธอเป็นก้นกุฎิคุณยายของผมเลยทีเดียว ตอนนี้อายุก็กว่าแปดสิบปีแล้ว แต่ก็ยังทำอาหารได้ดีมีฝีมือจัดจ้าน

นอกจากข้าวมันส้มตำ อาหารที่ขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือข้าวแช่ เพราะคนไทยนั้นฉลาดเรื่องการกินอยู่ ร้อนนักก็เอาข้าวใส่น้ำเย็นแช่น้ำแข็งกินเสียเลย ร้านที่อร่อยก็มีอยู่หลายร้าน ใกล้บ้านผมหน่อยก็คือร้านกลางซอย สุขุมวิท ๔๙ ที่ร้านครัว โอ.วี.ของสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธ วิทยาลัย ถนนพิชัย เขตดุสิต ที่เป็นร้านเชลล์ชวนชิม มีอาหารอร่อยให้เลือกหลายอย่าง รวมทั้งของหวานที่คนร่ำลือ คือคัสตาร์ด ของ Na Mum หรือ “น่าหม่ำ” นั่นเอง ทั้งสองแห่งนี้ นอกจากข้าวที่หุงเป็นเม็ดสวย แช่ในน้ำลอยดอกมะลิอบควันเทียนใส่น้ำแข็ง เครื่องข้าวแช่ที่รับประทานร่วมของเขาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกะปิทอด หอมสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ปลาแห้งทอด ไข่เค็มทอด และรับประทานกับผัก แตงกวา มะม่วงดิบ กระชาย ต้นหอม ผักชี พริกแดง

อาหารแก้ร้อนอย่างอื่นนอกจาก ข้าวมันส้มตำ แล้ว ยังมีแกงส้มทุกชนิด แกงเหลือง แกงเลียงผักทุกชนิด แกงจืดวุ้นเส้น แกงจืดผัก พล่า ยำทุกชนิด ต้มยำกุ้ง ไก่ ปลา เนื้อ เห็ด ชนิดน้ำใสไม่ใส่กะทิ ต้มโคล้งปลาช่อน ปลาสลิดแห้ง ปลากระบอกแห้ง ต้มส้มปลาทุกชนิด

เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนที่มีความหมายสำหรับหนุ่มสาววัยรุ่นเป็นอันมาก ผมมีความหลังดีๆ เกี่ยวกับสถานที่ตากอากาศอย่างหัวหิน บางแสน ผมเขียนถึงเพลงรักประจำเดือนหน้าร้อนนี้ คือ April love ใน กาแฟขม...ขนมหวานตอนที่ ๑๙ ว่า

“....คนอายุรุ่นห้าสิบขึ้นไปจนถึงเจ็ดสิบ จะรู้จักเพลงนี้และ แพ้ท บูน เป็นอย่างดี เพราะนักร้องเคร่งศาสนาคนนี้ โด่งดังขึ้นมาในยุคเดียวกับ Elvis Presley ดาราร็อคอมตะนิรันดร์กาล แพ้ท บูน นั้นร้องเพลงร็อคก็ได้ แต่เป็น “ร็อคเรียบร้อย”....

มีผู้แปลเพลงนี้เอาไว้ในเวปไซด์เกี่ยวกับโคลงกลอน แต่ผมจำได้เพียง ๒ ท่อน เขาแปลถอดความเป็นกลอนเอาไว้ อ่านแล้วรู้สึกดี เขาว่าไว้อย่างนี้ครับ

April love is for the very young
Ev’ ry star’ s a wishing star that shines for you

รักกันหนาในเมษาผาสุขนัก ดื่มด่ำรักฉ่ำชุ่มวัยหนุ่มสาว
ดาวทุกดวงบนนภาสุกสกาว ดั่งดวงดาวหมายปองส่องแสงมา

April love is all the seven wonders
One little kiss can tell you this is true

รักกันไว้ในเมษาพาสุขยิ่ง ราวเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ที่ฝันหา
จูบสักนิดบอกเรื่องราวคราวผ่านมาบอกคุณว่านี่เรื่องจริงเหนือสิ่งใด

น่ารักดี ไม่ทราบว่าเป็นผู้สูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมหรือเปล่า ผู้แปลใช้นามแฝง พยายามนึกชื่อแฝงแต่จำไม่ได้ จึงต้องขออภัยไว้ที่นี้ด้วย
ที่นำมาลงเอาไว้ ก็เพราะว่าชอบและมีความหลังกับเพลงนี้พอสมควร เมื่อครั้งตัวเองยังเป็นวัยรุ่น ลองเข้าไปดูใน กาแฟขม...ขนมหวานตอนที่ ๑๙ ผมอ้างดูได้

เมษายนมาถึงที่ไร ความหลังครั้งเก่าแวบๆวับๆ กลับมาทุกปีไม่มีขาด !

บ้านเมืองเรานี่แปลก สงกรานต์ปีนี้ทางการเขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า คนต้องตายไม่เกิน กว่า ๖๓๗ คน ผมพูดเรื่องการกำหนดจำนวนคนตายของเรา ให้เพื่อนอาจารย์ฝรั่งฟัง เขาส่ายหัวแล้วบอกว่า Amazing Thailand จริง ๆ

ผมเป็นคนไม่ชอบคำว่า Amazing Thailand เอามากๆ ไม่รู้ใครคิด ออกโฆษณาได้อย่างไร เพราะ Amazing นั้น มันใช้ได้ทั้งในทางดีและร้าย ไม่ใช่ด้านดีอย่างเดียวอย่างที่เขาคิดกันเสียเมื่อไหร่ !

ได้ยินวิทยุเขาบอกว่า ใครจะไปเที่ยวสงกรานต์ ก่อนออกจากบ้านต้องกราบลาพ่อแม่ บอกลาลูกเมียเสียก่อน เพราะไปเที่ยวแล้วจะไปรวมอยู่ในจำนวนหกร้อยกว่าคนหรือเปล่า ก็ไม่รู้ไอ้ที่ตายกันมากก็เพราะสุราเป็นเหตุนี่แหละครับ ไม่กินเหล้าขับรถชนกันตาย ก็กินเหล้าตีกันตาย มีหลักๆอยู่แค่ ๒ เรื่องเท่านั้น ผมมีประสบการณ์ที่ไม่ลืมตอนตอนสงกรานต์ เพราะทำงานหนักกับตำรวจใต้บังคับบัญชา เคยจับคนขี้เมาตีกัน และวัยรุ่นกินเหล้ายกพวกเข้าตะลุมบอนเป็นจุดๆทั่วอำเภอเมือง และเหตุอื่นๆด้วย คืนเดียวกว่า ๒๐๐ คน

ขนาดโรงพักที่รับผิดชอบอยู่ มีห้องควบคุมใหญ่โตกว่าที่อื่น กลายเป็นคับแคบไปเพราะผู้ต้องหาเบียดเสียด แทบจะขี่คอกันเลย !

ผมได้ยินคนโฟนอินไปหาผู้ดำเนินรายการวิทยุบอกว่า อยากจะกลับบ้านไปหาแม่วันสงกรานต์ เพราะเคยกลับทุกปี แต่ปีนี้ขาดแคลนเงินทองจริงๆ ได้แต่โทรศัพท์ไปหาแม่ บอกถึงความรักแม่แต่มาเยี่ยมไม่ได้ ซึ่งคุณแม่ก็ตอบว่าไม่เป็นไร ขอให้ขยันทำงานเป็นคนดี ปีหน้ามีเงินมีทองแล้วค่อยมาหาแม่ก็แล้วกัน

ผมว่าผู้ชายคนนี้ดีมาก ที่พูดความจริงกับมารดา และคุณแม่ก็น่ารักที่พูดให้กำลังใจลูก เลยเกิดแรงบันดาลใจ ผูกเรื่องสั้นๆขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ให้ชื่อว่า จดหมายถึงแม่วันสงกรานต์ ลองอ่านดูครับ

ญิงสูงอายุนั่งนิ่ง จ้องดูกองจดหมายที่วางไว้ตรงหน้า แล้วเอื้อมมือที่เหี่ยวเกินวัย อุดมด้วยเส้นเอ็นที่โปนขึ้นเพราะการทำงานหนัก มือสั่นระริกคู่นั้น คลี่จดหมายที่เรียงปีได้รับเอาไว้ แต่ละฉบับผู้สูงอายุผู้เป็นแม่ เขียนเลขลำดับเรียงกันด้วยลายมือตน

ผู้ที่เป็นแม่ส่งสายตาผ่านดวงตาคู่ที่เศร้าหมอง แห้งผาก เพราะไม่มีน้ำตาเหลือพอจะหลั่งมาอีก หลังจากผ่านการร่ำไห้อย่างหนักมาช่วงระยะเวลาหนึ่งจนขอบตาบวม เธอเพ่งดูตัวอักษรในจดหมาย ด้วยการมองผ่านแว่นสายตาที่ขุ่นมัว

หากท่านผู้อ่านมีโอกาสไปยืนอยู่ข้างหลังหญิงชรา ผู้ดูท่าเหมือนหัวใจสลายคนนี้ แล้วลอบส่งสายตาแอบดูจดหมายแต่ละฉบับ ที่เธอคลี่ออกอ่านเรียงกัน คงได้เห็นข้อความตามนี้

ฉบับที่ ๑ (ปีแรก)

แม่จ๊ะ
สี่ปีที่มาอยู่กรุงเทพ ฉันไม่มีโอกาสมาเยี่ยมบ้านเลย จะโทรศัพท์ไปบ้านลุงอินทร์ แล้วให้เขามาตามแม่เดินไปรับ ก็ไม่มีประโยชน์เพราะหูแม่ตึง คงไม่ได้ยินที่ฉันพูด
ตอนนี้ฉันทำงานเก็บเงินยังไม่ได้พอกลับไปหาแม่ แต่ปีหน้าฉันตั้งใจว่า จะกลับมากราบเท้าแม่ให้ได้

รักแม่
ฉันเอง

ฉบับที่ ๒ (ปีที่ ๒)

แม่จ๊ะ
ปีนี้พอมีเงินเหลือ จะกลับบ้านไปกราบแม่วันสงกรานต์ที่จะถึงนี้ได้ ฉันซื้อตั๋วรถไฟไว้เรียบร้อยแล้ว ซื้อผ้าถุงสีสวยมาฝากแม่ด้วยจ้ะ
วันไหนแม่นุ่งไปตลาด รับรองว่าคนอิจฉาแม่ทั้งหมู่บ้านแน่ๆ
แล้วเจอกัน นะแม่นะ

รักแม่
ฉันเอง

ฉบับที่ ๓ (ปีที่ ๓)

แม่จ๊ะ
ปีที่แล้วฉันมากราบแม่ตามที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ เพราะคืนก่อนที่จะขึ้นรถไฟมาหาแม่ เพื่อนมันชวนไปกินเหล้า ฉันเมามาก ตื่นขึ้นเอาตอนบ่ายแก่ๆ ไปไม่ทันรถไฟเที่ยวเช้า พยายามเปลี่ยนตั๋วเป็นเที่ยวค่ำและเช้าของวันรุ่งขึ้น แต่ไม่สำเร็จ เพราะตั๋วเต็มหมด ฉันเสียใจมาก
มาปีนี้ ฉันซื้อผ้าถุงเพิ่มอีกผืน รวมกับปีที่แล้วเป็นสองผืน ไปกราบแม่แล้วจะได้ให้แม่ทีเดียวพร้อมกันสองผืนเลย
แม่จะได้มีผ้าถุงสวยๆ เอาไว้นุ่งผลัดกัน ให้คนแถวบ้านเขางงกันเล่น ทายไม่ถูกว่า ลูกชายแม่ซื้อผ้าถุงมาฝากกี่ผืนกันแน่ ?

รักแม่
ฉันเอง

ฉบับที่ ๔ (ปีที่ ๔)

แม่จ๊ะ
เมื่อปีที่แล้วฉันเหมือนคนมีกรรม อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าไปหัวลำโพง หอบผ้าถุงสองผืนของฝากแม่ขึ้นรถไฟ ฉันนั่งอย่างเรียบร้อยตั้งใจว่า จะมาจนถึงบ้านและกราบเท้าแม่ให้จงได้ เพื่อแก้ตัวสองปีก่อนที่พลาดไปเพราะเมาเหล้า จนขึ้นรถไฟไม่ทัน
แม่จ๋า ชีวิตของฉันเหมือนมีกรรม เพราะตอนนั่งอยู่บนรถไฟดีๆ ดันไปพบกลุ่มเพื่อนที่คุ้นกันมาก่อน พวกมันคงเป็นญาติกับพญามาร อย่างที่เจ้าคุณพยอม วัดสวนแก้ว (ตอนนี้ท่านขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นราชฯแล้ว) ท่านเทศน์สั่งสอนพุทธบริษัทเอาไว้ว่า อย่าไปคบเข้าเชียว เพราะไอ้พวกกินเหล้านี้เหมือนมาร ก็คงจริงตามที่พระเดชพระคุณท่านว่า แต่ไม่รู้ว่าเวรหรือกรรมที่ฉันเคยทำเอาไว้แต่ปางก่อน มันเลยตามมาผจญลูกชายของแม่ ในชาตินี้อีกจนได้
พวกมารชวนฉันกินเหล้าบนรถไฟจ้ะแม่ เผลอกินกับพวกมัน จนเมามากฟิวส์ขาด หลับไปไม่ได้สติ กระทั่งรถไฟเลยสถานีจังหวัดบ้านเราไป ฉันก็ยังไม่รู้สึกตัว
การ์ดรถเขามาปลุก เมื่อถึงสถานีปลายทางอีกจังหวัด ซึ่งก็เลยอำเภอเราไปไกลโขแล้ว ฉันเลยต้องเสียเวลาไปอีกวัน กว่าจะนั่งรถไฟย้อนกลับมาถึงสถานีบ้านเรา แต่จะลงต่อรถมาหาแม่ที่บ้านก็ทำไม่ได้ เพราะจะกลับไปเข้ากะงานที่กรุงเทพไม่ทันการ ฉันได้แต่นั่งน้ำตาซึม มองป้ายสถานีรถไฟแล้ว ยิ่งให้คิดถึงแม่เหลือเกิน ได้แต่กอดและจูบผ้าถุงของฝากแม่ทั้งสองผืนแทน แต่ก็ยังไม่หายคิดถึงแม่ที่แสนดีของฉัน

แม่จ๋า ปีนี้ฉันขอสัญญาว่า จะมาให้ถึงบ้านแน่ๆจ้ะแม่ เพราะฉันจองตั๋วล่วงหน้าเอาไว้แล้ว จะมากราบแม่พร้อมผ้าถุง ๓ ผืน (ฉันซื้อเพิ่มแล้วอีก ๑ ผืน) จะไม่ให้พลาดอีกเด็ดขาด
ขอให้ไว้ใจลูกชายคนเดียวของแม่ นะจ๊ะ

รักแม่
ฉันเอง

ฉบับที่ ๕ (ปีเดียวกับฉบับที่ ๔)

เรียน คุณนายที่เคารพ

บริษัทเราขอแสดงความเสียใจอีกครั้ง ในการสูญเสียบุตรชายของท่าน ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทของเราไปเนื่องจากอุบัติเหตุ และทางบริษัทจัดการฌาปนกิจแทน พร้อมกับส่งอัฐิผู้ตายมาให้ตามความประสงค์ของท่านแล้ว
พร้อมจดหมายนี้ บริษัทขอจัดส่งเช็คเงินประกันอุบัติเหตุ เงินค่าตอบแทนต่างๆ รวมทั้งเงินช่วยเหลือจากเพื่อนพนักงาน มาด้วยเป็นที่เรียบร้อย

บริษัทขอเรียนว่า บุตรของท่านเป็นพนักงานที่เข้มแข็ง ซื่อสัตย์ นิสัยดี แม้จะมีปัญหาการดื่มสุราบ้าง แต่ปีนี้เขาได้ปรับปรุงตนใหม่ เลิกสุราได้โดยเด็ดขาด บังเอิญมาพบอุบัติเหตุน่าเศร้าเสียก่อน เพราะคนขับรถคู่กรณีที่พุ่งชนรถของบริษัท ซึ่งบุตรของท่านนั่งรวมอยู่ด้วย ได้เสพสุรามีอาการมึนเมาอย่างหนัก ทำให้พนักงานคนดีของเราถึงแก่ความตาย น่าเสียดายและเสียใจเป็นอันมาก

อนึ่ง บุตรของท่านได้เก็บผ้าถุง ๓ ผืน ไว้ในตู้เก็บของส่วนตัวพนักงานที่บริษัท แล้วเขียนหน้าห่อว่า “ของขวัญแม่วันสงกรานต์” ทางบริษัทเข้าใจว่า ผู้ตายคงมีความประสงค์จะมอบให้ท่าน ในวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จึงได้ส่งมาพร้อมนี้จดหมายฉบับนี้แล้ว

ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ) นางสาว แท่งทองแท้ ทุ่งทองท่วม
กรรมการ ผู้จัดการใหญ่

อ่านจบลง ผู้เป็นมารดามองผ้าถุงสีสวยสดทั้งสามผืน ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กๆ เพียงอึดใจ สายตาของผู้ชราเริ่มพร่ามัว มองเห็นสีสันของผ้าถุงเลอะเลือน เพราะน้ำตาที่คิดว่าแห้งไปแล้วนั้น ได้เอ่อล้นกลับมาอีกครั้ง

จบ


อ่านเรื่องนี้แล้ว อย่ารอช้า ขอให้ท่านเดินทางไปกราบคุณแม่คุณพ่อและญาติผู้ใหญ่โดยปลอดภัย และถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ผมขออธิษฐาน โดยขอพรพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง ได้โปรดดลบันดาลให้ผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน มีแต่ความสุข สมหวัง ความเจ็บให้รู้หาย ความไข้อย่ารู้มี เจริญสง่าราศรี มีแต่ความสวัสดี จงทุกประการ
ขอให้คำอธิษฐานนี้ จงแทนที่น้ำอบไทยปรุง อันรวยรสรื่นชื่นใจจากผม มาประพรมประนมพรให้กับท่าน ในวันสงกรานต์นี้

สุขสันต์...วันสงกรานต์ ครับ !


..............................

กำลังโหลดความคิดเห็น