เช้าวันนี้...จิบกาแฟขมแล้ว มองดูขนมที่เพื่อนฝูงเริ่มทยอยส่งมาให้ชิม เพื่อขอคำวิจารณ์รสชาติขนมที่ตนหรือภริยาเป็นผู้ทำ ทั้งนี้อย่างที่ได้เรียนให้ท่านผู้อ่านทราบแล้ว ว่า
ตัวผมเองได้เขียนเกี่ยวกับขนม อาหาร หลายครั้งหลายหน เพราะชื่อคอลัมน์ก็บอกถึงความเป็นนักกินขนมตัวยงอยู่แล้ว อีกทั้งเพื่อนฝูงเชื่อว่า การชิมและการรู้จักอาหารของผม น่าจะใช้เป็นที่พึ่งพิง ในการขอความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อาหารได้บ้าง หลังจากที่พรรคพวกเพื่อนฝูงเกษียณกัน มีแม่บ้านพวกเขาหลายคน หารายเสริมได้ด้วยการทำขนมขาย ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย บางคนภริยาเป็นนักการธนาคาร มีตำแหน่งเป็นอดีตผู้จัดการสาขาธนาคารต่างประเทศด้วยซ้ำไป แต่เพราะความอยากทำ ไม่ต้องการปล่อยเวลาให้ล่วงไปด้วยการนั่งๆนอนๆ กินบำนาญหรือดอกเบี้ยไปเท่านั้น ครั้นจะตามฝ่ายสามีไปขุดดินที่สนามกอล์ฟก็ไม่ชอบ เดี๋ยวผิวพรรณที่เริ่มจะไม่ตึงเพราะอายุสูงขึ้น จะพลอยหมองหนักเพราะแดดเข้าไปอีก และการทำขนมยังได้ใกล้ชิดกับลูกหลานตัวเล็กตัวน้อย ที่แวะเข้าเวียนออกมาหาคุณตา คุณยาย ในห้องครัว ทำให้ครึกครื้น ดีออกจะตายไป
การใกล้ชิดกับลูกหลาน หากมีเรื่องที่ควรเล่า หรือสั่งสอนพวกเขา จะได้กระทำเสียในครัวนั่นเลย เด็กที่คุ้นกับบุพการีของพ่อแม่ตน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ผู้สูงอายุ มักจะไม่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ให้เป็นปัญหา เรื่องนี้ผมเห็นตัวอย่างมามาก ขอให้ท่านลองสังเกตดูเพื่อนฝูงที่เติบ
โตมาใกล้ชิดกับ ปู่ ย่า ตา ยาย จะมีพื้นฐานทางอารมณ์ที่ดีเกือบทั้งสิ้น
มีข้อยกเว้นเหมือนกัน ที่ผู้ที่เกษียณอายุแล้วบางคนทำขนมแล้ว อาจมีความทุกข์หนักเข้าไปอีก เช่น ทำซาละเปาส่งขายโรงเรียนหลาน วันละห้าสิบลูกร้อยลูก ก็พอสนุกสนานดีอยู่หรอก มาลำบากอีตรงที่ลูกเด็กเล็กแดงที่โรงเรียนหลาน กินอร่อยแล้วไปบอกพ่อแม่ ตอนนี้คนทำบ่นว่า เหนื่อยยิ่งกว่าตอนยังไม่เกษียณอีก เพราะผู้ใหญ่กินซาละเปาอร่อยเข้าไป ติดหนับยิ่งกว่าเด็ก ฝากลูกหลานซื้อกันยกใหญ่
ตอนโรงเรียนเปิด คนทำเลยต้องส่งเจ้าแป้งห่อหมูนึ่งรสอร่อย ที่เรียกกันว่าซาละเปา ถึงวันละกว่า ๓,๐๐๐ ลูก !
อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกแล้ว
เมื่อวันอังคารสัปดาห์ที่แล้ว ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ กับ พล.ต.ถาวร ช่วยประสิทธิ์ ออกอากาศรายการ “พ่อบ้านเข้าครัว” ร้านครัว O.V. ของสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธ วิทยาลัย ท่านได้ชิมอาหารหลักที่มีชื่อเสียง ๒ รายการ ซึ่งผมเคยแนะนำไปเมื่อสองปีที่แล้ว คือ แกงเนื้อพริกขี้หนู กับโรตี กับ ข้าวผัดปลาสลิด
เสียดายตรงที่ว่า ม.ร.ว.ถนัดศรีฯท่านมีเบาหวาน จึงไม่ได้ชิมคัสตาร์ดยี่ห้อ Na Mum (น่าหม่ำ) ที่เลื่องลือ ของเขาเนียน “อร่อยล้ำ ฉ่ำนุ่ม ละไมละมุน สำหรับคุณทุกคน” สมกับที่เขียนที่ป้าย ติดบนฝากล่องระดับมาตรฐานส่งออก ที่แพคมาเรียบร้อย รสหวานกำลังพอดีๆ ถ้ารับประทานกับกาแฟเข้ากันดีนัก เปิดกล่องออกมาจะเห็นสีเข้มของก้นคัสตาร์ด ที่มีสีน้ำตาลไหม้สวยแวววาว เรียกได้ว่าอร่อยระดับแนวหน้าของประเทศเลยทีเดียวเชียว เขาไม่ได้ทำด้วยเครื่องจักร จึงผลิตได้น้อย แต่เป็นการผลิดด้วยฝีมือ และใส่หัวใจของมืออาชีพจริงๆ
พวกวุฒิสมาชิกและผู้แทนราษฎร รวมทั้งข้าราชการและนักเรียนเก่า ที่เวียนแวะมารับประทานอาหารกลางวันก็ติดอกติดใจ ซื้อหาไปฝากผู้คนทางบ้าน บางวันมีคนมานั่งรอกันเลย พอของมาถึง พรึ่บเดียวหายหมด เพราะของเขาอร่อยล้ำจริงๆ ตอนคริสตมาสนี่เขาคงเตรียมเอาไว้สำหรับคนที่สั่งจอง และมีพอให้คนซื้อกลับบ้าน หากมีโอกาสแวะผ่านไปทางทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ อยู่หลังโรงเรียน ด้านถนนพิชัย เขตดุสิต ซึ่งจอดรถสะดวก ขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านลองชิมดู รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
เดือนธันวาคมนี้ ผู้คนในกรุงเทพได้ชมต้นคริสต์มาส ซึ่งมีประดับตามอาคารศูนย์การค้าต่างๆ มากมายหลายแห่ง แต่งตึกเป็นต้นคริสต์มาสก็ยังมี บางแห่งเอา Crystal ตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาส แถมยังมีนางแบบ หุ่นกงโก้ ราบๆเรียบๆ เอาคริสตัลมาติดตามตัวให้ดูเก่ไก๋ ดูแล้วปลงได้ดีจริงๆ
แม้จะเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ผมเป็นคนรักคริสต์มาส เพราะมีความรู้สึกดีๆกับงานเทศกาลนี้ อย่างที่ได้เคยเขียนเล่าให้ฟังเรื่องที่ตัวเองเคยไปร้องเพลง เล่นดนตรีในโบสถ์มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
ท่านผู้อ่านคงได้ดูภาพ หรือข่าวต่างประเทศ ที่ท่านผู้หญิง ลอร่า บุช กดปุ่มเปิด ไฟต้นคริสต์มาสประจำชาติ สูง ๔๐ ฟุต ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ตระหง่านอยู่หน้าทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมๆกับการประดับประดาต้นคริสต์มาสอีก ๔๐ ต้น อย่างสวยงาม ทั่วทุกซอกมุมของทำเนียบขาว ผมเคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า เคยพาแม่ของลูกไปดูไฟ ที่ทำเนียบขาว ท่ามกลางหิมะ เมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว ระหว่างเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น มีความประทับใจในความสวยงามของบรรยากาศอย่างยิ่ง
หลังจากจุดไฟประเดิมต้นคริสต์มาส ของสหรัฐอเมริกาแล้ว ท่านผู้หญิงลอร่ากับท่านประธานาธิบดี ได้ร่วมร้องเพลงกับเด็กๆนักร้องคณะประสานเสียง ซึ่งเพลงที่ใช้ขับร้องนั้น เป็นเพลงโปรดของทั้งสุภาพสตรีหมายเลชหนึ่งและคุณ จอร์จ บุช นอกจากนั้นเชฟประจำทำเนียบขาวก็ยังจัดเตรียมบ้านขนมปังขิง รสอร่อย รูปร่างน่าเอ็นดู เป็นของขวัญต้อนรับเด็กๆ ที่จะมาเยือนตลอดช่วงเทศกาลอีกด้วย
สปิริตของคริสต์มาสอยู่ในหัวใจอเมริกันชน
เห็นแล้วอิจฉา อยากให้คนไทยมี สปิริตของวันวิสาขะบูชา ในใจของคนไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างอย่างกับเขาบ้าง !
เพลงที่ร้องประสานเสียง หรือที่เรียกว่า กันนั้น ได้เคยเล่าเอาไว้ใน กาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๕๖ เมื่อคริสต์มาสสองปีก่อนนี้เกี่ยวกับเพลง Christmas Carol โดยได้อธิบายคำว่า Carol นั้น เป็นเพลงที่เกี่ยวกับอะไรก็ได้ แต่ที่เวลาร้อง เขาร้องพร้อมกันทีละหลายๆ คน Christmas Carol จึงอาจเรียกว่าเป็นเพลงชุด Christmas ก็ได้ แต่อยากให้เข้าใจกันว่า แต่ Carol นั้น แตกต่างกับคำว่า Hymn (ฮีมน์) อยู่หน่อยก็คือ
Hymn เป็นบทขับร้องที่สรรเสริญพระเจ้า
หลุยส์ อาร์มสตรอง ซึ่งเป็นราชาแจ๊ส นักเป่าทรัมเปตชั้นเยี่ยมของโลกก็ เคยเป็นเด็กที่ร้องเพลง Hymn ขับขานสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ามาก่อน เพราะยามวัยเด็กนั้น คุณทวดหลุยส์ (ผู้ซึ่งหากมีชีวิตอยู่ก็จะครบ ๑๐๕ ปี วันที่ ๑ มกราคม ศกหน้า) เป็นเด็กยากจนแสนเข็ญเล่น hornet อยู่ในในวงดนตรีแห่ศพของคนอัฟริกัน-อเมริกัน ในเมืองนิวออร์ลีนส์ นครหลวงแห่งดนตรีแจ๊ส สหรัฐอเมริกา
Carol นั้นไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการสรรเสริญพระเจ้าเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ใน กาแฟขม...ขนมหวาน ตอนที่ ๕๖ ได้เขียนถึงที่มาของเพลง Silent Night และ White Christmas แต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ได้ยิน ท่านอาจารย์วีณา เชิดบุญชาติ เปิดและพูดถึงเพลง O ChristmasTree ในรายการของเช้าวันอาทิตย์ ที่วิทยุ FM ๙๗ กรมประชาสัมพันธ์สองอาทิตย์ก่อน ว่าต้นคริสต์มาสนั้น ไม่ว่าในฤดูใดก็มี สีเขียวสดเสมอ ตรงนี้ท่านอาจารย์คงหมายถึงเนื้อเพลงนี้ ที่เขาบอกว่า
O...Christmas Tree,O Christmas Tree
Forever true your color !....
O ChristmasTree นี้เป็นเพลงพื้นบ้านของเยอรมันชื่อ Oh Tannenbaum เป็นเพลงที่อยู่ใน Christmas Carol เช่นเดียวกับ Silent Night ซึ่งเป็นเพลงเยอรมันเหมือนกัน ชื่อ Stille Nacht ได้เคยเล่าให้ท่านฟังถึงที่มาของเพลงนี้แล้ว
Christmas Tree นั้น แต่โบราณมาเขาหมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งคุณอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน อันเป็นเรื่องบาปหนัก เพราะไม่ฟังพระบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า จึงหาใช่ต้นคริสต์มาส ที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม อย่างที่เราเห็นใส่กระถางกันบนโลกมนุษย์นี้
ดังนั้น ที่ท่าน อ.วีณาฯท่านว่าข้างต้น ว่าต้นไม้นี้คงความเขียวสดได้เสมอนั้น ก็เพราะอยู่ในสรวงสวรรค์ แต่หาได้มีอยู่ในโลกของความเป็นจริงนั่นเอง !!
ในศตวรรษที่ ๑๑ คริสตศาสนิกชนนิยมแสดงละครที่หน้าโบสถ์ พวกเขาเอาต้นไม้ต้นหนึ่ง ไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉาก เพื่อสื่อความหมาย แสดงถึงบาปที่กำเนิดเกิดขึ้น จากการฝ่าฝืนพระบัญชาพระผู้เป็นเจ้า ของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้ก็เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ดำเนินมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ ๑๕ สังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดงเนื่องจากการแสดงนั้น เพราะการแสดงนั้นกร่อนไป กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเกล้อเลียนผู้คน รวมทั้งผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลองดั้งเดิม ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสดูละครสนุก ๆ เป็นจุดเด่นในลานโบสถ์
คงจะเหมือนขบวนพาเหรดของฟุตบอลประเพณี ระหว่างมหาวิทยาลัยสามย่านกับท่าพระจันทร์บ้านเรา ที่เขาแข่งฟุตบอลประเพณีกัน ซึ่งเดิมก็เป็นเรื่องของริ้วขบวนสวยๆงามๆ ต่อมาบรรดานิสิตนักศึกษา คงจะรำคาญพวกนักการเมือง ที่มูมมามกินบ้านกินเมือง ไม่เกรงใจชาวบ้าน หรือประพฤติตนน่ารังเกียจ เอาเปรียบประชาชน ก็จัดขบวนล้อการเมือง เหมือนชาวคริสต์ที่ได้กระทำมาก่อนหลายศตวรรษโดยบังเอิญ และพวกผู้นำหรือนักการเมือง เส้นระแวงตื้นเขิน มักจะไม่ชอบ บางทีคนพวกนี้ประสาทเสีย ถึงกับส่งตำรวจไปเตือน อย่างนี้ก็มี !
ท่านผู้อ่านจะเห็นต้นคริสต์มาสที่เขาเอามาตกแต่งสวยงาม ประดับด้วยดาว พระจันทร์รูปสัตว์ต่างๆ มีกวางเรนเดียร์เป็นอาทิ รวมทั้งมีการวางของขวัญไว้ใต้ต้นไม้นั้น ตรงนี้เล่ากันว่า คนเยอรมันนี่แหละครับ ที่เป็นชาติริเริ่มประดับประดาตกแต่งต้นคริสต์มาส เพราะเมื่อโรมันมีอำนาจเหนือยุโรปนั้น คนโรมันเขามีการฉลองเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก หรือเทพแห่งการกสิกรรม คือ พระเสาร์ รูปร่างหน้าตาเป็นเทพฝรั่งหล่อๆ ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระเสาร์ของคนไทย
พระเสาร์ของเรา ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียเต็มๆ ท่านนุ่งห่มสีดำแบบไทยทรงดำ และเป็นเทพผุ้รักษาวสันตฤดู ซึ่งก็เป็นฤดูเพาะปลูกเหมือนกัน ธรรมเนียมถือกันตามมาว่า
“วันเสาร์ทรงดำ จึงล้ำเลิศ”
พวกโรมันนั้น ตบแต่งต้นไม้สวยงามเพื่อฉลองพระเสาร์ แม้คนพวกนี้จะไม่ได้ครอบครองเยอรมันแล้ว แต่พวกฝรั่งเยอรเผือกยังซึมซับเอาธรรมเนียม การประดับต้นไม้สวยงามนี้มาเป็นของตัวเองเสียเอง จึงได้นำการตกแต่งต้นไม้ที่มาใช้ในเทศกาลคริสต์มาส ก่อนฝรั่งชาติอื่นๆ ในโลกนี้เลยทีเดียว
การตกแต่งประดับประดาต้นไม้นี้เอง เป็นเหตุให้ผู้คนต้องบุกเข้าไปในป่า ลุยกองหิมะ ฝ่าลมแรง เข้าไปตัดต้นสนยามในยามหน้าหนาว มาประดับตกแต่งกันอันเป็นเครื่องหมายแห่งเทศกาล แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องลำบากมากอย่างนั้นแล้ว เขามีแพคมาขายหลายขนาด ไปเลือกกันเอาเอง
อย่าว่าแต่ต้นสนเทียมที่บรรจุกล่องมาจำหน่ายเลย ผู้หญิงปลอมที่ทำด้วยยาง ยังมีเข้ามาขายในเมืองไทย สั่งทางอินเทอร์เนตได้ด้วยซ้ำ เหมาะสำหรับคนหนุ่มที่ยังหาแฟนยังไม่ได้ หรือคนแก่ที่เบื่อภริยาแล้ว จะได้เอาไว้เป็นแฟน
คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry นั้น ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรบุคคลอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาสที่มาถึง
พระเยซู คริสต์ ได้ทรงบังเกิดและบรรทมบนรางหญ้า โนโรงนา ด้วยความเรียบง่าย สงบเงียบงัน ห่างไกลจากแสงสีเสียงแห่งความเจริญใดๆทั้งสิ้น ดังปรากฏอยู่เพลงของชาวคริสต์เมืองไทย ซึ่งเอาเพลง Silent Night มาใส่เนื้อภาษาไทย ซึ่งร้องว่า
นวลพระจันทร์ส่อง ดูพระงามผ่อง
ในคูหา…พระมารดามารี…อา
ราชาน้อยนอนเดียวเปลี่ยวเอกา
โอ้… ราชาน้อยน้อย….โอ้ราชา..น้อยน้อย
อยากให้ท่านผู้อ่านที่ร้องเพลง Silent Night ภาษาอังกฤษได้ ลองร้องในเวอร์ชั่นเนื้อไทยดูกันบ้างครับ ผมไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้ใดแต่ง แต่ได้ยินครั้งแรกที่โบสถ์ซาเวียร์ ตรงอนุสารีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อหลายสิบปีก่อน จำได้มาจนกระทั่งทุกวันนี้
มหาบุรุษอย่างพระบุตรของพระนางมารี คือพระเยซูคริสต์ ได้มีพระประสูติกาลด้วยความง่าย สงบ ราบเรียบ อย่างนั้น แต่น่าแปลกที่ต่อมา การรำลึกถึงวันที่พระองค์จุติลงในโลกมนุษย์ กลับมีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก
การจัดงานฉลองบางแห่งในเมืองไทยของเรา เต็มไปด้วยความฟุ่มเฟือย ไร้สาระ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นและคนทำงานที่ยังหนุ่มวัยสาว ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นชาวคริสต์ด้วยซ้ำ แต่สนุกสนานเมามาย ยิ่งกว่าชาวคริสต์แท้ๆหลายเท่านัก
ใครที่เคยอ่านหนังสือเด่นของ Charles Dickens เรื่อง A Christmas Carol คงจะเห็นว่า Scrooge นายจ้างผู้โหดร้าย ขี้เหนียว ไม่ยอมให้ลูกจ้างหยุดงานแม้ในวันคริสต์มาส ต่อมาได้พบความมหัศจรรย์ของวันคริสต์มาส จึงได้กลายเป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับผู้อื่น ผมจึงอยากให้เราสอนเด็ก โดยชี้ให้เห็นว่า
วันคริสต์มาสนั้นเป็นวันแห่งความเมตตา ความรัก ที่เราแบ่งปันของขวัญให้กับผู้อื่น ที่ยังขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ โดยถือว่าเขาเหล่านั้นเป็นเพื่อนร่วมชาติ ร่วมมาตุภูมิเดียวกัน
ผมอยากเห็นคนไทยถือเอาวันคริสต์มาส เป็นวันที่คนไทยเราส่งความรักและความเอื้ออาทร ตลอดจน สันติสุขและความสงบทางใจ ให้แก่เพื่อนร่วมแผ่นดินของเรา และน่าจะเป็นความงดงาม ถ้าคริสตศาสนิกชนชาวไทยได้ส่งความปรารถนาดีและของขวัญ ให้กับพี่น้องคนไทยมุสลิมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีพี่น้องชาวพุทธร่วมกระทำอย่างเดียวกัน!
หากมีใครสักคนมาถามผมว่า
“สงสัยไหม ทำไมเมื่อราชาน้อยอย่างพระคริสต์เจ้า จึงทรงบังเกิดมาในพื้นพิภพนี้อย่างสมถะ ยากไร้ ต้องบรรทมอยู่บนรางหญ้า ?”
คำตอบผมที่จะให้ได้ก็คือ
น่าจะเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้ เพื่อให้บุตรของพระองค์ได้สัมผัสความทุกข์ยากของประชาชนโดยตรง
ตลอดพระชนม์ชีพของ พระเยซู คริสต์ จึงทรงมีเมตตาต่อมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย มิได้แสวงหาประโยชน์โภคผลเพื่อพระองค์เอง หากประทานประโยชน์และหลักธรรมคำสอน ให้กับสาวกและผู้คนของพระองค์ เป็นไปเพื่อความผาสุกสงบของบรรดาสาวก และผู้เลื่อมใสในพระองค์
น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้คนได้คิดกันบ้างว่า
มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้น ไม่ได้ใส่ใจความมั่งคั่ง ทรัพย์ศฤงคาร แต่อย่างใด หากยินดีในความพอเพียงและปฏิบัติงานทั้งปวง เพื่อความสงบสุขของประชาชนบนพื้นพิภพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐของเรา ทรงเป็นหนึ่งในเอกอัครมหาบุรุษของโลก เราจึงได้เห็นพระอุปนิสัยที่เรียบง่าย ประหยัด ของพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นต้นแบบที่ดีให้ชาวเรา และพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ของพระองค์ แม้ราษฎรจะไม่มั่งคั่งร่ำรวยเสมอกัน หากแต่ได้รับความสงบทางใจ และความมีสันติสุขในการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง
พระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น จึงสอดคล้องกับลักษณะของมหาบุรุษของโลกโดยแท้
อีกเพียงไม่กี่วัน พี่น้องเพื่อนร่วมชาติที่เป็นคริสตศาสนิกชน จะได้ฉลองวันสำคัญทางศาสนาตามคติความเชื่อของตน ศาสนิกอื่นๆอย่างผมและอีกหลายท่าน ต่างก็พลอยปีติยินดีไปด้วย
คนไทยนั้นรักที่จะเห็นบุคคลอื่นมีความสุข สนุกสนาน รื่นเริง ในบ้านเมืองของเรา ดังนั้นในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นงานตรุษจีน ตรุษฝรั่ง หรือตรุษแขก ผู้คนในแผ่นดินนี้ ต่างสนุกสนาน ร่าเริง บันเทิงใจ บนพระราชอาณาจักรที่มีเสรีภาพเปี่ยมสมบูรณ์ และมีความผาสุก โดยปราศจากการรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งกันและกัน ซึ่งยากที่จะหาได้บนผืนแผ่นดินอื่น ทั้งนี้ก็เพราะว่า
เราอยู่ภายใต้ พระบรมโพธิสมภาร แห่งพระมหากษัตริย์เจ้า
พระองค์เดียวกัน !
Merry Christmas ครับ !!!
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
.......................................
หมายเหตุ สัปดาห์หน้า กาแฟขม...ขนมหวาน จะเป็นฉบับสุดท้ายของปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ผมจะส่งข้อเขียนตอนที่ ๑๖๒ ชื่อตอน
“รักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง น้ำขึ้นไม่ถึงแห้งแหงแก๋ !”
มานำเสนอให้กับท่านผู้อ่าน เป็นการเขียนแบบจับข่าวมาเขียน ซึ่งเป็นเรื่องของวิศวกรหนุ่มกับคุณหมอคนสวย ในมุมมองของผมเองบ้าง จะนำมาเล่าสู่กันฟัง
ท่านผู้อ่านที่สนใจข่าวนี้ จะได้ติดตามกัน
อนึ่ง ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่กำลังจะมาถึง เป็นวาระสำคัญสำหรับปวงชนชาวไทย เพราะเป็นปีที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงครองราชย์มายาวนาน จะครบ ๖๐ ปี ซึ่งรัฐบาลและพสกนิกรชาวไทย จะเฉลิมฉลองใหญ่ยิ่งทั้งประเทศตั้งแต่ต้นปี
หากเป็นฝรั่ง เขาเรียกว่า Diamond Jubilee ผมจะเขียนถึงวาระแห่งความเป็นมิ่งมหามงคลนี้ แต่ยังไม่ทราบว่า จะใช้คำในภาษาไทยอย่างไรดี แต่คิดเอาไว้สองชื่อคือ
“เพชราภิเษก” และ “พัชราภิเษก”
คำไหนที่ท่านผู้อ่านว่า จะฟังไพเราะกว่ากัน ?
ไม่ต้องโหวตทาง SMS ให้เสียเงิน แต่ขอให้โพสต์กันเข้ามาเถอะ ครับ !
.......................................................