xs
xsm
sm
md
lg

บุหรี่ กับ เหยื่อ

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

"ยุโรป ที่ซึ่งควันของบุหรี่กำลังจางลง"

นิตยสารบิสเนสวีค Asian Edition ฉบับ 22 พฤศจิกายน 2547 รายงานถึงสภาวะของตลาดบุหรี่ และสภาพบรรดาสิงค์อมควันในยุโรปว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤต

เมื่อ 29 มีนาคม ไอร์แลนด์ กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่บังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในสำนักงาน บาร์ รวมถึงร้านอาหาร กฎหมายดังกล่าว บีบให้ผับและร้านอาหารต่างๆ ต้องเสียลูกค้าไปจำนวนไม่น้อย หรือไม่ก็ต้องสร้างห้องเปิดหลังคาที่แยกออกไปนอกอาคาร (ขณะที่เวลาฝนตกร้านก็ต้องให้บริการร่มกันฝนฟรีสำหรับ บรรดาสิงค์อมควันทั้งหลาย)

รายงานระบุด้วยว่า ไม่เพียงแต่ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ มอลตา เท่านั้น กระทั่งประเทศในยุโรปอื่นๆ ทั้งสวีเดน สหราชอาณาจักร หรือแม้กระทั่งฝรั่งเศสก็ได้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวแล้ว

นอกจากมาตรการแบนควันบุหรี่ในที่สาธารณะ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหภาพยุโรป ยังมีมติให้รัฐบาลของประเทศสมาชิกทั้งหลายบังคับใช้การติดรูปมะเร็งปอดไว้บนซองบุหรี่ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มภาษีบุหรี่อีกด้วย อย่างเช่น ในเยอรมนีการเพิ่มภาษีส่งผลให้ราคาบุหรี่กระโดดไปอยู่ที่ซองละ 4.9 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ฝรั่งเศสเล่นไม้แข็งเพิ่มภาษีร้อยละ 39 ในรอบสองปี ส่งผลให้ปัจจุบันราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่เฉลี่ยซองละ 6.4 เหรียญสหรัฐฯ

บิสเนสวีก สรุปสั้นๆ ด้วยว่า กฎหมาย ภาษี และการรณรงค์ให้ประชาชนทราบถึงอันตรายของบุหรี่ได้ผลักให้ยอดขายบุหรี่ในยุโรป ลดลงถึงร้อยละ 6.3 ในช่วงปี ค.ศ.2002-2004*

อย่างไรก็ตามการลดลงของยอดขายบุหรี่ในยุโรปไม่ได้หมายความว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ในโลกลดลง เพราะ สถิติที่รวบรวมโดย องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี ค.ศ.2002** ระบุว่า ปัจจุบันทุกจำนวนผู้ที่เสียชีวิต 10 คนมี 1 คนที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุจากโรคที่เกี่ยวกับบุหรี่ ขณะที่ ในปี ค.ศ.2030 สภาวการณ์จะร้ายแรงขึ้นคือ ทุกจำนวนผู้เสียชีวิต 6 คน จะมี 1 คนที่เสียชีวิตจากโรคเกี่ยวกับบุหรี่

ในเมื่อคนยุโรป สูบบุหรี่น้อยลง แล้วใครกันที่สูบบุหรี่เพิ่มขึ้น?

รายงานขององค์การอนามัยโลก ชิ้นเดียวกัน ระบุเช่นกันว่า อัตราส่วนของผู้สูบบุหรี่ในประเทศพัฒนาแล้วกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นชาวอเมริกันนั้นสูบบุหรี่น้อยลงร้อยละ 23 ภายในรอบ 30 ปี (จากกลางทศวรรษที่ 60 ถึง กลางทศวรรษที่ 90) ขณะที่ในประเทศกำลังพัฒนาการบริโภคยาสูบ นั้นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.4 ต่อปี

สำหรับผม การมีโอกาสได้มาใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมือง นอกจากจะช่วยให้ ได้รับโอกาส เปิดหูเปิดตาได้มองเห็นโลกที่กว้างขึ้นแล้ว ผมคิดว่า ผลได้ ที่มีคุณค่าอันมหาศาลต่อชีวิตก็คือ การได้รู้จัก คุ้นเคย หรือกระทั่งสนิทสนมกับ เพื่อนที่มาจากทั่วสารทิศ

ที่ปักกิ่ง จากเดิมเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ที่ ชาวญี่ปุ่น ครองความเป็นพลเมืองต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุด ปัจจุบันตำแหน่งที่ 1 กลับถูก เกาหลีใต้ เข้ามายึดครองเสียแล้ว

ชาวจีน-ชาวเกาหลี-ชาวญี่ปุ่น ต่างมีสายสัมพันธ์อันมองไม่เห็นชนิดหนึ่งที่เชื่อมโยงใยพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน ..... อาจด้วยวิถีชีวิตของประเทศพัฒนาแล้ว แม้คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่จะเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างรักความสันโดษผิดกับ 2 ประเทศเอเชียตะวันออกที่ผมกล่าวถึงข้างต้นเสียหน่อย แต่หากได้สัมผัสแล้ว ในสายตาผมผู้คนจากสามชาติที่ว่า มีบางอย่างที่คล้ายคลึง

ทั้งนี้มีพฤติกรรมร่วม เล็กๆ อย่างหนึ่งที่หลายคนรวมถึงผมสังเกตเห็นคือ 'การสูบบุหรี่'

จากการประเมินอย่างคร่าวๆ ของผมพบว่า ผู้ชายเกาหลี (ในที่นี้เน้นเฉพาะเกาหลีใต้) ราว 8 ใน 10 คน สูบบุหรี่ คนญี่ปุ่นก็นิยมสูบบุหรี่แต่ไม่มากเท่าคนเกาหลี ส่วนคนจีนไม่ต้องพูดถึงเพราะ ชาวจีนเป็นชาติหนึ่งที่ได้ชื่อว่าสูบบุหรี่จัดติดอันดับโลก

สำหรับผู้ชาย ชาวเกาหลี และจีน การสูบบุหรี่เป็นเสมือนวิธีการเข้าสังคมประเภทหนึ่ง ซึ่งชาวจีนและเกาหลีใต้ได้ถือเป็นประเพณีไปแล้ว ที่หากใครนึกอยากจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบต้องยื่นบุหรี่ให้บุคคลใกล้ชิดสูบเสียก่อน มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการเสียมารยาท

หลังจากไปเปิดดูสถิติขององค์การอนามัยโลก ผมก็พบว่า ใน 37 ประเทศที่อยู่ทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค (Western Pacific Region) ที่รวมถึง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เอชียตะวันออกเฉียงใต้ และไทย นั้นมีสัดส่วนของผู้ชายที่สูบบุหรี่สูงที่สุดในโลก คือ ผู้ชายสองในสามคนสูบบุหรี่

ทั้งนี้ WHO ระบุด้วยว่า ประเทศโดยเฉพาะ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย ที่รัฐบาลมักง่ายเปิดตลาดให้ บรรษัทบุหรี่ข้ามชาติเข้ามาตีตลาด อัตราการสูบบุหรี่ของ เยาวชน และ ผู้หญิงนั้นเพิ่มขึ้นผิดกับประเทศอื่นๆ อย่างชัดเจน

ผลจากการยกย่องและยึดถือวิถีชีวิตของชาวตะวันตก รับสื่อ รับโฆษณา ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผลักดันให้เยาวชนชาวเอเชียดูดซึมเอาทัศนคติที่ว่า บุหรี่ คือการเข้าสังคม คือการแสดงความเป็นพวกเดียวกัน ความเป็นผู้ชาย ความมีแรงดึงดูดทางเพศ ทั้งๆ ที่ทัศนคติดังกล่าว กำลังจะค่อยๆ หายไปจากหัวสมองของชาวตะวันตก

เมื่อกระแสกีดกันจากสังคมใน สหรัฐอเมริกา และ ยุโรปสูงขึ้นเรื่อยๆ บริษัทบุหรี่และยาสูบต่างก็มุ่งหน้า พาเหรด มายัง เอเชีย ภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดในโลก เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก กฎหมายอ่อนแอ และสังคมมีภูมิคุ้มกันตัวเองต่ำติดอันดับโลก ......

อ้างอิง :
*สถิติโดย Euromonitor International ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวไม่รวมประเทศกรีซและโปรตุเกส
**รายงาน Global Smoking Statistics for 2002 ที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
กำลังโหลดความคิดเห็น