คนไต้หวันถือเอา วันนี้ (10 ต.ค.) เป็นวันชาติ ในฐานะที่วันนี้เมื่อ ค.ศ.1911 หรือ 93 ปีที่แล้ว สมาคมพันธมิตรปฏิวัติจีน ของ ดร.ซุนยัดเซ็น สามารถเคลื่อนไหวปฏิวัติสำเร็จที่ เมืองอู่ชาง มณฑลหูเป่ย
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเรียกกันว่า การก่อการอู่ชาง (武昌起义) หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า สองสิบ (双十) ส่วนชื่อทางการของการปฏิวัตินั้นเรียกว่า การปฏิวัติซินไฮ่ (辛亥革命) เนื่องจากตามปฏิทินจันทรคตินั้นเป็น ปี ค.ศ.1911 ซึ่งชาวจีนเรียกว่าปีซินไฮ่
หลังจากการปฎิวัติสำเร็จ มติของตัวแทนสมาชิกที่ร่วมปฏิวัติจากทั่วประเทศจีนก็เลือกเอา ดร.ซุนยัดเซ็นเป็น ประธานาธิบดีชั่วคราวของ สาธารณรัฐจีน (中华民国:Republic of China) หรือ ชื่อทางการของไต้หวันในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม ...
1 ตุลาคม ถือ เป็นวันชาติปีที่ 55 ของ สาธารณรัฐประชาชนจีน (中国人民共和国:People's Republic of China) หรือ ที่คุ้นหูกันว่า จีนแดง จีนแผ่นดินใหญ่ โดยสาเหตุที่วันนี้ ถือเป็นวันชาติของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็เนื่องมาจาก เป็นวันที่ เหมาเจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศชัยชนะเหนือก๊กมินตั๋ง พร้อมกับ ประกาศอิสรภาพของชาวจีนให้โลกได้รับรู้ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน หลังจากเจียงไคเช็กนำกองทัพและประชาชนส่วนหนึ่งหลบหนีไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวัน
ทุกๆ ปีด้วยความที่ 1 ตุลาคม และ 10 ตุลาคม ห่างกันเพียงแค่ 9 วัน สุนทรพจน์ของผู้นำของจีนแดง และ ไต้หวันของทั้งสองวัน จึงถูกสื่อมวลชนทั่วโลกนำมาใช้เป็นปรอทวัดถึง สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจีนอยู่เสมอ
ปีนี้ก็เช่นกัน หลังเข้ารับตำแหน่งสูงสุดในกองทัพจีนแบบสดๆ ร้อนๆ ก่อนถึงวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียง 1 วัน หูจิ่นเทา ก็ประกาศให้กองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) พร้อมกับกองกำลังกว่า 2 ล้านห้าแสนคนเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม (แต่ หูไม่ได้บอกว่าศัตรูคือใคร?)
ถัดมาอีกไม่กี่วัน หู ยังยกหูคุยกับ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ขอให้สหรัฐฯ เคารพต่อคำมั่นสัญญา 'จีนเดียว' โดยสหรัฐฯ นั้นประกาศยอมรับรัฐบาลปักกิ่งแทนรัฐบาลไทเปมาตั้งแต่ปี 2522 แล้ว เพื่อกันท่ามิให้ สหรัฐฯ ขายอาวุธเพิ่มเติมให้แก่ ไต้หวัน หลังจากมีข่าวระบุออกมาว่า รัฐบาลไต้หวัน กำลังเสนอเรื่องให้รัฐสภาไต้หวันพิจารณาอนุมัติโครงการซื้ออาวุธระยะเวลา 15 ปีนับจากปี 2548 เพื่อป้องกันประเทศคิดเป็นมูลค่ากว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาวุธส่วนใหญ่นั้นสนับสนุนโดย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งคำตอบย้อนของบุช ต่อ หูจิ่นเทา ก็คือ สหรัฐฯ สนับสนุนนโยบายจีนเดียว แต่ไม่สนับสนุนการใช้กำลังของจีนต่อไต้หวันแต่เพียงถ่ายเดียว ...
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบัน จีนที่ถือว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของตน ได้ตั้งขีปนาวุธมากกว่า 600 ลูก และติดตั้งเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 60-70 ลูก โดยหันหน้าไปทางเกาะไต้หวัน ซึ่งขีปนาวุธเหล่านี้พร้อมที่จะยิงทันทีเมื่อ ไต้หวันประกาศแยกตัว
สำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดยทั่วไป หากเป็นผู้ที่พอมีการศึกษาก็จะทราบดีว่า แม้ไต้หวันจะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่มีขนาดเพียง 36,000 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นเพียงพื้นที่ราว 1 ใน 300 ส่วนของพื้นที่ของประเทศจีนทั้งหมด แต่ด้วยความสำคัญทางด้าน ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์การเมือง ไต้หวันจึงต้องคงสถานะเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
ถึงปัจจุบัน แม้จะออกปากยอมรับว่า เหมาเจ๋อตง ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงสำหรับการปฏิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-1976) อันเป็นสาเหตุให้จีนตกอยู่ในสภาพยากแค้น แต่ชาวจีนหลายคนก็ยังคงมองว่า เศรษฐกิจของไต้หวันที่รุ่งเรืองมาจนเช่นทุกวันนี้ได้ ก็เนื่องมาจาก ทองคำและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งปวง ที่ เจียงไคเช็กและกองทัพก๊กมินตั๋งขนถ่ายลงเรือเอาหลบหนีไปเกาะไต้หวัน เมื่อครั้งปี ค.ศ.1949
ในทาง การเมือง และ การต่างประเทศ ก็เป็นที่ทราบกันดีเช่นกันว่า หากรัฐบาลจีนขืนอ่อนข้อปล่อยไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระ จีนในฐานะประเทศมหาอำนาจของโลก ที่สถานะทางเศรษฐกิจ และการยอมรับจากต่างประเทศกำลังดีวันดีคืน ก็อาจจะถูกสังคมโลกมองว่า จีนอ่อนแอและพร้อมจะถูกรังแกอีกครั้ง ซึ่ง หูจิ่นเทา ในฐานะผู้นำจีนคนใหม่โดยสมบูรณ์ก็คงไม่ยอมแสดงความอ่อนแอนี้ออกมาเช่นกัน
มากกว่านั้น ปักกิ่ง ก็ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาตลอดว่าไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมายุ่ง 'เรื่องภายใน' ของจีนเรื่องนี้เช่นกัน โดย สิงโปร์ และ ลีเซียนลุง ผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ก็ได้รับบทเรียนมาแล้ว
ด้านไต้หวัน ในวันชาติปี 2547 วันนี้ สื่อมวลชนทั่วโลกเมื่อฟังสุนทรพจน์ของ เฉินสุยเปี่ยน แล้วก็ตีความออกไปในหลายกระแส
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานถึงสุนทรพจน์ของเฉินสุยเปี่ยน ผู้นำของไต้หวันผู้แพร่กระจายความคิด 'แยกตัวเป็นอิสระ' ว่าค่อนข้างมีไมตรีเพราะมีการกล่าวถึง การเปิดกว้างถึงการเจรจาระหว่าง จีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันโดย เฉิน เสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมพิจารณาอย่างจริงจังในการควบคุมอาวุธและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป้าหมายคือ สันติภาพ
"ในระยะยาว ทั้งสองฝ่ายน่าจะสิ้นสุดสภาพการเป็นปรปักษ์กันอย่างเป็นทางการ และออกมาตรการที่จะช่วยสร้างความมั่นใจผ่านการปรึกษาหารือ พร้อมแสวงหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันที่สามารถเป็นเครื่องประกันสันติภาพอย่างถาวรให้กับช่องแคบได้"
เสริมเข้ากับข่าวจาก ไต้หวันไทม์ส ที่กล่าวอ้างถึงแหล่งข่าวจากกองบัญชาการทหารของเกาะ ที่ระบุว่า ไต้หวันเตรียมถอนกำลังทหาร 1,500 นาย ออกจากเกาะเล็ก ใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยสุนทรพจน์ที่ เฉินสุยเปี่ยน เหน็บแนมปักกิ่งว่า เป็น 'อำนาจมืด' และ จุดยืนของเขาในความต้องการให้ไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระตลอดมาจึงทำให้สำนักข่าวบางแห่งระบุว่า คำพูดของเฉินนั้นไม่ได้มีเนื้อหาสาระที่แตกต่างไปจากเดิมเลย ประกอบการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนของ เฉินถังซัน รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ที่ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า
"หากพวกเขา (เจ้าหน้าที่จีน) รับทราบว่า ไต้หวัน ก็เป็นประเทศ เหมือนกับที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศ ... ถ้าพวกเขาทำได้ เรา (ทั้งสองฝ่าย) จึงมีโอกาสที่จะเจรจา เราเป็นประเทศ และเราก็ยืนยันฐานะของเราในจุดนี้"
หากทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมอ่อนข้อกันเช่นนี้ ช่วงเวลานี้ของเดือนตุลาคมปีหน้า ถ้าสงครามไม่อุบัติขึ้นเสียก่อน 'วันชาติจีน' ก็จะยังคงถูกแบ่งจัดเป็นสองวัน ส่วนสื่อมวลชนก็คงได้เรื่อง วิเคราะห์และคาดเดา กันต่อไปอีกปี
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเรียกกันว่า การก่อการอู่ชาง (武昌起义) หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า สองสิบ (双十) ส่วนชื่อทางการของการปฏิวัตินั้นเรียกว่า การปฏิวัติซินไฮ่ (辛亥革命) เนื่องจากตามปฏิทินจันทรคตินั้นเป็น ปี ค.ศ.1911 ซึ่งชาวจีนเรียกว่าปีซินไฮ่
หลังจากการปฎิวัติสำเร็จ มติของตัวแทนสมาชิกที่ร่วมปฏิวัติจากทั่วประเทศจีนก็เลือกเอา ดร.ซุนยัดเซ็นเป็น ประธานาธิบดีชั่วคราวของ สาธารณรัฐจีน (中华民国:Republic of China) หรือ ชื่อทางการของไต้หวันในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม ...
1 ตุลาคม ถือ เป็นวันชาติปีที่ 55 ของ สาธารณรัฐประชาชนจีน (中国人民共和国:People's Republic of China) หรือ ที่คุ้นหูกันว่า จีนแดง จีนแผ่นดินใหญ่ โดยสาเหตุที่วันนี้ ถือเป็นวันชาติของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็เนื่องมาจาก เป็นวันที่ เหมาเจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ประกาศชัยชนะเหนือก๊กมินตั๋ง พร้อมกับ ประกาศอิสรภาพของชาวจีนให้โลกได้รับรู้ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน หลังจากเจียงไคเช็กนำกองทัพและประชาชนส่วนหนึ่งหลบหนีไปตั้งหลักที่เกาะไต้หวัน
ทุกๆ ปีด้วยความที่ 1 ตุลาคม และ 10 ตุลาคม ห่างกันเพียงแค่ 9 วัน สุนทรพจน์ของผู้นำของจีนแดง และ ไต้หวันของทั้งสองวัน จึงถูกสื่อมวลชนทั่วโลกนำมาใช้เป็นปรอทวัดถึง สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจีนอยู่เสมอ
ปีนี้ก็เช่นกัน หลังเข้ารับตำแหน่งสูงสุดในกองทัพจีนแบบสดๆ ร้อนๆ ก่อนถึงวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียง 1 วัน หูจิ่นเทา ก็ประกาศให้กองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) พร้อมกับกองกำลังกว่า 2 ล้านห้าแสนคนเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม (แต่ หูไม่ได้บอกว่าศัตรูคือใคร?)
ถัดมาอีกไม่กี่วัน หู ยังยกหูคุยกับ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ขอให้สหรัฐฯ เคารพต่อคำมั่นสัญญา 'จีนเดียว' โดยสหรัฐฯ นั้นประกาศยอมรับรัฐบาลปักกิ่งแทนรัฐบาลไทเปมาตั้งแต่ปี 2522 แล้ว เพื่อกันท่ามิให้ สหรัฐฯ ขายอาวุธเพิ่มเติมให้แก่ ไต้หวัน หลังจากมีข่าวระบุออกมาว่า รัฐบาลไต้หวัน กำลังเสนอเรื่องให้รัฐสภาไต้หวันพิจารณาอนุมัติโครงการซื้ออาวุธระยะเวลา 15 ปีนับจากปี 2548 เพื่อป้องกันประเทศคิดเป็นมูลค่ากว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาวุธส่วนใหญ่นั้นสนับสนุนโดย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งคำตอบย้อนของบุช ต่อ หูจิ่นเทา ก็คือ สหรัฐฯ สนับสนุนนโยบายจีนเดียว แต่ไม่สนับสนุนการใช้กำลังของจีนต่อไต้หวันแต่เพียงถ่ายเดียว ...
เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบัน จีนที่ถือว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของตน ได้ตั้งขีปนาวุธมากกว่า 600 ลูก และติดตั้งเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 60-70 ลูก โดยหันหน้าไปทางเกาะไต้หวัน ซึ่งขีปนาวุธเหล่านี้พร้อมที่จะยิงทันทีเมื่อ ไต้หวันประกาศแยกตัว
สำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดยทั่วไป หากเป็นผู้ที่พอมีการศึกษาก็จะทราบดีว่า แม้ไต้หวันจะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ ที่มีขนาดเพียง 36,000 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นเพียงพื้นที่ราว 1 ใน 300 ส่วนของพื้นที่ของประเทศจีนทั้งหมด แต่ด้วยความสำคัญทางด้าน ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์การเมือง ไต้หวันจึงต้องคงสถานะเป็นมณฑลหนึ่งของจีน
ถึงปัจจุบัน แม้จะออกปากยอมรับว่า เหมาเจ๋อตง ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงสำหรับการปฏิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-1976) อันเป็นสาเหตุให้จีนตกอยู่ในสภาพยากแค้น แต่ชาวจีนหลายคนก็ยังคงมองว่า เศรษฐกิจของไต้หวันที่รุ่งเรืองมาจนเช่นทุกวันนี้ได้ ก็เนื่องมาจาก ทองคำและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งปวง ที่ เจียงไคเช็กและกองทัพก๊กมินตั๋งขนถ่ายลงเรือเอาหลบหนีไปเกาะไต้หวัน เมื่อครั้งปี ค.ศ.1949
ในทาง การเมือง และ การต่างประเทศ ก็เป็นที่ทราบกันดีเช่นกันว่า หากรัฐบาลจีนขืนอ่อนข้อปล่อยไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระ จีนในฐานะประเทศมหาอำนาจของโลก ที่สถานะทางเศรษฐกิจ และการยอมรับจากต่างประเทศกำลังดีวันดีคืน ก็อาจจะถูกสังคมโลกมองว่า จีนอ่อนแอและพร้อมจะถูกรังแกอีกครั้ง ซึ่ง หูจิ่นเทา ในฐานะผู้นำจีนคนใหม่โดยสมบูรณ์ก็คงไม่ยอมแสดงความอ่อนแอนี้ออกมาเช่นกัน
มากกว่านั้น ปักกิ่ง ก็ยังแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาตลอดว่าไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมายุ่ง 'เรื่องภายใน' ของจีนเรื่องนี้เช่นกัน โดย สิงโปร์ และ ลีเซียนลุง ผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ก็ได้รับบทเรียนมาแล้ว
ด้านไต้หวัน ในวันชาติปี 2547 วันนี้ สื่อมวลชนทั่วโลกเมื่อฟังสุนทรพจน์ของ เฉินสุยเปี่ยน แล้วก็ตีความออกไปในหลายกระแส
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานถึงสุนทรพจน์ของเฉินสุยเปี่ยน ผู้นำของไต้หวันผู้แพร่กระจายความคิด 'แยกตัวเป็นอิสระ' ว่าค่อนข้างมีไมตรีเพราะมีการกล่าวถึง การเปิดกว้างถึงการเจรจาระหว่าง จีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันโดย เฉิน เสนอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมพิจารณาอย่างจริงจังในการควบคุมอาวุธและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเป้าหมายคือ สันติภาพ
"ในระยะยาว ทั้งสองฝ่ายน่าจะสิ้นสุดสภาพการเป็นปรปักษ์กันอย่างเป็นทางการ และออกมาตรการที่จะช่วยสร้างความมั่นใจผ่านการปรึกษาหารือ พร้อมแสวงหาแนวทางปฏิบัติร่วมกันที่สามารถเป็นเครื่องประกันสันติภาพอย่างถาวรให้กับช่องแคบได้"
เสริมเข้ากับข่าวจาก ไต้หวันไทม์ส ที่กล่าวอ้างถึงแหล่งข่าวจากกองบัญชาการทหารของเกาะ ที่ระบุว่า ไต้หวันเตรียมถอนกำลังทหาร 1,500 นาย ออกจากเกาะเล็ก ใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยสุนทรพจน์ที่ เฉินสุยเปี่ยน เหน็บแนมปักกิ่งว่า เป็น 'อำนาจมืด' และ จุดยืนของเขาในความต้องการให้ไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระตลอดมาจึงทำให้สำนักข่าวบางแห่งระบุว่า คำพูดของเฉินนั้นไม่ได้มีเนื้อหาสาระที่แตกต่างไปจากเดิมเลย ประกอบการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนของ เฉินถังซัน รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ที่ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า
"หากพวกเขา (เจ้าหน้าที่จีน) รับทราบว่า ไต้หวัน ก็เป็นประเทศ เหมือนกับที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศ ... ถ้าพวกเขาทำได้ เรา (ทั้งสองฝ่าย) จึงมีโอกาสที่จะเจรจา เราเป็นประเทศ และเราก็ยืนยันฐานะของเราในจุดนี้"
หากทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมอ่อนข้อกันเช่นนี้ ช่วงเวลานี้ของเดือนตุลาคมปีหน้า ถ้าสงครามไม่อุบัติขึ้นเสียก่อน 'วันชาติจีน' ก็จะยังคงถูกแบ่งจัดเป็นสองวัน ส่วนสื่อมวลชนก็คงได้เรื่อง วิเคราะห์และคาดเดา กันต่อไปอีกปี