xs
xsm
sm
md
lg

แชร์บ้าน ... เรื่องวุ่นๆ (2)

เผยแพร่:   โดย: นินจา ราตรี

อาทิตย์ก่อนผมเล่าประสบการณ์วุ่นๆ เรื่องการแชร์บ้านกับชาวต่างชาติ ทั้งคนเอเชียและฝรั่งมังค่าไปแล้ว มาคราวนี้จะขอพูดเรื่องแชร์บ้านกับคนไทยบ้าง

ครับ ใช่ว่าการแชร์บ้านกับคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมเท่านั้นที่จะทำให้เกิดปัญหา บางทีการอยู่ร่วมกับคนไทยด้วยกันเอง ก็มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นได้ไม่แพ้กัน

พูดถึงการหาคนไทยมาร่วมแชร์บ้าน อันที่จริงไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีสอบถาม เสาะหาจากเพื่อนฝูงคนไทยด้วยกัน วิธีนี้คนมาแชร์บ้านมักเป็นคนรู้จักหรือคนที่เพื่อนฝูงแนะนำต่อๆ มาอีกที

วิธีนี้ อย่างน้อยคุณยังพอคุ้นเคย รู้จักมักจี่กับคนแชร์บ้าน หรือยังพอมีคนช่วยรับประกันสกรีนคนมาอยู่ร่วมกับคุณ

อีกวิธีค่อนข้างเสี่ยงดวงกันสักหน่อย นั่นคือ เอากระดาษมาเขียน หรือพิมพ์คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการให้มาอยู่ด้วย บอกสถานที่ ราคาที่พัก แล้วนำไปติดประกาศไว้ตามร้านค้าย่านไทยทาวน์ หรือ ตามร้านให้เช่าวีดีโอไทย หรือไม่ก็ติดตามบอร์ดโรงเรียนภาษา มหาวิทยาลัยที่คุณเรียนอยู่

ติดเป็นภาษาไทยนั่นแหละครับ ถ้าคุณต้องการหาเฉพาะคนไทยเท่านั้น

จากนั้นรอโทรศัพท์ นัดคนที่สนใจมาดูบ้าน ถ้าพอใจกันทั้งสองฝ่าย เขาก็จะย้ายเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับคุณ

นัยกลับกัน ถ้าคุณกำลังมองหาแชร์บ้านหรือห้องพักกับคนไทย ลองสอบถามกับเพื่อนฝูงคนไทยดูสิครับ หรืออาจจะเดินมองหาจากป้ายประกาศตามแหล่งคนไทย

อย่างนี้ไม่ยากใช่ไหมครับ....แต่ที่ยากคือ ตอนมาอยู่ร่วมกันแล้วสิ จะเป็นอย่างไร

บางคนดูตอนแรกสะอาดสะอ้านดี แต่พอมาอยู่ด้วยกันจริงๆ โหย...ซกมกมั่กๆ สกปรกจนรับไม่ได้ ไอ้น้ำท่าไม่ค่อยอาบนี่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขานะครับ แต่บางคน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เหม็นจนเพื่อนร่วมบ้านอึดอัดนี่ก็ไม่ไหวนะครับ

เจ้าศักดิ์ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า มันเคยแชร์บ้านอยู่กับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เพิ่งจบมหาวิทยาลัยเมืองไทยมาหมาดๆ สมมุติว่าชื่อน้องกั๊ง อันเป็นชื่อย่อจากน้องสกั๊งก็แล้วกันนะครับ

วันแรกที่เจอน้องกั๊ง เธอดูเรียบร้อย สะอาดสะอ้านดี ใส่ของมียี่ห้อหัวจรดเท้า ประมาณเสื้อ ROXY กางเกง MAMBO รองเท้า DKNY

แต่พออยู่ๆ ไป ชักเริ่มได้กลิ่นเหม็นๆ เวลาน้องเธอเดินผ่าน

จะกลิ่นอะไรเสียอีกล่ะครับ ถ้าไม่ใช่กลิ่นตัวเธอ เล่นเอาบรรยากาศในบ้านมาคุหมด ไม่มีใครอยากทำกับข้าวในครัว หรือเข้าห้องน้ำต่อจากเธอ

ซ้ำร้าย เธอยังเป็นคนขี้หลงขี้ลืมขนาดหนัก วันดีคืนดี คนที่เข้าห้องน้ำต่อจากเธอจะเจอทิชชูใช้แล้วลอยฟ่องอยู่โถส้วมที่ยังไม่ชัก

เท่านี้ยังไม่พอนะครับ วันหนึ่งเจ้าศักดิ์เจอแจ็คพอต เพราะดันเข้าห้องน้ำต่อจากน้องกั๊ง แล้วเห็นจุดเลือดสีแดงบนฝาที่นั่งชักโครกอย่างเด่นชัด โหย...เป็นวันเบาๆแล้วทำไมต้องโชว์หลักฐานด้วย

ศักดิ์ได้แต่นึกด่าอยู่ในใจ เรื่องอย่างนี้จะบอกเธอตรงๆก็ไม่กล้า จำต้องทนกล้ำกลืนกันไปจนกระทั่งเธอเรียนจบและย้ายออกไปเอง ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน

อันนี้ช่างแตกต่างจากกรณีของแอนอย่างสิ้นเชิง เพื่อนรูมเมตของเธอ จัดว่าเป็นคุณนายสะอาด เพราะเธอจะใช้เวลาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณครั้งละไม่ต่ำกว่าชั่วโมง จนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าปวดท้องอยากใช้ห้องน้ำห้องท่าซึ่งมีอยู่ห้องเดียวในห้องพัก จะต้องชิงเข้าก่อนคุณนายสะอาด ไม่เช่นนั้นมีหวังอั้นกันจนตัวบิดแน่

ครับ เรื่องประเภทคุณนายสะอาด คุณชายโสโครกนี้ ผมว่ามีให้เห็นกันทั่ว จนที่พักหลายแห่งต้องมีกฎกติกา มารยาทของแต่ละแห่ง ประเภทสลับกันทำเวรความสะอาด ผลัดกันซักผ้า

แต่กฎกติกาที่ไหนก็ไม่มันส์เท่าที่เจ้าเอ๋เจอ ห้องพักที่เอ๋แชร์อยู่กับคนไทยด้วยกันเป็นประเภทประหยัด มีไว้เพียงแค่ซุกหัวนอน เพราะเช้าก็ไปเรียน เย็นไปทำงานร้านอาหารต่อ กว่าจะกลับถึงห้องพักก็ร่วมเที่ยงคืน

เชื่อไหมครับว่า ห้องยูนิตขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อยู่กันเจ็ดแปดคน

วันแรกที่เอ๋เข้าไปอยู่ พี่คนไทยเจ้าของห้องบอกอย่างเป็นกันเองว่า

“มีที่ว่างตรงไหนก็นอนแล้วกันนะน้อง ตามสบาย”

ด้วยความที่ยูนิตนี้มีคนมาก จึงต้องมีการจัดระเบียบการซักผ้าและเข้าห้องน้ำ ที่ย้ำว่าจำเป็นต้องทำตามอย่างเคร่งครัด

เช่น ทุกคนมีสิทธิเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวคนละ 20 นาทีในตอนเช้าตามตารางเวลาที่กำหนดเอาไว้ นัยว่า กำหนดตามตารางเรียนในตอนเช้าของแต่ละคน ถ้าใครพลาดจากเวลาของตน จะต้องรอจนกว่าสมาชิกทุกคนในบ้านจะใช้เสร็จก่อน จึงจะเวียนมาถึงคิวของตน

หมายความว่า ปวดหนัก ปวดเบาแค่ไหนก็ต้องทนแหละครับทั่น

เช่นเดียวกับคิวซักผ้า ถ้าคุณได้คิววันจันทร์ แต่เกิดไม่ว่าง อยากจะซักวันอังคารแทนก็หมดสิทธินะครับ ต้องรอไปซักวันจันทร์หน้าโน่น

ครับ สำหรับบางคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน บ้างมารู้จักกันในดินแดนจิงโจ้แห่งนี้แล้วถูกอัธยาศัยอยากแชร์บ้านอยู่ด้วยกัน ตัดสินใจจูงมือไปหาบ้านหรือห้องพักอยู่กันเองโดยติดต่อผ่านเอเย่นต์ ประเภทนี้ก็สร้างปัญหาได้เช่นกันนะครับ

ถ้าวันหนึ่ง คนหนึ่งอยากจะย้ายออก แต่อีกคนต้องอยู่ต่อ แล้วจะทำอย่างไรล่ะครับ เพราะพวกโต๊ะ เก้าอี้ ทีวี ตู้เย็น โซฟาประดามีที่หารร่วมกันตอนซื้อมานั้น จะต้องถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

พวกที่ตกลงกันได้ก็แล้วไป แต่ถ้าเจอเขี้ยวกับเขี้ยวที่ยอมกันไม่ได้ หารกันไม่ลงตัว จากเพื่อนซี้ต้องกลายเป็นคู่ที่ไม่เผาผีกันเลยก็มี อย่างกรณี น้องบี กับ น้องจา ที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนในเมืองไทย

ปีแรก ปัญหายังไม่เกิด พอขึ้นปีที่สอง จามีแฟน และต้องการย้ายไปอยู่ด้วยกัน เพราะฝ่ายชายไม่ถูกชะตากับบี

เป็นเรื่องสิครับ จาบอกขายของครึ่งที่เป็นของตนให้บี ในราคาเดิมที่ซื้อมา แต่บีไม่ยอมบอกว่าเมื่อเป็นของใช้แล้วราคาต้องถูกลง

ทะเลาะกันจนแทบจะต้องเอาขวานมาจามทีวี ตู้เย็น ฯลฯ ผ่าครึ่งแล้วแบ่งกันไป สุดท้ายต้องขายของทุกชิ้น พร้อมบอกคืนบ้านและแยกย้ายกันไปด้วยความรู้สึกที่ยากประสาน

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยของการแชร์บ้านร่วมกัน

แน่นอนครับว่า การใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านเล็กๆหรือห้องพักแคบๆ ทุกฝ่ายจำต้องศึกษาเรียนรู้ ปรับตัวเข้าหากัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย

ต้องหัดรู้จักทั้งคำว่า เกรงใจ และ ช่างมันเถอะ

ไม่เช่นนั้น การแชร์บ้านของคุณในดินแดนออสซี่คงจะเป็นประสบการณ์ขมปนเปรี้ยว
กำลังโหลดความคิดเห็น