xs
xsm
sm
md
lg

"หวยหงส์" แค่เริ่มต้นก็ตกม้าตาย

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าวคราวการซื้อหุ้นของสโมสรลิเวอร์พูล แม้จะสร่างซาไปเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าตีคู่กับกระแสการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 8 ท่านในรัฐบาลอันถือเป็นวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายสำหรับวาระการบริหารสมัยแรกของพรรคไทยรักไทย ได้อย่างน่าสนใจ

สัปดาห์ที่แล้วผมเขียนบทความสนับสนุน แนวคิดการเข้าไปถือหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล ของนายกรัฐมนตรีและประชาชนไทยกลุ่มหนึ่งมีกำลังทรัพย์เพียงพอ โดยผมได้อธิบายไปแล้วว่า หากคาดการณ์ถึงผลตอบแทนทั้งทางตรง และทางอ้อมที่จะได้กลับมากับสังคมไทยนั้นก็น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนราคา 4,300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่ผ่าน สิ่งที่ผมไม่อยากเห็นให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้

หลังจากที่คุณทักษิณ อ้ำๆ อึ้งๆ พูดคลุมเครืออยู่นานในประเด็นเรื่อง "แหล่งเงินทุนที่มาสำหรับการซื้อหุ้นสโมสรลิเวอร์พูล" ในที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องราวในประเด็นนี้ก็ปรากฎชัด

จากแต่เดิมที่ประชาชนหลายฝ่ายให้การสนับสนุน "แนวคิด" อันแหวกแนว ของ คุณทักษิณ ถึงตอนนี้ก็มีหลายเสียงเริ่มออกมาทักท้วงถึง "วิธีการ" ที่แค่เพียงรับฟังก็รู้ว่า ไม่ถูกต้อง!

ท่านนายกรัฐมนตรี ต้องการจะให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากฯ กีฬา ชุดพิเศษ เพื่อระดมทุนให้ได้รวม 10,000 ล้านบาท โดยประเมินไว้ว่า ครึ่งหนึ่งของหมื่นล้านบาทก็คือ ห้าพันล้านบาทจะนำมาใช้เป็นเงินทุนในการซื้อหุ้นของสโมสรลิเวอร์พูล และอีกครึ่งหนึ่งจะนำมาใช้เป็นค่าดำเนินการและรางวัลยักษ์ เพื่อจูงใจให้ประชาชนซื้อ หวยแถมหุ้นชุดนี้

" ใครคิดจะเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อยก็ลองเสี่ยงกัน ไม่เหมือนกับการซื้อหุ้นเพียงอย่างเดียว เป็นหุ้นอย่างโอพีโอ แต่กรณีนี้มี 2 ส่วนคือซื้อหวยแถมหุ้น หากประชาชนจะซื้อก็ซื้อหวยมากกว่า หุ้นเป็นแค่ของแถม" - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 20 พฤษภาคม 2547

อย่างที่ท่านนายกฯ กล่าว ปัจจัยที่จูงใจประชาชนมากที่สุดก็คือ รางวัลยักษ์ โดยเป็นรางวัลที่หนึ่งมูลค่า 1,000 ล้านบาท และรางวัลรองๆ ลงไปมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ส่วนประเด็นเรื่อง เมื่อซื้อหวยแล้วจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นหงส์แดงมูลค่าเริ่มต้น 200 บาทนั้น ผมเชื่อว่าคงมีน้อยคนนักที่คำนึงถึงเรื่องนี้มากกว่า การเสี่ยงโชคที่อาจหมายถึงผลตอบแทนเป็นเงินรางวัลที่มีมูลค่ามากกว่าค่าสลากถึง ล้านเท่า!

จากแรกเริ่มที่มีการพูดคุยและประกาศกับประชาชน คุณทักษิณ พูดเหมือนกับว่าตนเอง พร้อมกับเศรษฐีนักธุรกิจไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจรวมถึงคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทน้ำเมาชื่อดังของไทย อาจจะเป็นผู้ระดมเงินมาซื้อหุ้นลิเวอร์พูลราว ร้อยละ 30 เอง พร้อมทั้งแจกแจงว่า เมื่อซื้อแล้วจะมีผลประโยชน์ร้อยแปดพันเก้าตกแก่ประเทศไทยอย่างไรบ้าง หลังจาก "คนไทยกลุ่มนั้น" เข้าไปถือหุ้นในสโมสรลิเวอร์พูล

มี "ความเชื่อ" กันว่า หากคนไทย (ไม่ใช่ประชาชนไทยทั้งมวล) เข้าไปถือหุ้นในสโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของโลกแล้ว คนไทยจะหันมาเล่นกีฬากันมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าคนไทยจะเจ็บป่วยน้อยลง เยาวชนไทยจะมีแรงจูงใจในการเล่นกีฬามากขึ้น สินค้าไทยจะอาศัยแบรนด์ต่างชาติติดปีกหงส์ไปโชว์ตัวในตลาดโลกได้มากขึ้น คนไทยจะได้สิทธิในการ เป็นตัวแทนในการดูแลยี่ห้อลิเวอร์พูลในภาคพื้นเอเชีย รวมถึงการสร้างโรงเรียนฟุตบอลในภูมิภาคเอเชีย ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อดีทั้งสิ้น

ทั้งนี้ในประเด็นเรื่อง "ไอเดีย-ความคิด" ที่จะให้คนไทยเข้าไปซื้อหุ้นของสโมสรลิเวอร์พูลนั้น ไม่มีความผิดอะไรเลยหากเงื่อนไขอันเป็นแหล่งที่มาของเงินก้อนดังกล่าวคือ ภาคเอกชน ที่เต็มใจจะลงทุน แต่ "วิธีการ" ระดมเงินทุนในปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า เกิดกระบวนการเชียร์ให้ประชาชนซื้อหวยเพื่อให้รัฐบาลไปซื้อหุ้น อันมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นคิด โดยมีรัฐมนตรี และข้าราชการหลายฝ่ายออกมารับลูกนั้น ผมคิดว่า ผิดเต็มประตู

ผิดข้อที่หนึ่ง ก็คือ การออก "หวยหุ้น" เพื่อระดมทุน

ถามว่าทำไม รัฐบาลไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือในการระดมทุนจากภาคเอกชนที่ คุณทักษิณ คุยนักคุยหนาว่า เจรจากับนักธุรกิจไว้หลายคนว่าจะร่วมกันลงทุนในส่วนนี้? สุดท้ายแล้ว นักธุรกิจหลายคนที่ว่าไว้นั้น กลับเป็นสามัญชนคนไทยที่ต้องการจะซื้อ หวย หวังรางวัล (โดยได้หุ้น 200 บาท ที่เท่ห์แต่กินไม่ได้ เป็นของแถม)

ในสายตาของผู้เทิดทูนแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจะมองว่า ไม่เห็นจะผิดอะไร เพราะ รัฐบาล-กองสลาก ก็ใช่ว่าจะบีบคอ คนไทยให้มาซื้อหวยเสียเมื่อไหร่?

แต่สิ่งที่ผมอยากจะถามต่อคือว่า "วาระแห่งชาติ" ที่เป็นการออกหวยหุ้นเพื่อมาซื้อสโมสรฟุตบอลนั้นเหมาะสมหรือไม่? การยกเอารางวัล 1,000 ล้านบาทมาล่อใจคนหาเช้ากินค่ำ ที่ผมเชื่อว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่จะซื้อหวยชุดนี้หากมีการออกจำหน่าย เหมาะสมหรือไม่?

แล้วทำไม คุณทักษิณ ไม่เคยมีความคิดออกหวย ในประเด็นสร้างสรรค์อื่นๆ บ้าง อย่างเช่น หวยสร้างห้องสมุดทั่วประเทศ หวยสร้างโรงเรียน-โรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร หวยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หวยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฯลฯ ซึ่งน่าจะเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญกว่า หวยหุ้นหงส์ เป็นไหนๆ

ผิดข้อที่สอง คุณทักษิณ รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงหน่วยงานราชการจำนวนหนึ่งที่ออกมาประสานเสียงรับบัญชาของคุณทักษิณอย่างพร้อมเพรียง อย่างเช่น คุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมช.พาณิชย์, คุณวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง, คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว.สาธารณสุข, คุณสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ฯลฯ ที่ต่างออกมายืนยันว่า หวยหงส์ไม่ผิดต่อข้อกฎหมาย ไม่น่าจะเป็นการมอมเมาประชาชน ไม่ได้เป็นการนำเงินออกนอกประเทศ เชื่อว่าคนไทยได้ประโยชน์มากกว่าเสีย โดยอธิบายว่ารัฐบาลพยายามปิดช่องโหว่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้กระทบต่อสังคม และเยาวชนไทย แล้ว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากเสียงสนับสนุนข้างต้นแล้ว ประชาชนไทย โดยส่วนรวม (ซึ่งคุณสมใจนึกออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะต้องนำเงินภาษีส่วนหนึ่งมาใช้เป็นทุนในการตั้งบริษัทที่ดูแลเรื่องหุ้นหงส์ในเมืองไทย) ไม่มีใครทราบเลยว่า เงื่อนไข ที่ตัวแทนรัฐบาลไปต่อรองกับสโมสรลิเวอร์พูล นั้นมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง? และข้อตกลงที่จะเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนไทยมีกี่ข้อ ประกอบด้วยอะไร? สินค้าไทยจะมีสิทธิ์เอายี่ห้อหงส์ ไปติดสินค้าได้อย่างไร มีต้นทุนอย่างไร? ไทยจะได้สิทธิในการ เป็นตัวแทนดูแลยี่ห้อลิเวอร์พูลในภาคพื้นเอเชีย รวมถึงการสร้างโรงเรียนฟุตบอลในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้เงื่อนไขอย่างไรบ้าง?

หลักฐานที่ทำให้น่าเชื่อได้มากว่า คนไทยที่กำลังจะซื้อหวยหุ้นหงส์ สนใจกับเรื่อง "การเสี่ยงโชค" มากกว่า "การลงทุน" ก็คือ รัฐบาลไม่ได้กระตือรือร้นที่จะเผยแพร่ และ ก็ไม่มีใครช่วยให้ความรู้กับประชาชนเลยว่า ทรัพย์สิน-หนี้สิน-นโยบาย-ผลประกอบการ ของสโมสรลิเวอร์พูลนั้นมีสถานะเช่นไรในปัจจุบัน และจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อคนไทยเข้าไปถือหุ้น!

กลับมีเพียงแต่เสียง กระตุ้น ชักชวน ชี้นำให้ประชาชนคนไทย ช่วยกันซื้อ หวยหุ้นหงส์ กันมากๆ ซื้อหวยไปเถอะซื้อหวยแล้วดีแน่ๆ ที่ดังออกมาจากปาก นายกรัฐมนตรี และกลุ่มผู้บริหารประเทศ

ผิดข้อที่สาม มีข่าวสารระบุว่า หากคนไทยเข้าไปถือหุ้นในสโมสรลิเวอร์พูลแล้ว ทางผู้ถือหุ้นปัจจุบันก็พร้อมจะมอบตำแหน่ง มอบเก้าอี้ในคณะกรรมการบริหารของสโมสรลิเวอร์พูล สองที่นั่ง ซึ่งมีการคาดการณ์กันไว้ว่า ทั้งสองคนน่าจะเป็น คุณวรวีร์ มะกูดี เลขาฯ สมาคมฟุตบอลของไทย ซึ่งเป็นบอร์ดบริหารฟีฟ่าในปัจจุบัน ส่วนอีกคนก็อาจจะเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ

ในส่วนของคุณวรวีร์ ผมไม่ทราบแน่ชัดว่า ตำแหน่งเลขาฯ สมาคมฟุตบอลของไทยนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ และมีขอบข่ายหน้าที่เท่าไรเพราะ คุณวรวีร์อีกหน้าที่หนึ่งก็ทำงานให้กับฟีฟ่าด้วย แต่ที่แน่ๆ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ ซึ่งมีหน้าที่อย่างชัดเจนในการเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่ทำงานเพื่อรับใช้ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนไทยส่วนรวมทั่วประเทศ 63 ล้านคน

หากเอาข้าราชการระดับสูง ไปนั่งทำงานในบอร์ดบริหารขององค์กรธุรกิจ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนเพียงบางกลุ่มไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและตามหลักการก็ผิดอย่างชัดเจน

ผมไม่อยากจะยกถึงประเด็นในเรื่อง ศีลธรรม หรือ คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ขึ้นมาทักท้วงกับ "วิธีการ" ของ นายกรัฐมนตรี และผู้บริหารรัฐบาลเพิ่มเติมอีก เพราะ ท่านผู้อาวุโส หรือผู้มีตำแหน่งในสังคม หลายท่านต่างก็ได้กล่าวไว้แล้ว และกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า

"สิ่งที่รัฐบาลกำลังสนับสนุนและส่งเสริม ไม่ได้เป็น กีฬา ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังคนไทยให้กลายเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงคุณค่าของชาติอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของธุรกิจและการพนัน ที่กัดกร่อนและทำลายความเป็นมนุษย์ .... คนไทยต้องรวมตัวกันสร้างทิศทางที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าให้อยู่บนเส้นทางของศีลธรรม ซึ่งถ้าไม่มีศีลธรรมมาเป็นตัวนำ ก็จะผิดพลาด จะเกิดความลำบาก คนไทยต้องช่วยกันเคลื่อนไหว จะรอรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไม่ได้ และที่สำคัญ ไม่ควรเอาอบายมุขมาแก้ไขปัญหาประเทศ เพราะจะทำให้สังคมเจ็บป่วยในที่สุด" - น.พ.ประเวศ วะสี

นอกจากนี้ หากประเด็นนี้เสร็จสิ้น ต่อไป ความไม่ถูกต้องเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ถูกยกขึ้นมาอ้างอิง และยกขึ้นมาเป็นบรรทัดฐานสำหรับดำเนินการสำหรับกรณีอื่นๆ โดยผู้บริหารรัฐประเทศ ทั้งตัวคุณทักษิณเอง และ ผู้บริหารประเทศในยุคต่อๆ ไป

ท่านนายกฯ ครับ ผมเห็นด้วยกับ "แนวคิด" ซื้อหุ้นหงส์ส่งเสริมประเทศไทย แต่ "วิธีการ" ที่ท่านกำลังทำนั้นบอกตรงๆ ว่ารับไม่ได้จริงๆ

*หมายเหตุ - ขออภัยท่านผู้อ่านคอลัมน์นี้จริงๆ แล้วแสดงบนเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2547 แต่เนื่องจากการปรับเปลี่ยนระบบของเว็บไซต์ทำให้ ความคิดเห็นหายไป
กำลังโหลดความคิดเห็น