อย่าประมาทคู่แข่งอย่างจีนเด็ดขาด !
นี่คือบทเรียนที่โคลิน แองเกิล ผู้ก่อตั้งบริษัทไอโรบอต ( iRobot ) ได้เรียนรู้ หลังจากผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะแบรนด์รูมบา ( Roomba ) ซึ่งครองตลาดมานานกว่าสามสิบปีรายนี้ เดินมาสู่จุดตกต่ำถึงขั้นล้มละลาย
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ไอโรบอตได้ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายภายใต้มาตราที่ 11 ต่อศาลรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา และจะถูกซื้อกิจการโดยไพเซียโรโบติกส์ ( Picea Robotics ) บริษัทสัญชาติจีน ซึ่งเป็นคู่สัญญาหลักในการรับจ้างผลิตสินค้าให้ไอโรบอตและต่อมาได้เข้าซื้อหนี้ของไอโรบอต
แองเกิลให้สัมภาษณ์ในพอดแคสต์ด้านเทคโนโลยี “ ฮาร์ด ฟอร์ก” ( Hard Fork ) เมื่อวันศุกร์ ( 19 ธ.ค. ) ว่า เขาได้ข้อคิดสำคัญที่สุดว่า ถึงแม้เป็นผู้นำตลาดแล้วก็ต้องคอยระวังการแข่งขันจากจีนอยู่เสมอ เพราะจีนเป็นผู้ไล่ตามเราอย่างรวดเร็ว เป็นการปรากฏตัวของคู่แข่งขันในรูปแบบใหม่ ซึ่งทำให้ไอโรบอตสู้ไม่ได้
ไอโรบอตก่อตั้งขึ้นในปี 2533 โดยแองเกิล เฮเลน ไกรเนอร์ และร็อดนีย์ บรูกส์ สามนักวิทยาศาสตร์ด้านหุ่นยนต์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ( MIT) ผู้มีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้หุ่นยนต์ใช้งานได้กลายเป็นความจริง
ในปี 2545 ไอโรบอตได้เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรูมบา ซึ่งถือเป็นการสร้างหุ่นยนต์ในหมวดสำหรับผู้บริโภคขึ้นมาอย่างแท้จริง
รายได้ของไอโรบอตพุ่งถึงจุดสูงสุด 1,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2564
แองเกิลเล่าว่า ชั่วระยะเวลาไม่นาน หลังจากเปิดตัวรูมบา ไอโรบอตก็เป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นชั้นนำในประเทศจีน แต่เมื่อผู้เล่นรายใหม่จากจีนปรากฏตัว เช่นโรโบร็อก ( Roborock) เข้ามาในปี 2561 ส่วนแบ่งตลาดของไอโรบอตก็ถูกเฉือน คู่แข่งจากจีนรายอื่นๆ ได้แก่ ดรีม (Dreame) อีโคแวกส์ (Ecovacs) และชาร์ ( Shar )
แองเกิลชี้ว่า บริษัทจีนได้เปรียบไอโรบอต เพราะอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่รัฐให้เงินอุดหนุนและการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อฝึกฝนเรียนรู้จนสามารถแข่งขันได้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนประสบก้าวหน้าอย่างมากในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางระดับโลกด้านนวัตกรรมและการนำหุ่นยนต์มาใช้
แองเกิลยอมรับว่า ฟีเจอร์ของไอโรบอตล้าหลังคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดในบางผลิตภัณฑ์ เช่น หุ่นยนต์ถูกพื้นสคูบา ( Scuba )
เมื่อการแข่งขันยากและดุเดือดขึ้นทุกที ในที่สุดไอโรบอตจำต้องเปิดรับกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไปได้
หนึ่งในนั้นคือการทำข้อตกลงกับขายกิจการในราคา 1,400 ล้านดอลลาร์แก่บริษัทอะเมซอน ( Amazon ) แต่ก็ต้องยกเลิกไป หลังจากคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐฯ (FTC) และหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปแสดงความกังวลว่า อาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดและส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน
ดีลกับอะเมซอนไม่ควรเป็นเรื่องที่ต้องคิดมาก เพราะจุดประสงค์ก็เพื่อสร้างนวัตกรรมและทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้นก็เท่านั้นเอง แองเกิลให้สัมภาษณ์ เทคครันช์ (TechCrunch) เมื่อเร็ว ๆ นี้
เขาตำหนิการสอบสวนของ FTC และหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป ที่ค้างเติ่งอยู่นานถึงหนึ่งปีครึ่ง แทนที่จะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ จนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานของบริษัทอย่างมากและท้ายที่สุดก็ทำให้การเข้าซื้อกิจการถูกขัดขวาง ทั้ง ๆ ที่ดีลกับอะเมซอนกระทำไปด้วยการตระหนักรู้ดีแล้ว
ผลสุดท้ายก็คือการนำอุตสาหกรรมหุ่นยนต์สำหรับผู้บริโภคใส่กล่อง ห่อของขวัญ แล้วส่งต่อให้คนอื่น ไอโรบอตจึงควรเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับอนาคตของภาคการผลิตในสหรัฐฯ แองเกิลกล่าวกับฮาร์ดฟอร์ก
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์


