โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาเล่าประเด็นของจีนผู้อยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาในปัจจุบัน ในความร้อนระอุของความขัดแย้งที่ทวีมากขึ้น จีนที่ดูเหมือนจะเงียบๆและเรียกร้องทั้งสองประเทศให้หันหน้ามาเจรจากันอย่างสันติ แต่ใจจริงลึกๆแล้วอาจจะร้อนรนจนนั่งแทบไม่ติดเช่นกัน เพราะไทยและกัมพูชาต่างเป็นประเทศที่มีความสำคัญกับจีน ทั้งในแง่ของการร่วมมือทางเศรษฐกิจและเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับจีน (การขยายอำนาจของจีนผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง)
จีนที่บอกว่าไม่แทรงแซงกิจการการเมืองของประเทศอื่น จากกรณีของไทยและกัมพูชาผู้เขียนพิจารณาดูแล้วก็ไม่น่าจะจริง เบื้องหน้าบอกว่าไม่แทรกแซงแต่เบื้องหลังนั้นรัฐบาลจีนมีเครือข่ายแผ่ขยายเข้ามาในแวดวงนักวิชาการและข้าราชการไทย เพื่อพยายามสร้างภาพลักษณ์ สร้างความร่วมมือให้แข็งแกร่ง หาผลประโยชน์และพยายามสกัดสหรัฐฯออกไปจากกลุ่มประเทศและภูมิภาคนี้
ในสถานการณ์เผชิญหน้าระหว่างไทย-กัมพูชาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ มีสื่อจีนลงพาดหัวข่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเป็นผลดีสูงสุดต่อจีน คือกษัตริย์นโรดม สีหมุนีแห่งกัมพูชาอาจก้าวขึ้นมามีบทบาทบนเวทีการเมืองมากขึ้น”
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา ในปัจจุบันอยู่ในสภาพอึดอัด ถูกจำกัดบทบาทและไร้อำนาจ สมเด็จพระนโรดมเสด็จขึ้นครองราชย์เกือบยี่สิบปี แต่กลับต้องดำรงอยู่ภายใต้เงาอำนาจทางการเมืองของนายฮุนเซน สมเด็จพระนโรดมถูกมองโดยทั่วไปว่าเป็นเพียงสัญลักษณ์ของรัฐที่ไร้อำนาจ แม้กระทั่งวิถีชีวิตส่วนพระองค์ก็ยังถูกตีความว่าเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับการจัดวางอำนาจของตระกูลฮุน สมเด็จพระนโรดมใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เก็บพระองค์จากสาธารณะ พระราชกรณียกิจประจำวันส่วนใหญ่คือทรงไปเป็นประธานในพิธีต่างๆตามประเพณี การรับรองแขกต่างประเทศ และลงพระปรมาภิไธยในเอกสารที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้แล้ว ไม่ได้มีบทบาทโดยตรงในการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐ ภาพลักษณ์ เช่นนี้ ขัดกับภาพลักษณ์ของอดีตกษัตริย์ผู้เป็นพระราชบิดา ซึ่งเคยมีบทบาทโดดเด่นอย่างมากบนเวทีนานาชาติ
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้านโรดม สีหมุนีกับจีน ถือได้ว่าแน่นแฟ้นและลึกซึ้ง พระบิดาของพระองค์ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมกับผู้นำจีนรุ่นแรกๆ สร้างรากฐานมิตรภาพจีน–กัมพูชา ขณะที่พระเจ้านโรดม สีหมุนีเอง ก็ทุ่มเทในการสืบสานมิตรภาพดั้งเดิมนี้มาโดยตลอด พระองค์ได้เสด็จเยือนจีนหลายครั้ง และแสดงความชื่นชมต่อความสำเร็จด้านการพัฒนาของจีน รวมถึงยกย่องภาวะผู้นำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นอย่างสูง
ในเดือนเม.ย. 2025 ที่ผ่านมานี้ เมื่อประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ พระเจ้านโรดม สีหมุนีทรงพระราชทาน “เครื่องราชอิสริยาภรณ์สร้อยมหามงคลแห่งเอกราชราชอาณาจักรกัมพูชา” ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดของประเทศ แก่ผู้นำจีนด้วยพระองค์เอง สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง ดังนั้นจีนจึงประเมินบทบาทของพระองค์ว่าได้มีส่วนสำคัญต่อสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และการต่างประเทศของกัมพูชา
ด้านอิทธิพลทางการเมืองของพระเจ้านโรดม สีหมุนี ภายในประเทศกลับถูกจำกัดมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2004 ที่พระองค์ได้รับการคัดเลือกด้วยเสียงเอกฉันท์จากสภา เป็นการเลือกกษัตริย์ซึ่งมีฮุนเซนเป็นหนึ่งในสมาชิก พระองค์ถูกมองว่าทรงมีบุคคลิกนิสัยอ่อนโยน ไม่แข่งขัน ไม่มีฐานอำนาจ และไร้ความทะเยอทะยานซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งในฐานะกษัตริย์เชิงสัญลักษณ์ สอดคล้องกับผลประโยชน์ของฮุนเซนผู้กุมอำนาจที่แท้จริง นักวิเคราะห์บางรายถึงกับเห็นว่า การที่พระองค์ยังทรงสถานะโสดและไม่มีพระโอรสธิดา อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงทางเครือญาติหรือการกำเนิดของกลุ่มอำนาจใหม่ ที่อาจสั่นคลอนความมั่นคงของการปกครองโดยตระกูลฮุน
การยกระดับความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาในครั้งนี้ เริ่มต้นจากคลิปเสียงที่รั่วไหลระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตน์และฮุนเซน และลุกลามอย่างรวดเร็วไปสู่การปะทะทางทหารกัน สาเหตุรากลึกก็มาจากข้อพิพาทดินแดนในอดีต โดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเสมือนเป็นระเบิดเวลาของทั้งสองประเทศ หลังการปะทะที่เกิดขึ้น รัฐบาลจีนได้เร่งดำเนินการทางการทูตอย่างเข้มข้น ตั้งแต่การที่หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายในทันที การส่งทูตพิเศษไปไกล่เกลี่ย ไปจนถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการพบปะสามฝ่ายอย่างไม่เป็นทางการที่นครเซี่ยงไฮ้ เป้าหมายคือการลดอุณหภูมิความขัดแย้งฯ
การไกล่เกลี่ยของจีนตั้งอยู่บนพื้นฐานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับทั้งไทยและกัมพูชา (เพราะจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของทั้งสองประเทศ) เพราะหากความขัดแย้งยืดเยื้อและทวีความรุนแรง สถานการณ์เกินควบคุม เศรษฐกิจของกัมพูชาจะเสียหายมหาศาล (โดยเฉพาะจีนที่เป็นแหล่งลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา)
ความขัดแย้งในรอบนี้ของไทยและกัมพูชา จีนมองและหวังว่าอาจเปิดทางให้พระเจ้านโรดม สีหมุนีก้าวออกมามีบทบาทมากขึ้น เพราะพระเจ้านโรดมทรงเป็นสัญลักษณ์ที่ของมิตรภาพจีน–กัมพูชา และเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นฝ่ายนิยมจีนอย่างชัดเจน สำหรับจีนแล้วมองว่ากัมพูชาที่มีเสถียรภาพ เป็นมิตร และมีความไว้วางใจต่อจีนสูง มีความสำคัญอย่างยิ่ง จีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ในกัมพูชาอย่างกว้างขวางตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงความร่วมมือด้านยุทโธปกรณ์และผู้เขียนขอเสริมว่าทรัพยากรกัมพูชายังมีที่ว่างอีกมากให้จีนเข้าไป “ขุดทอง”ได้
หากตระกูลฮุนสูญเสียความน่าเชื่อถือจากการจัดการวิกฤตอย่างล้มเหลว จนทำให้การเมืองภายในเกิดความเปลี่ยนแปลง พระเจ้านโรดม สีหมุนี ผู้มีฐานความนิยมในสังคมและมีความสัมพันธ์กับจีนอย่างแน่นแฟ้น อาจมีโอกาสก้าวออกจากบทบาทเชิงสัญลักษณ์และมีส่วนช่วยสร้างเสถียรภาพให้ประเทศในยามวิกฤต หรือแม้กระทั่งฟื้นคืนอำนาจบางส่วน แต่ไม่ได้หมายความว่ากษัตริย์จะเข้ายึดอำนาจบริหารโดยตรง ในยามที่ประเทศเผชิญวิกฤต พระราชอำนาจเชิงศีลธรรมในฐานะประมุขแห่งรัฐและสัญลักษณ์แห่งเอกภาพของชาติ อาจจะเพิ่มสูงขึ้นและอาจกลายเป็นศูนย์รวมฉันทามติของประชาชนเหนือความขัดแย้งทางพรรคการเมือง ในบริบทนี้ มิตรภาพที่แน่นแฟ้นดั่งเหล็กระหว่างจีนกับกัมพูชา จะไม่ยึดโยงอยู่เพียงกับกลุ่มการเมืองใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่จะได้รับการเสริมความมั่นคงผ่านสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับสถาบันกษัตริย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถาวรของชาติ
ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์แฝงของจีนหากพระเจ้านโรดม สีหมุนีก้าวขึ้นมามีบทบาทเหนือตระกูลฮุนประการแรกคือการตอกย้ำจุดค้ำยันเชิงยุทธศาสตร์ที่เชื่อถือได้ในภูมิภาค กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเป็นมิตรกับจีนอย่างมั่นคงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ในระดับ “มิตรภาพในทุกสภาพอากาศ” กัมพูชาคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อน "โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และการเชื่อมโยงความร่วมมือกับอาเซียน หากบทบาทและอิทธิพลของกษัตริย์เพิ่มขึ้นและช่วยตอกย้ำทิศทางมิตรภาพจีน–กัมพูชาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จุดค้ำยันเชิงยุทธศาสตร์นี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม
ประการที่สอง จีนได้ลงทุนในกัมพูชาผ่านโครงการสำคัญหลายแห่ง เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ ทางด่วนพนมเปญ–สีหนุวิลล์ ซึ่งล้วนเป็นโครงการเชิงสัญลักษณ์และเป็นส่วนสำคัญของการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค การมีกษัตริย์ที่ทรงมีพระบารมีสูงและมีท่าทีเป็นมิตรต่อจีน จะช่วยหลอมรวมฉันทามติภายในประเทศกัมพูชาให้สนับสนุนความร่วมมือเหล่านี้ และสร้างสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ประการสุดท้าย การยกระดับภาพลักษณ์และบทบาทของจีนในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยสันติภาพระดับภูมิภาค จีนได้แสดงบทบาทเชิงรุก(แข่งกับสหรัฐฯ)ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย โดยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมไม่เป็นทางการระหว่างจีน–กัมพูชา–ไทย และผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามฉันทามติการหยุดยิง เหตุผลสำคัญที่จีนสามารถมีบทบาทเช่นนี้ได้ ก็เนื่องมาจากความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูงกับทั้งสองประเทศโดยเฉพาะกับกัมพูชา หากโครงสร้างอำนาจภายในกัมพูชามีความไว้วางใจจีนมากยิ่งขึ้น และมีท่าทีเป็นมิตรต่อจีนอย่างชัดเจน ก็ย่อมช่วยเสริมสร้างอิทธิพลเชิงบวกให้กับจีน
ดังนั้นการที่จีนพยายามไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งนี้ เป้าหมายที่เปิดเผยก็คือการสร้างเงื่อนไขเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค เป้าหมายเชิงซ้อนเร้นก็มีเช่นกัน จีนต้องการให้ราชสำนักกัมพูชาที่ใกล้ชิดจีนผงาดขึ้นมา และหากราชสำนักกัมพูชามีอิทธิพลมากขึ้นนั่นหมายถึงผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำมหาศาล เพราะฉะนั้นกระดานหมากนี้ ซับซ้อนกว่าที่เห็นจากภายนอกอย่างมาก โดยเฉพาะผลประโยชน์ของจีนในด้านความมั่นคงและด้านการทหารในกัมพูชาก็เป็นสิ่งที่น่าจับตาเช่นกัน.


