xs
xsm
sm
md
lg

“มาครง” เรียกร้องปรับสมดุลความสัมพันธ์อียู-จีน สะท้อนทัศนคติ "ยุโรปมาก่อน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสพูดคุยกับนักศึกษาระหว่างมาเยือนมหาวิทยาลัยเสฉวนในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568  – ภาพ : เอเอฟพี
ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสเขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์เมื่อวันอังคาร ( 16 ธ.ค. ) เรียกร้องให้มีการปรับสมดุลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหภาพยุโรป ( อียู ) กับจีน พร้อมกับสรุปขั้นตอน ซึ่งเขาเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลที่มีอยู่ระหว่างกัน

ในบทความ มาครงได้ชี้ไปที่การเกินดุลการค้าจำนวน 300,000 ล้านยูโร ซึ่งจีนมีต่อยุโรป ผู้นำฝรั่งเศสระบุว่า การเกินดุลการค้านี้ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนแก่ทั้งสองฝ่าย เขายอมรับว่า ความไม่สมดุลนี้มิได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่ยังเชื่อมโยงกับผลิตภาพ (productivity) ที่อ่อนแอของอียูด้วย พร้อมกับเตือนว่าการเรียกเก็บภาษีและการกำหนดโควต้าสินค้านำเข้าจากจีนเป็นทางออกที่ไม่ก่อให้เกิดความร่วมมือ และอาจก่อให้เกิดข้อพิพาททางการค้าที่รุนแรงได้

มาครงเสนอให้อียูขับเคลื่อนวาระทางเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเน้นการแข่งขัน
นวัตกรรม และการคุ้มครองเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของอียู ส่วนจีนนั้น การแก้ไขความไม่สมดุลภายในประเทศและการปรับสมดุลของกระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง


เขาเน้นย้ำว่าจีนและอียูมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันได้ โดยปัจจุบันจีนเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ยุโรปยังคงเป็นผู้นำในภาคบริการหลายภาคส่วน

อย่างไรก็ตาม ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวย้ำด้วยเช่นกันว่า อียูมีกลยุทธ์ในการปกป้องตนเอง โดยมีเครื่องมือคุ้มครองทางการค้ามากมาย รวมถึงภาษีนำเข้าและมาตรการต่อต้านการบีบบังคับ อียูยินดีที่จะใช้เครื่องมือเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย


ด้านนาย เจี้ยน จวิ้นปั๋ว ผู้อำนวยการศูนย์ความสัมพันธ์จีน-ยุโรป สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้นมองบทความของมาครงว่า อยู่บนพื้นฐานของทัศนคติที่ว่า "ยุโรปมาก่อน" อย่างชัดเจน โดยจะเห็นได้ว่า ในขณะที่เขาเน้นย้ำความร่วมมือและปฏิเสธการเผชิญหน้า แต่ก็เรียกร้อง “การปรับสมดุล” ซึ่งมาจากความกังวลในเรื่องความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมและแรงกดดันทางเศรษฐกิจของยุโรปนั่นเอง


นายเจี้ยนชี้ว่า ความไม่สมดุลทางการค้าในปัจจุบันควรพิจารณาว่าเป็นผลมาจากหลายปัจจัย รวมถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปเอง และผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ไม่ควรมองแบบแยกส่วนแค่ความส้มพันธ์จีน-ยุโรป


ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจีนอีกหลายคนระบุว่า ปัญหาดุลการค้าสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายประการ การมุ่งเน้นไปที่การขาดดุลการค้าระหว่างอียู-จีนมากจนเกินไปอาจทำให้มองข้ามความซับซ้อนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี


ระหว่างการเยือนจีนเมื่อต้นเดือนธันวาคม ซึ่งมหาวิทยาลัยเสฉวนให้การต้อนรับผู้นำฝรั่งเศสอย่างอบอุ่นด้วยนั้น มาครงกล่าวว่า ฝรั่งเศสยินดีต้อนรับการเข้ามาลงทุนของจีนมากขึ้น โดยจะมอบบรรยากาศทางธุรกิจที่เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ


แต่ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศสในเวลาต่อมา มาครงระบุว่า จีนกำลังพุ่งชนใจกลางโมเดลอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของยุโรป


นักวิเคราะห์มองคำพูดคนละอารมณ์ของมาครงนี้ว่า ไม่มีอะไร นอกเสียจาก ผู้นำฝรั่งเศสกำลังพยายามหาสมดุลจุดยืนที่เขามีต่อจีนให้มีความพอดีก็เท่านั้นเอง


ที่มา : โกลบอลไทมส์



กำลังโหลดความคิดเห็น