จีนแอบวางหลุมพราง “กับดักหนี้ ” เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์กับชาติที่ไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ให้กับจีนได้ นี่คือสิ่งที่ผู้คนทั่วไปมักเข้าใจกัน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ออกมาเตือนเรื่องนี้เป็นเวลาหลายปีแล้ว
แต่เรื่องกลับตาลปัตร ปรากฏว่าสหรัฐฯ นั่นแหละกลับเป็นชาติรับเงินกู้จากจีนมากที่สุดในโลกตามการค้นพบใหม่ล่าสุดของเอดดาต้า ( AidData ) ห้องปฏิบัติการวิจัยของมหาวิทยาลัยวิลเลียมแอนด์แมรี ( William & Mary) ในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเผยแพร่รายงานเมื่อวันอังคาร ( 18 พ.ย. )
เอดดาต้ามีการรวบรวมฐานข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินของจีนในต่างประเทศอย่างครอบคลุมจนถึงปัจจุบัน ทำให้ทราบว่า ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ( พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2566 ) รัฐบาลจีนหรือรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ของจีนได้ปล่อยกู้หรือให้ความช่วยเหลือและให้สินเชื่อแก่ 200 กว่าประเทศ เป็นมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐฯ รับเงินทุนจากสถาบันสินเชื่อซึ่งเป็นของรัฐจีนมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สำหรับเกือบ 2,500 โครงการและกิจกรรม ซึ่งพบได้ในเกือบทุกรัฐบนแดนลุงแซม
สินเชื่อเหล่านี้กว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในรูปของการสนับสนุนสภาพคล่องให้กับบริษัทต่าง ๆ โดยเปิดวงเงินกู้ยืมให้บริษัทรายใหญ่ ๆ ที่ต้องการเงินสด ซึ่งรวมถึงบริษัทชั้นนำของโลก500 แห่งตามการจัดอันดับของนิตรสารฟอร์จูน
นักวิจัยของเอดดาต้าระบุว่า การค้นพบนี้ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานทั่วไปที่ว่าเงินทุนของจีนส่วนใหญ่ไหลสู่ชาติกำลังพัฒนา เช่นการให้เงินทุนผ่านโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ( Belt and Road Initiative) แต่ในทางตรงกันข้าม เงินกู้ที่จีนให้ในต่างประเทศกว่า 3 ใน 4 เป็นการสนับสนุนโครงการและกิจกรรมในประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (upper-middle income country) และประเทศที่มีรายได้สูง นอกจากนั้น ยังเป็นเงินกู้ที่นำไปใช้ในโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ แร่ธาตุสำคัญ และการเข้าซื้อสินทรัพย์เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อเป้าหมายต่าง ๆ ด้านความมั่นคงของจีน
ตามการเปิดเผยของนายแบรดลีย์ พาร์กส์ ผู้อำนวยการบริหารของเอดดาต้านั้น สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในโลกอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย อนุญาตให้สถาบันสินเชื่อจีนเป็นผู้จัดหาเงินทุนมาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โครงการ LNG ท่อส่งพลังงาน สายส่งไฟฟ้า และอาคารผู้โดยสารสนามบินมาตั้งแต่ปี 2543 รวมถึงอนุญาตให้บริษัทจีนใช้เงินกู้มาซื้อกิจการบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐฯ โดยทั้งหมดนี้กระทำภายในขอบเขตอำนาจศาลและกฎหมายของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรเอง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนที่มีความอ่อนไหวทำได้ยากขึ้นในสหรัฐฯ โดยถูกตรวจสอบเข้มงวด เนื่องจากรัฐบาลวิตกกังวลมากขึ้นว่า การปล่อยให้เงินของจีนมีส่วนร่วมมากขึ้นในประเทศจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และเอดดาต้าพบว่า สถาบันสินเชื่อของจีนได้หันไปพิจารณาชาติรายได้สูงอื่นๆ ที่มีการตรวจสอบเข้มงวดน้อยกว่าแทน เช่น สหราชอาณาจักร และชาติสมาชิกสหภาพยุโรป
เอดดาต้าไม่ได้กล่าวอ้างและไม่ได้เชื่อว่าการให้กู้ยืมแก่สหรัฐฯ ทั้งหมดนี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์หรือภูมิเศรษฐกิจ การให้เงินกู้บางส่วนเป็นเพียงการแสวงหาผลกำไรเท่านั้น ภาคการเงินของจีนถูกครอบงำโดยรัฐก็จริง แต่ก็เป็นแค่การครอบงำ นายพาร์กส์ออกตัว
เขายังกล่าวด้วยว่า การตัดสินว่า ธุรกรรมใดเป็นอันตรายหรือไม่นั้นถือเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติ
ข้อมูล : CNN


