หลังจากประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงโด่งดังเมื่อต้นปี ดีปซีก ( DeepSeek ) บริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ สัญชาติจีนก็ทำตัวโลว์โปรไฟล์
จนกระทั่งมีรายงานข่าว นายเฉิน เต๋อหลี่ นักวิจัยอาวุโสของดีปซีกเข้าร่วมการประชุมอินเตอร์เน็ตโลก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองอูเจิ้น มณฑลเจ้อเจียงทางภาคตะวันออกเมื่อวันศุกร์ ( 7 พ.ย.)
ในการอภิปรายแบบคณะ ซึ่งเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันในหมู่ผู้บริหารจาก 6 บริษัท หรือเป็นที่รู้จักกันดีว่า “ 6 มังกรน้อยแห่งเอไอ” ของจีน มีดีปซีก อาลีบาบาคลาวด์ ( Alibaba Cloud ) และยูนิทรี ( Unitree ) รวมอยู่ด้วยนั้น นายเฉินได้เตือนถึงความเสี่ยงในระยะยาวของเทคโนโลยีเอไอ
นักวิจัยอาวุโสของดีปซีกชี้ว่า ในระยะสั้นเอไอน่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวก เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า “ ช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ” เป็นช่วงที่เอไอยังไม่สามารถทำงานให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้ด้วยตัวมันเองทั้งหมดและผู้คนสามารถนำเอไอมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปที่ละน้อย ความเสี่ยงอาจมีมากกว่าผลตอบแทนที่จะได้รับ
เขาทำนายว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าความสามารถของระบบเอไอจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นกำลังแรงงานโดยรวมจะต้องเผชิญกับภาวะการลดตำแหน่งงาน โดยเอไออาจกำจัดงานให้สูญสิ้นไปเป็นส่วนใหญ่ใน 10-20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่โครงสร้างสังคมจะถูกท้าทายอย่างมาก บริษัทเทคโนโลยีจึงควรมีบทบาทเป็นผู้พิทักษ์มนุษยชาติ ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็คือปกป้องความปลอดภัยของมนุษย์ จากนั้นจึงช่วยปรับเปลี่ยนระเบียบสังคม
ทั้งนี้ บริษัทดีปซีกก่อตั้งขึ้นในปี 2566 การเปิดตัว DeepSeek-R1 ซึ่งเป็นโมเดลเอไอต้นทุนต่ำเมื่อเดือนมกราคมสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอุตสาหกรรมเอไอและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีประสิทธิภาพเทียบชั้นกับคู่แข่งชั้นนำเช่น โมเดล o1 ของ ChatGPT แต่ใช้ต้นทุนการพัฒนาในราคาเพียงเศษเสี้ยวเดียวของต้นทุนที่ ChatGPT ใช้
หลังจากเป็นข่าวสร้างความฮือฮาดังกล่าว ดีปซีกก็ทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ โดยนายเหลียง เหวินเฟิง ซีอีโอของดีปซีกเคยมีโอกาสได้พบปะสนทนากับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงระหว่างการประชุมคราวหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งปรากฏภาพเผยแพร่ทางโทรทัศน์ แต่หลังจากนั้น ซีอีโอดีปซีกก็ไม่ออกมาปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกเลย
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์


