เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน มีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ขอความช่วยเหลือบนแพลตฟอร์ม Tencent ระบุว่า ลูกชายวัย 15 ปี หายตัวไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยออกจากบ้านในมณฑลซานซีเพื่อไปเขตปกครองตนเองกว่างซี จากนั้นหายสาบสูญที่ชายแดนเมืองผิงเสียง และภายหลังพบว่าบัญชีโซเชียลของลูกชายมีตำแหน่งล่าสุดอยู่ที่ กัมพูชา
นายกัว บิดาของเด็กชาย เล่าว่า ลูกชายอาศัยอยู่กับปู่ย่าที่เมืองหลินเฟิน มณฑลซานซี ขณะที่เขาและภรรยาทำงานอยู่ที่เทียนจิน เด็กชายเริ่มมีอาการเบื่อเรียน เขาจึงตั้งใจจะพามาอยู่ด้วย แต่ลูกกลับบอกอยากไปเรียนซ่อมรถกับลุงที่ยูนนาน ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนเมียนมา เขาจึงไม่อนุญาตเพราะกลัวถูกล่อลวง
แต่ในวันที่ 8 สิงหาคม เด็กชายส่งข้อความมาบอกว่า “อยู่ที่กว่างโจวแล้ว” พร้อมรูปถ่ายที่อู่ซ่อมรถและพิกัด GPS พอตกค่ำ โทรศัพท์ของเด็กชายกลับปิดเครื่อง และนับแต่นั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
ตำรวจพบว่า เด็กชายขึ้นเครื่องจากกว่างโจวไปหนานหนิง และเดินทางต่อไปเมืองผิงเสียง ซึ่งอยู่ติดชายแดนเวียดนามและใกล้เส้นทางไปกัมพูชา โดยมีการเปลี่ยนรถ 3 ครั้ง หนึ่งในนั้นเป็นรถที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอม ก่อนจะขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง
วันที่ 27 สิงหาคม บิดาพบว่าบัญชีวิดีโอสั้นของเด็กชายแสดงตำแหน่งเปลี่ยนจากกว่างซีไปอยู่ในกัมพูชา ทำให้เชื่อว่าอาจถูกหลอกไปยัง “เขตอาชญากรรมไซเบอร์”
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน บัญชีของเด็กชายกลับมาตอบข้อความอีกครั้ง แต่ผู้ที่ตอบไม่ใช่ลูกของเขา เป็นชายแปลกหน้าที่อ้างว่าทำงานอยู่ในเขตอาชญากรรมไซเบอร์แห่งหนึ่งในกัมพูชา เขาเรียกค่าแลกตัวโดยระบุว่า
“ถ้าอยากได้ลูกกลับ ต้องหาคนมาเพิ่มอีกสามคนถึงจะปล่อย” และขู่ว่า “ถ้าไม่หาให้ จะขายเด็กชายไปพม่าแทน หรือไม่ก็จ่ายมา 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท)”
เมื่อบิดาบอกว่าหาเงินไม่ได้ ชายคนนั้นตอบกลับอย่างเย็นชา
“ถ้าไม่มีเงินก็เอาคนมาแทน เราไม่ขาดเงิน แต่ขาดคน”
วันที่ 6 พฤศจิกายน สถานีตำรวจในนครเทียนจิน ได้ออกเอกสาร “ใบรับแจ้งการตั้งคดี” ยืนยันว่าตำรวจได้เปิดการสอบสวนในข้อหา “ลักลอบข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมาย” โดยมีการส่งเรื่องให้หน่วยงานระดับเมืองดำเนินคดีแล้ว
ขณะนี้ครอบครัวหวังยังรอความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และวอนให้ผู้ที่มีข้อมูลช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อให้เด็กชายได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
ที่มา: 极目新闻 (J
imu News)


