นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย
ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2568 การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ได้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ในที่ประชุมมีการอภิปรายและรับรอง“ข้อเสนอของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 15” แผนนี้เป็นแนวทางและพิมพ์เขียวเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาในอีก 5 ปีข้างหน้า แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนที่จะต่อยอดแรงผลักดัน และเดินหน้าพัฒนาความทันสมัยแบบจีนต่อไป ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และทิศทางในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างกว้างขวาง ในฐานะ เศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก แผนพัฒนาของจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า และแนวทางรับมือกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ซับซ้อนและผันผวน จึงเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 จีนได้รับมือกับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนก้าวสู่ระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงสี่ปีแรกของแผนฯ 14 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโตเฉลี่ย 5.5% ต่อปี และคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะสูงถึงประมาณ 140 ล้านล้านหยวนภายในปี 2568 และมีสัดส่วนช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกมากถึง 30% ความเป็นอยู่ของประชาชนยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้สุทธิต่อหัวเติบโตเฉลี่ย 5.5% ต่อปี สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ จีนได้สร้างระบบสาธารณสุข ระบบการศึกษา และระบบประกันสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนได้สร้างระบบพลังงานหมุนเวียนและห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในโลก กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการลดอัตราการสิ้นเปลืองการใช้พลังงานได้เร็วที่สุดในโลก ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกำลังประเทศโดยรวมของจีนได้ก้าวสู่ระดับสูงขึ้นอีกระดับ การพัฒนาให้ทันสมัยแบบจีนได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง
หลังจากเสร็จสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 การพัฒนาของจีนก็ได้มาถึงจุดเริ่มต้นใหม่ และการพัฒนาให้ทันสมัยแบบจีนก็กำลังจะเริ่มต้น เครื่องยนต์เต็มสูบพร้อมเดินทางครั้งใหม่
รับไม้วิ่งผลัด โดยยึดมั่นในเป้าหมายการพัฒนาให้ทันสมัยแบบจีน การกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เป็นวิทยาศาสตร์และการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นแนวทางสำคัญสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการบริหารประเทศ และเป็นข้อได้เปรียบทางการเมืองที่สำคัญของระบอบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน ประวัติศาสตร์การพัฒนาของจีนใหม่เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้ง 14 ฉบับ
โดยมีแก่นเรื่องหลักคือการสร้างประเทศจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 จะแล้วเสร็จในปีนี้ การประชุมครั้งนี้ได้เสนอเป้าหมายการพัฒนาหลักของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ได้แก่ ความสำเร็จที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพสูง การพัฒนาที่สำคัญในระดับการพึ่งพาตนเองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการปฏิรูปที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การพัฒนาที่สำคัญในระดับอารยธรรมสังคม การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน ความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการสร้างประเทศจีนที่งดงาม และความมั่นคงแห่งชาติที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น บนพื้นฐานนี้ จีนจะมุ่งมั่นต่อไปอีก5ปี เพื่อให้บรรลุถึงการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในด้านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ความแข็งแกร่งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความแข็งแกร่งด้านการป้องกันประเทศ ความแข็งแกร่งของชาติโดยรวม และบทบาทในเวทีโลกยกระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2578 โดยให้ GDP ต่อหัวอยู่ในระดับเดียวกับประเทศพัฒนาปานกลาง และสร้างความมั่นใจว่าประชาชนจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้น ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วคือการบรรลุถึงการพัฒนาประเทศทันสมัยในระบบสังคมนิยม จีนจะยังคงเขียนบทใหม่ให้กับปาฏิหาริย์สองประการ ซึ่งได้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว มีคุณูปการในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
การผลักดันการพัฒนาคุณภาพสูงและการเร่งสร้างการพึ่งพาตนเองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพสูงเป็นภารกิจหลักของจีนในการสร้างประเทศทันสมัยในระบบสังคมนิยม สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสูงเป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยยึดหลักการสร้างเศรษฐกิจเป็นภารกิจหลัก และยึดแนวคิดการพัฒนาใหม่เป็นทิศทางการพัฒนา เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและแข็งแรง รวมถึงความก้าวหน้าทางสังคมอย่างรอบด้าน สิ่งสำคัญที่สุดของการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสูงคือการเร่งสร้างการพึ่งพาตนเองทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อการพัฒนาพลังการผลิตใหม่ๆพลังแห่งความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ที่การประยุกต์ใช้ จีนจะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านและยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างรอบด้าน พัฒนาอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างแข็งขัน และวางแผนเชิงรุกสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต เร่งสร้างระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และพัฒนาเส้นทางใหม่กล่าวคือใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีใหม่ไปพัฒนานวัตกรรมทางอุตสาหกรรมและใช้นวัตกรรมทางอุตสาหกรรมไปกระตุ้นนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จีนกำลังยกระดับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวบรวมพลังแห่งนวัตกรรม และสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรม นำมาซึ่งพลังและโมเมนตัมที่มากขึ้นให้กับการพัฒนาของตนเองและเศรษฐกิจโลก “จีนแห่งนวัตกรรม” ที่ก้าวหน้า มั่นใจ และเปิดกว้างมากขึ้น จะสร้างสะพานเชื่อมโยงการพัฒนาและความก้าวหน้าให้กับภูมิภาคและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างมั่นคง การสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของชาติ เป็นจุดมุ่งหมายพื้นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการสร้างความสามัคคีประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์และนำพาประชาชนทุกกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศในการต่อสู้ทุกรูปแบบ และเป็นข้อกำหนดสำคัญในการกำหนดแนวทางการพัฒนาของจีนในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 จีนได้ดำเนินมาตรการที่เข้มแข็งเพื่อสร้างหลักประกันและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เอาชนะการต่อสู้กับความยากจนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และสร้างสังคมที่มั่งคั่งปานกลางในทุกด้าน สร้างรากฐานที่มั่นคงที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างความมั่งคั่งร่วมกัน จีนจะยังคงยึดมั่นในเป้าหมายการสร้างมั่งคั่งร่วมกัน โดยดำเนินการส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณภาพสูงและเต็มที่ จัดการการศึกษาที่ดีตอบสนองความต้องการของประชาชน เร่งสร้างประเทศจีนที่มีสุขภาวะที่ดี และให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน จัดทำนโยบายและมาตรการที่ประชาชนเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกันเพื่อเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาที่ประชาชนชื่นใจในช่วง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15
ยึดมั่นในการเปิดกว้างและส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน การเปิดกว้างในระดับสูงเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังสำหรับการพัฒนาของจีนเองและเพื่อประโยชน์ของโลกอีกด้วย จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของกว่า 150 ประเทศและภูมิภาค ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา การค้าสินค้าและบริการของจีนอยู่ในอันดับที่หนึ่งและสองของโลก โดยมีการลงทุนในต่างประเทศเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 5% ต่อปี สร้างงานในท้องถิ่นจำนวนมาก และมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัยของทั้งสองฝ่ายอย่างแข็งขัน นโยบายยกเว้นวีซ่าฝ่ายเดียวของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปิดกว้างที่เป็นอิสระและเปิดกว้างฝ่ายเดียวของจีนกำลังขยายตัวอย่างเป็นระเบียบ เขตการค้าเสรี 22 แห่งของจีนมีมาตรฐานสูงที่สามารถสอดรับกับกฎระเบียบการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ประตูสู่โลกภายนอกของจีนจะไม่มีวันปิดลง มีแต่จะยิ่งเปิดกว้างมากขึ้น จีนมีตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีพลวัตมากที่สุดในโลก และกำลังกลายเป็นสนามทดสอบความร่วมมือระดับโลกและผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เป็นเวทีแบ่งปันผลกำไร และเป็นพื้นที่ประยุกต์ใช้แนวปฏิบัติที่เป็นนวัตกรรม จีนเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศเพื่อสร้างโอกาส ส่งเสริมการพัฒนาที่เปิดกว้าง และบรรลุผลสำเร็จที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อทุกฝ่าย
ปลายเดือนตุลาคม จีนและอาเซียนได้ลงนามในพิธีสารเพื่อยกระดับเขตการค้าเสรีเป็นเวอร์ชัน 3.0 พิธีสารฉบับนี้ประกอบด้วยบทใหม่เกี่ยวกับการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและเศรษฐกิจสีเขียวเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในแนวปฏิบัติการค้าเสรีของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้ยังกำหนดกรอบการทำงานที่เป็นระบบและข้อตกลงเชิงสถาบันสำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า "บนชายแดน" และความร่วมมือในด้านใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ "หลังชายแดน" เช่น ความร่วมมือด้านดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งถือเป็นความมุ่งมั่นสูงสุดจากแนวปฏิบัติการค้าเสรีของจีนและอาเซียน
จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรสหายที่ดี ญาติมิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี มิตรภาพระหว่างสองประเทศสืบทอดกันมานับพันปี และแนวคิด "จีน ไทย พี่น้องกัน" มีมาช้านานและทวีคุณค่ามากขึ้น การเยือนไทยครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงในปี พ.ศ. 2565 ได้นำพาความก้าวหน้าครั้งใหม่ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทย รากฐานมิตรภาพระหว่างสองประเทศเข้มแข็งยิ่งขึ้น และแรงขับเคลื่อนความร่วมมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยต่อเนื่อง 12 ปี โดยมูลค่าการค้าทวิภาคีในปี พ.ศ. 2567 สูงถึง 134,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับห้าปีก่อนหน้า จีนเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไทย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย จากสถิติของไทย การส่งออกผลไม้ไปยังจีนคิดเป็น 97% ของมูลค่าการส่งออกผลไม้ทั้งหมดของไทย จีนยังเป็นแหล่งลงทุนจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และไทยเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนในต่างประเทศมากที่สุด บริษัทไทยที่มีชื่อเสียงหลายรายเข้าร่วมงาน China International Import Expo (CIIE) อย่างต่อเนื่อง โดยมีปริมาณธุรกรรมที่คาดการณ์ไว้สูงเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ความร่วมมือด้านรถไฟจีน-ไทยได้ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยและส่งเสริมการเชื่อมโยง ห่วงโซ่อุปทานของทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวกำลังเฟื่องฟู
สำหรับอีกห้าปีข้างหน้า จีนจะยังคงเดินหน้าพัฒนาความทันสมัยแบบจีน ขยายการเปิดกว้างในระดับสูงอย่างมั่นคง สร้างภูมิทัศน์ใหม่ของความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ แผนงานและการดำเนินงานเหล่านี้มีความสอดคล้องอย่างยิ่งกับยุทธศาสตร์การพัฒนาของไทย ซึ่งเปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้น การค้า พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเกษตรสมัยใหม่จะมีโอกาสความร่วมมือที่เพิ่มมากขึ้น จีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการพัฒนาความทันสมัยของทั้งสองประเทศ และมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค


