วันที่ 30 ตุลาคม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พบกันที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นการพบกันของผู้นำสองประเทศครั้งแรกในรอบ 6 ปี และเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด
บรรยากาศการพบปะเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ทรัมป์เดินเข้ามาหยุดยืนหน้าธงชาติของทั้งสองประเทศ ก่อนที่สี จิ้นผิงจะก้าวเข้ามาตามพรมแดง ทั้งสองจับมือกันต่อหน้ากล้องสื่อทั่วโลก สี จิ้นผิงกล่าวว่า “ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง” ทรัมป์ตอบด้วยรอยยิ้ม “เช่นกันครับ ผมมั่นใจว่าวันนี้เราจะมีการพูดคุยที่ประสบความสำเร็จแน่นอน เขาเป็นนักเจรจาที่แข็งแกร่งมาก เรารู้จักกันดีมาก”
สถานที่จัดการหารือคือห้องรับรองพิเศษในสนามบินปูซาน การประชุมกินเวลาราว 100 นาที ถือเป็นการสนทนาแบบเปิดใจระหว่างสองผู้นำของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
สี จิ้นผิงกล่าวระหว่างการพูดคุยว่า ก่อนการประชุมครั้งนี้ คณะเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันที่กัวลาลัมเปอร์และบรรลุ “ข้อตกลงเบื้องต้น” แล้ว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญให้การพบปะของสองผู้นำเดินหน้าได้อย่างราบรื่น เขาย้ำว่า “จีนและสหรัฐฯ มีโครงสร้างเศรษฐกิจและระบบต่างกัน ย่อมมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือผู้นำทั้งสองต้องคุมทิศทางและรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ให้มั่นคง”
สี จิ้นผิงยังเน้นว่า จีนไม่ต้องการแข่งขันเพื่อครอบงำหรือแทนที่ใคร “จีนมุ่งมั่นพัฒนาประเทศของตนเองและแบ่งปันโอกาสให้โลก เราไม่เคยต้องการท้าทายหรือโค่นล้มใคร” พร้อมเสนอให้ “เศรษฐกิจและการค้าเป็นเสาหลักและเครื่องผลักดันความสัมพันธ์จีน–สหรัฐฯ ไม่ใช่จุดขัดแย้ง”
เขากล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควร “มองภาพใหญ่ คิดถึงผลประโยชน์ระยะยาว” และหลีกเลี่ยง “วงจรตอบโต้กันไปมา” เพราะนั่นจะทำร้ายทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก
ทรัมป์ตอบว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นไปด้วยดี และจะดียิ่งขึ้นไปอีก ผมหวังว่าทั้งสองประเทศจะมีอนาคตที่สดใสกว่าเดิม”
สองผู้นำยังได้หารือถึงการประชุมระดับนานาชาติในปีหน้า โดยจีนจะเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC ส่วนสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพการประชุม G20 ทั้งสองตกลงจะสนับสนุนกันและกัน และทรัมป์ยังได้เชิญสี จิ้นผิงเยือนสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะที่ตนเองก็มีแผนเดินทางเยือนจีนเช่นกัน
บรรยากาศหลังการประชุมเป็นไปอย่างเป็นมิตร ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เราคุยกันได้ดีมาก ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง” ก่อนจะเดินมาส่งสี จิ้นผิงถึงรถยนต์ประจำตำแหน่ง
เพียง 3 ชั่วโมงหลังการพบปะ จีนและสหรัฐฯ ก็ประกาศผลการเจรจาการค้าร่วมที่กัวลาลัมเปอร์ โดยใช้ถ้อยคำเช่น “ระงับการดำเนินมาตรการบางส่วน” และ “จัดการข้อพิพาทอย่างเหมาะสม” ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้บรรยากาศการค้าระหว่างสองประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลก เริ่มคลี่คลาย
สี จิ้นผิงสรุปสาระสำคัญของการพบปะครั้งนี้ด้วยประโยคสั้นแต่ทรงพลังว่า
“การพูดคุยดีกว่าการเผชิญหน้า” (Dialogue is better than confrontation)
ซึ่งกลายเป็นถ้อยคำที่สะท้อนท่าทีของจีนต่อสหรัฐฯ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของความสัมพันธ์สองประเทศในปี 2568
ที่มา: 人民日报 / 新华社
ภาพเอเอฟพี


