xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights &:จีนยุคใหม่ กับ "เศรษฐกิจสายมู"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คนจีนกับความเชื่อเรื่องดวง ฤกษ์ยาม ยังคงมีอยู่สูงมาก (ภาพจาสื่อจีน เทนเซนต์)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล


ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาเล่าสู่กันฟังถึงประเด็นสังคมที่เกี่ยวข้องกับค่านิยมและความเชื่อ หากพูดถึงคำว่า “สายมู” ผู้เขียนเชื่อว่าคงมีหลายคนที่มีความเชื่อในสายนี้อยู่ไม่มากก็น้อย สำหรับจีนแล้วมีสำนวนนึงว่า “遇事不决,占卜玄学อ่านว่า อี้ว์ซื่อปู้เจวี๋ย จานปู่ซวนเสวียหมายความ "  เมื่อเจอเรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ ก็หันไปพึ่งโหราศาสตร์และไสยศาสตร์" หมายถึง เมื่อคนต้องเผชิญกับปัญหาหรือเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก มักมีแนวโน้มแสวงหาคำแนะนำหรือการปลอบประโลมใจผ่านวิธีการตามความเชื่อไสยศาสตร์ เช่น ดูดวงดาว ไพ่ทาร์โรต์ เซียมซี เป็นต้น ปัจจุบันปรากฏการณ์นี้พบเจอได้บ่อยๆในกลุ่มคนจีนยุคใหม่โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับทางเลือกสำคัญในชีวิตหรือสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยภาพสะท้อนที่ชัดเจนคือกลุ่มวัยรุ่นไปถึงคนหนุ่มสาวจีนหลั่งไหลไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามวัดจีนในที่ต่างๆมากกว่าแต่ก่อน

คนรุ่นใหม่เลือกที่จะสวดมนต์แทนการพยายามด้วยตัวเอง ทำให้ "การดูดวง" ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะช่องทางอินเทอร์เน็ต การดูดวงออนไลน์จึงค่อยๆกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน จากรายงานการสำรวจพฤติกรรมของสาธารณชนจีนเกี่ยวกับความเชื่อครั้งที่สามที่เผยแพร่โดยสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน พบว่าในทุกๆ 4 คนของจีน มีอย่างน้อย 1 คนที่เชื่อในศาสตร์ลึกลับ และผู้ตอบแบบสอบถามที่เคยทำนายดวงชะตาของตัวเองมีสัดส่วนสูงถึง 40% จากข้อมูลการวิจัยที่เผยแพร่โดย NetEase Digital แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่กำลังกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของภาคบริการทำนายโชคชะตา

ปรากฎการณ์สังคมดังกล่าวนำไปสู่ “เศรษฐกิจสายมู” จนกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินเงียบๆ ไม่ต้องจ่ายภาษีและรายได้สูง

หลายคนอาจไม่ทราบว่า “เศรษฐกิจสายมู” ในจีนมีขนาดตลาดเกินหนึ่งล้านล้านหยวนและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยอัตราการเติบโตปีละ 20% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในด้านการทำนายดวงชะตาด้วยเอไอ (AI) ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงขึ้นอีก 1.5 พันล้านหยวน เรื่องฮวงจุ้ยและการทำนายแปดเหลี่ยม (ปา-กว้า) ซึ่งก็นับเป็นซอฟท์ พาวเวอร์ วัฒนธรรมจีน ก็ได้เริ่มก้าวออกสู่เวทีโลกแล้ว

ดินบริเวณหน้าธนาคารต่างๆถูกขุดมาเพื่อนำไปขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีความเชื่อว่าการบูชาดินหน้าธนาคารจะนำพาความร่ำรวย (ภาพจาก เวยปั๋ว)
“เศรษฐกิจสายมู” ของจีนปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก มีคนจีนยุคใหม่มากมายยอมที่จะจ่ายเงินรายเดือนเพื่อเป็นสมาชิกกลุ่มดูดวง บางคนจ่ายราคาหลักสิบหยวนเพื่อติดตามดวงของตัวเองคร่าวๆรายสัปดาห์ บางคนยอมจ่ายถึงขนาดเดือนละกว่า 500 หยวน เพื่อให้ได้เป็นสมาชิกพิเศษซึ่งมีออฟชั่นการดูดวงที่มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนยอมจ่ายถึงหลักพันหยวนต่อเดือนสำหรับดูดวงทำนายโชคชะตาเพื่อชี้แนะแนวทางชีวิตตัวเองอย่างรอบด้าน! ทำให้หมอดูออนไลน์ต่างๆทำรายได้ถล่มทลาย ยิ่งเฉพาะหมอดูออนไลน์ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ บางคนสามารถทำเงินได้มากกว่าปีละ 2 ล้านหยวน หรือ 9 ล้านกว่าบาท บางคนตั้งบริษัททำธุรกิจด้านความเชื่อแบบครบวงจรกับกลุ่มแฟนคลับ จนทำให้หมอดูยุคใหม่บางคนมีอิสระทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว ด้านรัฐบาลจีนยังไม่ได้เข้ามากำกับดูแลการทำธุรกิจกับความเชื่อลึกลับเหล่านี้อย่างจริงจัง

โดยปกติแล้ว “เศรษฐกิจสายมู” จะยิ่งทำเงินได้ดีเมื่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมแย่ลงๆ(คนมีความทุกข์มากขึ้น) เพราะคนต้องการหาที่พึ่งหรือตัวช่วยในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เพราะเรื่องความเชื่อในศาสตร์ลึกลับในสังคมจีนมีมากโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทำให้เกิดธุรกิจแปลกๆที่เกี่ยวข้องฯ เช่น มีคนไปขุดดินในบริเวณสวนหย่อมหน้าประตูธนาคารในที่ต่างๆแล้วเอามาขายบนอินเทอร์เน็ต โดยบางร้านระบุว่าเป็นดินของธนาคารที่ใกล้กับตู้นิรภัย เป็นต้น จุดขายคือ ดินของธนาคารต่างๆถ้านำมากราบไหว้บูชาที่บ้าน จะนำพาความร่ำรวยมาสู่เจ้าของ ซึ่งธุรกิจฯนี้ก็ไปได้จริงๆ เพราะมีลูกค้าควักเงินซื้อฯบนออนไลน์ และผู้ค้าบางรายยังขายดินที่ขุดมาจากหน้าธนาคารในราคาสูงถึง 800 กว่าหยวน แต่ธุรกิจนี้บูมได้ไม่กี่วัน ก็ถูกแพลตฟอร์มถอดสินค้าประเภทนี้ออกจากชั้นจำหน่ายสินค้า

การพยายามทุกวิถีทางเพื่อประสบโชคดี ไม่ใช่แต่เรื่องขุดดินธนาคารเท่านั้น มีข้อมูลระบุว่าคําสั่งซื้อตั๋วออนไลน์สําหรับเข้าวัดดังต่างๆ เพิ่มขึ้น 310% ในช่วงหนึ่งปีมานี้ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของคนซื้อตั๋วออนไลน์เป็นคนหนุ่มสาวจีนอายุต่ำกว่า 30 ปี พวกเขาไปจุดธูปขอพรซึ่งส่วนใหญ่ขอโชคลาภ คนกลุ่มนี้การไปวัดก็เหมือนไปตอกบัตรที่ร้านเน็ตไอดอล

นอกจากนี้ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจที่กระทรวงการคลังจีนได้เปิดเผยว่า ในปี 2024 สลากกินแบ่งรัฐบาลทั่วประเทศขายได้ 6.23 แสนล้านหยวน ทําลายสถิติปี 2023 และการซื้อสลากเพื่อเสี่ยงโชคของคนจีนยุคใหม่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะหวยแบบขูดเพื่อลุ้นรางวัล ที่ลูกค้าหลักคือกลุ่มเยาวชนจีนอายุระหว่าง 18-24 ปี มีสื่อจีนให้ความเห็นว่าคนจีนรุ่นใหม่ชอบที่จะใช้เงินเล็กน้อยเพื่อซื้อความตื่นเต้นและหวังรวยทางลัด ไม่ค่อยจะมีความอดทนกับความลำบากตากตรำที่จะหาเงิน ดังนั้นพวกของบูชาในวัดถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงแต่คนรุ่นใหม่ก็ยอมสู้ราคา อย่างเช่น กำไลข้อมือวัดลามะในปักกิ่งที่ราคาเฉลี่ย 300-400 หยวนต่อชิ้น ก็ยังมีความต้องการมหาศาล มีลูกค้าจำนวนมากต่อแถวซื้อฯ

คนหนุ่มสาวจีนในปัจจุบันต้องเผชิญกับสถานการณ์สังคมคล้ายๆกัน เช่น หางานทำยาก สภาพเศรษฐกิจบุคคลไม่ง่ายเหมือนรุ่นก่อนๆ การแต่งงานมีปัจจัยซับซ้อน ทำให้การหันไปดูดวงเป็นอีกหนึ่งทางออก หรือไม่ก็ซื้อของบูชาเพื่อหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น หรือไปขูดลอตเตอรี่เพื่อหวังว่าจะร่ำรวยมากขึ้น โดยการใช้จ่ายประเภทนี้อาจจะใช้เงินไม่มาก แต่มีความถี่สูง และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมหาศาล

คนรุ่นใหม่จำนวนมากหลั่งไหลเข้าวัดกัน พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจลึกลับ โดยเฉพาะยามที่ต้องเฉพาะทางเลือกสำคัญในชีวิต และสถานการณ์ไม่แน่นอน  (ภาพจาก เวยปั๋ว)
“เศรษฐกิจสายมูของจีน” ยังแผ่ขยายส่งออกไปยังต่างประเทศ ยกตัวอย่างสร้อยข้อมือหินออบซิเดียนสำหรับเสริมดวงหรือฮวงจุ้ยขายส่งในประเทศเพียงสิบกว่าหยวน เมื่อโพสต์บนเว็บไซต์ต่างประเทศสามารถขายได้เกือบ 30 ดอลลาร์ต่อชิ้น นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงหินธรรมดาๆแต่โฆษณาหลอกลวงว่าเป็นหินนำโชคดีจากจีน ชิ้นเท่าฝ่ามือตั้งราคาขายกัน กว่า 5,000 ดอลลาร์ และก็มีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศซื้อไป

นอกจากนี้บนแพลตฟอร์มติ๊กต็อก (Tiktok) ยังมีกระแส #ChineseFengShui มียอดกล่าวถึงมากกว่า 8.7 พันล้านครั้ง นอกจากนี้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ Amazon มียอดขายปี่เซี้ยะมากกว่าเดือนละ 20,000 ชิ้น มีกลุ่มวัยรุ่นในยุโรปบางคนเชื่อในเรื่องการดูดวงแบบจีน บางคนยอมจ่ายค่าดูหมอครั้งละกว่า 1,000 ดอลลาร์!
หากพูดถึงแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับละครจีนและอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน เศรษฐกิจสายมูสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุตสาหกรรมของการบริโภคได้มากอย่างคาดไม่ถึง เหยียบหลายแสนล้านหยวน!

ตรงนี้เองผู้เขียนมองว่าไม่แน่รัฐบาลจีนอาจจะหยิบยกเศรษฐกิจสายนี้ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศและส่งออกสินค้าวัฒนธรรมแนวใหม่ เพื่อดึงดูดเงินจากชาวโลกก็เป็นไปได้ เพราะดูจากเทรนด์ภายในประเทศที่แบรนด์สินค้าต่างๆเริ่มออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ 12 ราศี ปีเกิดและโชคดี ซึ่งก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ขณะที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินสําหรับคุณค่าทางอารมณ์มากขึ้นและเป็นแนวโน้มเดียวกันทั่วโลกตามข้อมูลจาก Grand View Research คาดว่าตลาดผลิตภัณฑ์และบริการทางจิตวิญญาณจะเติบโตจาก 180.18 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 249.03 พันล้านดอลลาร์ในปี 2032 กรณีเน็ตไอดอลและธุรกิจด้านความเชื่อที่ประสบความสําเร็จเกือบทั้งหมดในปัจจุบันใช้แพลตฟอร์ม TikTok และ Instagram เพื่อสร้างเทรนด์ระดับโลก

กลับมามองไทยต้องบอกว่าเศรษฐกิจสายนี้มีมานานและหยั่งรากฝังลึกในสังคมเป็นอย่างมาก เพราะไทยคือสังคมแห่งความเชื่อและอาจรวมถึงความเชื่องมงาย หากเราดูในบริบทของจีนแล้วอาจจะต้องคิดกันว่าจะทำยังไงให้เศรษฐกิจสายมูของไทย มีมาตรฐาน ไปไกลระดับโลก มีรูปแบบที่สร้างสรรค์ และมีภาพลักษณ์ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้.


กำลังโหลดความคิดเห็น