MGR Online: การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่เก่าแก่หลายร้อยปีบางแห่งต้องถึงกาลอวสาน แต่เทคโนโลยีก็สามารถฟื้นชีพธุรกิจที่เคยถูกดิสรับชั่นให้กลับมาอีกครั้งได้เช่นกัน
งาน ฮ่องกง อิเล็กทรอนิกส์ จัดโดย องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง หรือ HKTDC ในปีนี้ มีแนวโน้มที่ชัดเจน คือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และหุ่นยนต์ ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในแทบทุกอย่าง ตั้งแต่อุตสาหกรรม ถึงชีวิตของคนทั่วไป
ภายในงาน มีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากทั้งแบรนด์ใหญ่ชั้นนำระดับนานาชาติ ไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ด้วยไอเดียสร้างสรรค์
แบรนด์ใหญ่ 2 แบรนด์ที่เคยยิ่งใหญ่ระดับโลก แต่ต้องล้มลงจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี วันนี้ได้ใช้เทคโนโลยีมาฟื้นฟูธุรกิจ และได้กลับมาอีกครั้งในงานที่ฮ่องกง
แบรนด์แรกก็คือ โกดัก ที่แต่ก่อนผลิตฟิล์มถ่ายรูป แต่ต่อมาก็ถูกดิสรับชั่นไปโดยกล้องดิจิทัล และสมาร์ทโฟน ตอนนี้ โกดัก หันมาผลิต กรอบรูปอัจฉริยะ โดยกรอบรูปแบบนี้จะคล้าย ๆ กับคอมพิวเตอรแท็บเล็ต ที่แขวนไว้ที่ผนังหรือตั้งโต๊ะก็ได้ โดยรูปภาพจะเปลี่ยนไปตามที่เราต้องการ และยังใช้บอกเวลาแทนนาฬิกา บอกสภาพอากาศ เล่นเพลง และวิดีโอตามบรรยากาศในแต่ละช่วงเวลา และในอนาคตก็จะเพิ่มฟังก์ชั่นให้ใช้ควบคุมระบบไฟในบ้านแบบสมาร์ทโฮมได้ด้วย
พนักงานบอกว่า กรอบรูปอัจฉริยะแบบนี้ขายดีมากในแถบยุโรป
โกดัก เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ผลิตและจำหน่ายวัสดุ คมีภัณฑ์ และบริการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ มีความเป็นมายาวนานกว่า 130 ปี แต่เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้โกดักล้มละลายลงในปี 2555 และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนี่เองก็อาจจะทำให้ โกดัก ฟื้นฟูบริษัทขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยนอกจาก กรอบรูปอัจฉริยะ แล้ว โกดักยังหันมาผลิตหน่วยความจำ และอุปกรณ์บันทึกข้อมูล เช่น ไดร์ฟแบบพกพา, การ์ดบันทึกข้อมูล ด้วย
อีกแบรนด์หนึ่งที่พลิกฟื้นได้จากเทคโนโลยีก็คือ AIWA คนรุ่นปี 1970-80 จะรู้จักแบรนด์จากญี่ปุ่นนี้เป็นอย่างดี เพราะว่าผลิตของยอดฮิตในสมัยวัยรุ่น คือ เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทแบบพกพาที่เรียกกันว่า ซาวอะเบาท์ หรือถ้าเป็นของฝั่งโซนี่จะเรียกว่า Walkman โดย AIWA ก็ถูกดิสรับเช่นกัน เพราะผู้คนหันไปฟังเพลงแบบดิจิทัล
AIWA เคยเป็นคู่แข่งของโซนี่ แต่ต่อมาก็ถูกโซนี่ซื้อไป แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องยุติการผลิตสินค้าแบรนด์ AIWA ตั้งแต่ปี 2551 และหลังจากนั้น AIWA ก็แยกตัวออกจากโซนี่ และต่อมาก็ขายแบรนด์ให้กับบริษัทอเมริกัน แต่ว่าทุกวันนี้ พวกเราก็แทบจะไม่เห็นผลิตภัณฑ์ของ AIWA กันเลย
ตอนนี้ AIWA กลับมาอีกครั้ง สินค้าขายดีก็คือ ลำโพง หูฟัง เพราะว่า ถึงเราจะฟังเพลงจากไฟล์ดิจิทัลก็ต้องใช้ หูฟัง และยังมีผลิตภัณฑ์ที่คาดไม่ถึงก็คือ เครื่องเล่นแผ่นเสียง
คนแนะนำผลิตภัณฑ์ AIWA เนฝรั่งชาวเยอรมัน บอกว่า ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ฟังเพลงแบบดิจิทัลก็จริง แต่ว่าในยุโรป มีกระแส retro หวนคืนวันเก่า ๆ มีการใช้เทคโนโลยีทำให้แผ่นเสียงมีคุณภาพเสียงดีมาก นักร้องดัง ๆ ก็ออกแผ่นเสียง และเครื่องเล่นแผ่นเสียงดีไซน์ใหม่ ก็กลายเป็น ‘แรร์ไอเท็ม’ ราคาแพง
หุ่นยนต์ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่อีกอย่างที่นับวันจะใกล้ชิดกับเรามากขึ้น จากแต่ก่อนที่หุ่นยนต์ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกวันนี้ หุ่นยนต์ก็ถูกประยุกต์ใช้กันในครัวเรือนได้ด้วย
คุณ สืออวี่ จากบริษัท Daimon Robotics ผู้ผลิตหุ่นยนต์จากประเทศจีน พูดได้น่าสนใจมากว่า ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงเอไอและหุ่นยนต์ ผู้คนมักจะกลัวกันว่า หุ่นยนต์จะมาทำงานแทนมนุษย์ แต่บริษัทของเธอต้องการให้หุ่นยนต์มาช่วยงานมนุษย์ ไม่ใช่มาทดแทนมนุษย์ โดยหลักการที่สำคัญ คือ ต้องให้หุ่นยนต์สัมผัส รับรู้ และเชื่อมโยงกับวัตถุในชีวิตประจำวันได้
ผู้ผลิตหุ่นยนต์จากจีน ยกตัวอย่างว่า ในภาคอุตสาหกรรม หุ่นยนต์สามารถจับชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่บอบบางจนมือมนุษย์จับไม่ได้, ทำงานซ้ำๆ ซากๆ หรือ งานที่อันตรายแทนมนุษย์ ส่วนในชีวิตประจำวัน หุ่นยนต์สามารถยกแก้วน้ำร้อน ๆ ให้กับผู้สูงอายุได้ โดยไม่ลวกมือ และก็ไม่บีบจนแก้วแตก ขณะเดียวกันก็จับชีพจร วัดการเต้นของหัวใจ ตรวจสุขภาพของผู้สูงอายุไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย
ทุกวันนี้ หลายประเทศต่างแข่งกันดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น หุ่นยนต์,เซมิคอนดักเตอร์, เอไอ แต่ที่จริงแล้ว
ประเทศไทยอาจไม่จำเป็นต้องบุกเบิกเทคโนโลยีเหล่านี้ แต่เราต้องมี ไอเดีย ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับอุตสาหกรรมที่เราถนัด และมีความได้เปรียบ เช่น การเกษตร การรักษาพยาบาล การท่องเที่ยว รวมถึงอุตสาหกรรมบันเทิง ซอฟพาวเวอร์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทวอช ที่เรานิยมใส่กันตอนนี้ มีข้อมูลสุขภาพที่เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลได้, เจ้าแห่งซอฟพาวเวอร์อย่าง เกาหลีใต้ ที่ใช้ AI ทำให้ทุกคนสร้างอนิเมชั่นในเรื่องราวของตัวเองได้, หรือว่า ญี่ปุ่น ที่ใช้หุ่นยนต์มาดูแลผู้สูงอายุ, มีไม้เท้า AI ช่วยให้ผู้สูงวัยเดินทางไปที่ต่าง ๆ และทำกิจกรรมได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ถ้าประเทศไทยเราทำได้ ก็จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้อีกมาก.


