โกลด์แมนแซกส์รายงานว่า แม้เศรษฐกิจจีนยังคงซบเซามานานหลายปี แต่บริษัทชั้นนำสายเลือดมังกรที่สร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำทั่วโลกก็กำลังกลายเป็นตัวขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดให้เศรษฐกิจจีนเติบโตและอาจปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจแดนมังกรก็เป็นได้
ตามการวิเคราะห์ของวาณิชธนกิจอเมริกันแห่งนี้ ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนของจีนมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 16% ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 14% ในปี 2561แม้ต่ำกว่าบริษัทในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีค่าเฉลี่ยประมาณ 50% แต่ก็คาดว่าบริษัทจีนจะมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นราว 0.6 % ต่อปี
เมื่อมีกำไรเพิ่มขึ้นจากบริษัทสาขาในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GNP) อาจแซงหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) ในที่สุด เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่น หลังจากฟองสบู่สินทรัพย์แตกในช่วงทศวรรษ 1990
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากรายได้ของบริษัทจีนขึ้นอยู่กับแนวโน้มการบริโภคทั่วโลกมากขึ้น ขณะที่พึ่งความต้องการบริโภคในประเทศน้อยลง
โกลด์แมนแซกส์เน้นย้ำถึงกลุ่มบริษัทชั้นนำ 25 แห่งจาก 12 อุตสาหกรรม ที่มีรายได้ในต่างประเทศประมาณ 34% โดยเฉลี่ยแล้วหุ้นของบริษัทเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงอาลีบาบา บีวายดี และพีดีดีโฮลดิ้งส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 40% นับตั้งแต่ต้นปี
การวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซกส์พิจารณาจากสภาพการณ์ที่ว่า จีนมิได้ส่งออกสินค้าอย่างที่เรียกกันว่า “ เมดอินไชน่า” ซึ่งเน้นการส่งออกสินค้าราคาถูกในปริมาณมากสำหรับผู้บริโภคตะวันตกเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นสินค้าบริการ, เทคโนโลยี, ทรัพย์สินทางปัญญาและวัฒนธรรม ครอบคลุมตั้งแต่ของเล่นและเฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และแผงโซลาร์เซลล์
นอกจากนั้น สินค้าของจีนยังคงมีราคาที่สามารถแข่งขันได้โดยมีส่วนลด 15% ถึง 60% เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับโลก
ในสหรัฐฯ ผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับธุรกิจน้องใหม่ของจีนมากขึ้น เช่น ป๊อปมาร์ต ( Pop Mart ) ผู้ผลิตตุ๊กตาลาบูบู้ แบรนด์กาแฟลักกิ้นคอฟฟี่ ( Luckin Coffee) และเตมู ( Temu ) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ บริษัทของจีนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งออกสินเท่านั้น แต่ยังส่งออกโมเดลธุรกิจดิจิทัลของจีนไปยังต่างประเทศอีกด้วย
การเพิ่มการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศอย่างมีกลยุทธ์ของจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเกิดใหม่และในประเทศที่เข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนยังทำให้บริษัทจีนสร้างความหลากหลายในห่วงโซ่อุปทาน สร้างกำลังการผลิตขยับใกล้กับตลาดปลายทางมากขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ
โกลด์แมนแซกส์ประเมินว่า การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% ของสหรัฐฯจะทำให้กำไรของบริษัทลดลงแค่ราว 10% ในระยะสั้น เพราะบริษัทจีนหลายแห่งได้กระจายห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลงเหลือแค่ราว 4% ของยอดขายทั้งหมด
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์


