xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: ทองคำกับความมั่นคงของจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประชาชนในจีนก็อยู่ในช่วง “ตื่นทอง” ตามความเชื่อประเพณีที่ว่า “ซื้อเข้าช่วงขาขึ้น ไม่ซื้อเข้าช่วงขาลง” (ภาพจากสื่อจีน)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล


ในช่วงนี้ราคาทองดีดตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะทองคำในประเทศไทยบางวันราคาดีดตัวขึ้นมาทีถึงหลักพันบาท ทำให้ทั้งสื่อและประชาชนทั้งในไทยและทั่วโลก เกิดปรากฏการณ์ "ตื่นทอง" กันทั่วหน้า ว่ากันว่าซื้อทองกันที่ราคาไหนช่วงนี้ไม่มีใครติดดอย  อีกนัยหนึ่งราคาทองที่พุ่งสูงขึ้นไปไม่มีหยุดขนาดนี้ก็สร้างความกังวลและหวาดกลัวต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่เช่นกัน หลายคนที่เห็นราคาทองพุ่งสูงรายวันแบบนี้คงคิดเหมือนผู้เขียนว่า โลกเรากำลังจะเกิดอะไรขึ้น? และกลับมากังวลต่ออนาคตตัวเองว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันหรือไม่ และต้องเตรียมรับมือกันอย่างไร

ปัจจุบัน ณ เวลาที่ผู้เขียนเขียนบทความชิ้นนี้อยู่ราคาทองคำในจีน (99.99%) ราคากรัมละ 940 หยวน หรือประมาณ 4,324 บาท (ทองคำแท่ง หนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม, ทองรูปพรรณ 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม)

ทองคำเป็นสินทรัพย์สำคัญทั้งในด้านมูลค่าและสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจ ภายใต้ความเสี่ยงรอบด้านในปัจจุบัน หลายประเทศรวมทั้งจีนเริ่มสะสมทองคำในเงินคงคลังประเทศกันมากขึ้น และผู้เขียนมองว่าไม่ใช่แค่ระดับประเทศ ทางฝั่งของประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกก็เริ่มสะสมทองคำกันมากขึ้นเช่นกัน (ทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยงและเก็งกำไร)

ด้านจีนในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมาสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางสื่อของตะวันตกบอกว่าจีนสะสมทองคำมีปริมาณมากกว่าที่ประกาศต่อสาธารณะ สำหรับจีนการสะสมทองคำเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการจัดการทุนสำรองระหว่างประเทศ นโยบายสกุลเงิน และการวางรากฐานเพื่อการสากลของสกุลเงินหยวน จีนเปลี่ยนมาเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ระดับโลกผ่านกลไกหลายอย่างซึ่งมีทั้งการผลิตในประเทศ และช่องทางนำเข้า

ตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายทองคำเซี่ยงไฮ้ เป็นตลาดกลางซื้อขายทองแห่งหลักของจีน (ที่มา เวยปั๋ว)
ในอดีต ทองคำในจีนถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหน่วยงานของรัฐ ตลาดเพื่อการซื้อขายสำหรับประชาชนทั่วไปยังไม่พัฒนามากนัก ปริมาณสำรองที่รายงานต่อสาธารณะก่อนยุคปี 2000 มีข้อจำกัดทั้งความโปร่งใสและความถี่ในการเปิดเผยข้อมูล จนกระทั่งการปฏิรูปทางการเงินและการเปิดตลาดในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ทำให้โครงสร้างตลาดทองคำในจีนเริ่มเปลี่ยนไป ก้าวสำคัญเกิดขึ้นเมื่อตลาดแลกเปลี่ยนทองคำเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Gold Exchange, SGE) ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 2002 โดยธนาคารกลางจีน ซึ่งเป็นการเปิดประตูให้การซื้อขายทองคำในประเทศมีสภาพคล่องและมาตรฐานมากขึ้น

ตลาดแลกเปลี่ยนทองคำเซี่ยงไฮ้ช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการค้านำเข้า-ส่งออก การตั้งราคาท้องถิ่น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่นสัญญาตลอดซื้อขายล้วงหน้า/สัญญาอ้างอิงเป็นสกุลหยวน ที่สำคัญคือตลาดแลกเปลี่ยนทองคำเซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในกลไกที่เอื้อต่อการสะสมทองคำของทั้งภาครัฐและเอกชนในจีน

ช่องทางการได้มาซึ่งทองคำของจีน มีสามช่องทาง ได้แก่


หนึ่ง.
การผลิตภายในประเทศ หรือการทำเหมืองทอง จีนเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก การขุดและแปรรูปทองจากแหล่งในประเทศเป็นแหล่งสำคัญที่ช่วยเติมปริมาณทองคำเข้าสู่ตลาดภายในและคลังสำรองของรัฐ รวมถึงการรีไซเคิลทองคำจากเครื่องประดับและของเก่า สอง. การนำเข้าและการค้าผ่านฮ่องกงรวมช่องทางอื่นๆ ในช่วงหลายปี การนำเข้าทองคำของจีนผ่านฮ่องกงและตลาดนอกชายฝั่งมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อนักลงทุนต่างชาติและผู้ผลิตส่งทองเข้าสู่จีนเพื่อขายและเก็บในคลังหรือแปลงเป็นเงินหยวน ผ่านตลาดแลกเปลี่ยนทองคำเซี่ยงไฮ้ สาม. การซื้อเชิงนโยบายโดยธนาคารกลางของประเทศ ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ธนาคารกลางจีนเริ่มเพิ่มการถือครองทองคำอย่างเป็นระบบ โดยการซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงที่เปิดเผยและบางช่วงที่มีการซื้อแบบเน้นเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งสะท้อนความตั้งใจลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐและเพิ่มความหลากหลายของทุนสำรอง

ที่ผ่านมา จีนเคยรายงานตัวเลขทองคำสำรองไม่บ่อยครั้งและไม่มีรายละเอียด บางช่วงก็มีการปรับตัวเลขที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดอยู่หลายครั้ง เหมือนข่าวในไทยที่ผ่านมาก็สนใจในประเด็นจีนถือครองทองคำกันมากอยู่เช่นกัน เช่น การเปิดเผยการเพิ่มขึ้นของทองคำในคลังของจีนในปี 2015 ซึ่งพุ่งสูงจากก่อนหน้านี้อย่างมาก สะท้อนนโยบายที่ชัดเจนขึ้นของจีน ในระยะหลังธนาคารกลางจีนมีการซื้อทองอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลสถิติเชิงปริมาณจากแหล่งต่างๆ ชี้ว่า ปริมาณทองคำสำรองทางการของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงหลังๆมานี้ การที่จีนสะสมทองอย่างต่อเนื่องซึ่งมีผลต่อราคาทองคำโลก และส่งสัญญาณเชิงนโยบายถึงนักลงทุนและประเทศต่างๆ ว่าจีนมีแนวโน้มกระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรสหรัฐ) สู่โลหะมีค่าเพิ่มเติม ในอนาคตหากจีนยังคงขยายการถือครอง ควบคู่กับการพัฒนาตลาดทองคำสกุลหยวนและโครงสร้างการเก็บรักษาที่กำลังจะเชื้อเชิญประเทศต่างๆมาเก็บทองคำในจีน ก็อาจมีบทบาทเปลี่ยนสมดุลในตลาดทองคำโลกได้มากขึ้น

ทองคำแท่งออกโดยธนาคารพาณิชย์ ICBC จีน และมีอีกหลายธนาคารออกผลิตภัณฑ์ทองคำแท่งเช่นกัน ประชาชนบางส่วนมั่นใจซื้อทองกับธนาคารมากกว่า (ที่มา เวยปั๋ว)
สำหรับเหตุผลหรือเบื้องหลังการสะสมทองคำของจีน ก็มีประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้

- กระจายความเสี่ยงของทุนสำรอง ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐและตราสารต่างประเทศ โดยการเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ช่วยต้านความเสี่ยง อย่าง ทองคำ

- ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง/ภูมิรัฐศาสตร์ ทองคำมักถูกนำออกมาใช้เป็นเครื่องมือ เมื่อความมั่นคงของระบบการเงินระหว่างประเทศสั่นคลอน

- ส่งเสริมความเป็นสากลของสกุลเงินหยวน การสร้างตลาดทองคำในสกุลหยวน และการมีคลังทองคำที่รองรับการใช้สกุลเงินหยวนในตลาดระหว่างประเทศ ช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะยาวของจีนในการทำให้หยวนเป็นสกุลเงินสากลมากขึ้น

- สร้างอุตสาหกรรมภายในและควบคุมห่วงโซ่อุปทาน การมีตลาดแลกเปลี่ยนทองคำในเซี่ยงไฮ้ และโครงสร้างการเก็บทองคำในประเทศช่วยให้จีนควบคุมคุณภาพ มาตรฐาน และการไหลของโลหะมีค่าได้ดีขึ้น

จากข้อสถิติล่าสุดที่ประกาศ ณ เดือนก.ย.ปี 2025 ปริมาณทองคำสำรองของจีนอยู่ที่ 74.06 ล้านออนซ์ (ประมาณ 2,303.523 ตัน) จีนได้เพิ่มการถือครองทองคำต่อเนื่องเป็นเวลา 11 เดือนติดต่อกัน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มการสำรองทองคำต่อเนื่องไปอีก ปัจจุบันทองคำสำรองของจีนคิดเป็น 6.5% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมด

ตลาดสุ่ยเป้ย ในเมืองเซินเจิ้น  เป็นตลาดค้าส่งทองคำรูปพรรณแห่งใหญ่ที่สุดในจีน (ภาพจากสื่อจีน)
ฝั่งของประชาชนจีนก็อยู่ในช่วง “ตื่นทอง” ตามความเชื่อประเพณีที่ว่า “ซื้อเข้าช่วงขาขึ้น ไม่ซื้อเข้าช่วงขาลง” (买涨不买跌 ) ยิ่งภาวะดอกเบี้ยต่ำ ราคาบ้านตกต่ำ ตลาดหุ้นก็ผันผวนสูง ความเสี่ยงขาดทุนมีมากกว่ากำไร ทำให้ประชาชนจีนที่ชอบซื้อทองกันอยู่แล้ว ช่วงนี้ยิ่งถอนเงินมาซื้อสะสมกันมากขึ้นไปอีก แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำของจีนออกมาเตือนแล้วเหมือนกัน ถึงสถานการณ์ตลาดทองที่ไม่ปกติ และอย่าเอาความหวังทั้งหมดไปฝากไว้กับทองคำ (เห็นด้วยกับการมีทองคำเอาไว้บ้างเพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ทุ่มเงินทั้งหมดไปที่ทองคำ)

โดยมีความคิดเห็นที่ว่า “คุณอาจจะเดิมพันถูกว่าทองจะขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน งานของคุณหรือสินทรัพย์อื่นๆ ของคุณ อาจกำลังเผชิญกับความเสี่ยงเชิงระบบที่ใหญ่กว่าและรอการปะทุ” เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็มีช่วงที่ทองพุ่งแรงขึ้นไปมากๆแล้วถูกทุบราคาลงมา และคงตัวอยู่กว่าสิบปี มีชาวจีนตื่นทองติดดอยกันเป็นสิบปี หลายคนกลัวว่าราคาทองจะสวิงลงกลับไปเป็นแบบนั้นอีก อีกอย่างสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ไม่ได้ไปเช่าเซฟธนาคารแต่นำทองคำแท่งเก็บไว้ในบ้าน ก็ต้องมีความระแวง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแบบนี้ก็นับเป็นต้นทุนที่แพงอยู่เช่นกัน


จากสภาพการณ์ในปัจจุบัน ทองคำคือความมั่นคงของจีน ไม่ใช่แค่กับภาครัฐ แต่กับภาคเอกชนและประชาชน ทองคำก็ยังเป็นหลักประกันความมั่นคงเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีสินทรัพย์ใดในโลกที่เป็นตัวกลางและเป็นหลักประกันมูลค่าได้ดีเท่าทองคำแล้ว (มูลค่าเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลก ธนาคารกลางแห่งชาติของทุกประเทศทั่วโลกยอมรับ)


กำลังโหลดความคิดเห็น