ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนปะทุขึ้นอีกครั้ง ชาติทั้งสองจะกลับมาตกลงกันได้ทันหรือไม่ ก่อนที่การพักรบสงครามภาษีจะหมดอายุลงในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนยกระดับควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก โดยขยายครอบคลุมถึงสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ธาตุหายาก เป็นการงัดกลยุทธ์มาตอบโต้มาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐฯ หลังจากเมื่อเดือนกันยายนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศขยายขอบเขตการควบคุมการส่งออก ซึ่งเป็นการปิดช่องโหว่มาตรการในปัจจุบันเพื่อสกัดไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงได้
แม้ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ ( 12 ต.ค.) กระทรวงพาณิชย์จีนมิได้ระบุตรง ๆ ว่า เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ แต่ก็กล่าวว่า หลังจากการเจรจาการค้าทวิภาคีที่กรุงมาดริดเมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐฯก็ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาเล่นงานจีน เช่น การขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนและการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือกับเรือสินค้าของจีน อีกทั้งจีนยกระดับควบคุมก็เนื่องมาจากความกังวลว่าจะมีการนำแร่ธาตุหายากมาใช้ในทางทหารในช่วงเวลาที่ "เกิดความขัดแย้งทางทหารขึ้นบ่อยครั้ง"
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ตอบโต้ทันทีด้วยการขู่ยกเลิกการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ซึ่งจะนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองจะได้พบปะพูดคุยกันในรอบ 6 ปี นอกจากนั้น ทรัมป์ยังประกาศแผนการที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2 เท่าเป็น 100 % พร้อมทั้งควบคุม "ซอฟต์แวร์สำคัญๆ ทั้งหมด" อย่างเข้มงวด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวของจีนเป็นการขีดเส้นแดงอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ เล่นงานจีนฝ่ายเดียวอีกต่อไปและยังแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับเงื่อนไขการพักรบที่นครเจนีวาเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องลดภาษีนำเข้าจากที่เคยขัดแย้งทางการค้ากันอย่างรุนแรงจนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้กันสูงถึง 145%ในเดือนเมษายน
ฝ่ายสี จิ้นผิงอาจมองว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็น “การแช่แข็ง” มาตรการใหม่ ๆ ของสหรัฐฯเกี่ยวกับการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงและการขึ้นบัญชีดำบริษัทจีน ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ ดูเหมือนจะมองว่าการพักรบครั้งนี้เป็นเพียงการลดภาษีนำเข้าเพื่อแลกกับการผ่อนคลายมาตรการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีน
เมื่อเดือนที่แล้ว นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายจะจัดการเจรจาทวิภาคีรอบใหม่ที่นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
ด้านหู สีจิ้น อดีตบรรณาธิการบริหารของโกลบอลไทมส์ สื่อทางการจีน กล่าวถึงการแตกหักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่าเป็น "จุดเปลี่ยน" ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เมื่อจีนใช้แร่ธาตุหายาก ซึ่งจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ เป็นอำนาจต่อรอง เพื่อยับยั้งการควบคุมการส่งออกชิปของอีกฝ่าย หลังจากรัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีนหลายครั้งในปีนี้ โดยที่ไม่ได้ปรึกษาจีนเลย ดังนั้นจีนจะใช้ความแข็งแกร่งที่มีอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ล้ำเส้น
ที่มา : รอยเตอร์/บลูมบิร์ก