หลังจากเคยเป็นข่าวโด่งดัง จีนมีการปลูกถ่ายตับหมูดัดแปลงพันธุกรรมให้กับผู้ป่วยสมองตายคนหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2567 และไม่พบสัญญาณว่าร่างกายปฏิเสธอวัยวะแปลกปลอม
อีกไม่นานต่อมา คณะแพทย์ของจีนก็ได้ก้าวล้ำไปอีกขั้น
มีการปลูกถ่ายตับหมูให้กับชายวัย 71 ปี และผู้ป่วยสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน 171 วัน โดยที่มีอวัยวะของหมูอยู่ในร่างกายเป็นเวลา 38 วัน
นับเป็นผลการศึกษาวิจัยใหม่ล่าสุดในวงการแพทย์และตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในวารสารโรคตับ ( Journal of Hepatology ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รายงานได้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการปลูกถ่ายตับจากหมูสู่คนนั้นมีแนวโน้มว่าอาจช่วยเหลือผู้ป่วยโรคตับให้มีชีวิตอยู่ได้นานพอที่จะฟื้นฟูตับของตนเองได้ หรือจนกว่าจะมีการบริจาคตับของมนุษย์ให้
คณะแพทย์โรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยการแพทย์อันฮุย ซึ่งเคยทำการทดลองเมื่อเดือนมีนาคม 2567 ต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ได้มีการปลูกถ่ายตับหมู ซึ่งนำมาจากหมู อายุ 11 เดือน เกิดจากการโคลนนิ่งและมีการตัดแต่งยีน 10 ครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือการปฏิเสธอวัยวะ
ชายผู้นี้เป็นโรคตับแข็งจากไวรัสตับอักเสบบี นอกจากนั้น ยังมีเนื้องอกขนาดใหญ่ที่กลีบตับด้านขวา รักษาด้วยเคมีบำบัดไม่ประสบผลสำเร็จ
ผู้ป่วยลักษณะนี้ในบางกรณีศัลยแพทย์สามารถตัดเนื้อตับบางส่วนออกไป แต่สำหรับผู้ป่วยคนดังกล่าวคณะแพทย์เห็นว่า ถ้าตัดออกไป อาจเหลือตับไม่พอสำหรับความต้องการในการเผาผลาญของร่างกาย
การปลูกถ่ายตับหมูเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ หลังจากเขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจากเนื้องอก ซึ่งอาจแตกได้ทุกเวลาและทางครอบครัวไม่สามารถบริจาคเนื้อเยื่อตับได้ เพราะผลการตรวจพบว่าไม่เข้ากันได้กับของผู้ป่วย
การผ่าตัดจึงเริ่มขึ้นเพื่อนำเนื้องอกออกไปและปลูกถ่ายตับหมูเข้าเข้าไปในตับที่เหลืออยู่ของชายคนดังกล่าว
ในทันทีที่ตับหมูเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำดี ซึ่งช่วยกำจัดของเสียและช่วยในการดูดซึมไขมันก็เริ่มทำงาน ตัวบ่งชี้การทำงานอื่น ๆ ของตับ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และไม่มีสัญญาณของการอักเสบหรือการต่อต้าน หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายผ่านมา 10 วัน
นอกจากนั้น ตับที่เหลืออยู่ด้านซ้ายของผู้ป่วยดูเหมือนทำงานได้ดีกว่าในช่วงก่อนการผ่าตัด การไหลเวียนของเลือดในตับหมูปลูกถ่ายก็เป็นปกติ
แต่ภายหลังจากวันที่ 25 ก็เริ่มไม่ค่อยดี โดยผู้ป่วยเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดฝอย อันเป็นผลจากการปลูกถ่ายอวัยวะจากสัตว์ต่างชนิด (xenotransplantation-associated thrombotic microangiopathy)
ในวันที่ 37 ความดันโลหิตของผุ้ป่วยตกฮวบฮาบ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เขามีอาการรู้สึกตัวสลับกับอาการหมดสติ ขณะนั้นคณะแพทย์วินิจฉัยว่า ตับของผู้ป่วยเองพอจะทำงานเพื่อให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายดำเนินต่อไปได้แล้ว จึงนำตับหมูออกในวันที่ 38
ตับของเขายังคงทำงานได้ดี จนกระทั่งในวันที่ 135 เกิดมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนบน ในวันที่ 171 ภายหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายผู้ป่วยก็เสียชีวิตจากภาวะเลือดออกนี้
ผลการทดลองได้ชี้ให้เราเห็นถึงสาเหตุที่ทำให้ยังต้องมีความระมัดระวัง แม้เราจะมองโลกในแง่บวกก็ตาม อีกทั้งเป็นการเตือนใจว่าการแพทย์สาขานี้ยังต้องพัฒนาอีกไกลแค่ไหน
ดร. ไฮเนอร์ เวเดอไมเยอร์ ศาสตราจารย์และประธานภาควิชาโรคทางเดินอาหาร โรคตับ โรคติดเชื้อ และต่อมไร้ท่อที่โรงเรียนแพทย์ฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนีให้ข้อคิดดังกล่าวในบทบรรณาธิการที่เขาร่วมเขียนในวารสารโรคตับฉบับที่ตีพิมพ์รายงานผลการศึกษาชิ้นนี้
ดร. เป่ยเฉิง ซุน ประธานโรงพยาบาลในเครือแห่งแรกของมหาวิทยาลัยการแพทย์อันฮุยและเป็นผู้ร่วมเขียนงานวิจัยคาดว่า ผลจากการวิจัยครั้งนี้จะทำให้ในอนาคตผู้คนจะคิดต่างไปจากเดิมที่เคยมองว่าการปลูกถ่ายตับหมูในคนมีความซับซ้อนยิ่งกว่าการปลูกถ่ายไตและหัวใจของหมู เขาเห็นว่า ถ้าทำให้หมูมียีนของมนุษย์มากขึ้น การปลูกถ่ายตับหมูก็ยิ่งส่งผลดี
“ มันเป็นความแปลกใหม่อย่างแท้จริง” เวเดอไมเยอร์กล่าวกับ CNN “สำหรับผมในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายตับ มันเปิดมุมมองและแนวคิดใหม่ๆ เลยทีเดียว ”
ทั้งนี้ กรณีการปลูกถ่ายตับหมูให้กับผู้ป่วยสมองตายในจีนเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2567 แพทย์ได้ผ่าตับหมูออกมาตามคำร้องขอของทางครอบครัว หลังจากการผ่าตัดผ่านมา 10 วัน
ข้อมูล : CNN