โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
แนวคิด “ดิจิทัลหยวน” หรือ e-CNY (Digital Currency Electronic Payment: DCEP) เริ่มเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2014 เมื่อธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางของจีน (PBoC) จัดตั้งคณะทำงานวิจัยสกุลเงินดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อยกระดับระบบการชำระเงิน ลดการพึ่งพาระบบดอลลาร์สหรัฐ และควบคุมเสถียรภาพทางการเงินในยุคดิจิทัล จีนหันมาผลักดันหยวนดิจิทัลโดยมีแรงผลักดันสำคัญคือ การเติบโตของ Alipay และ WeChat Pay ที่ทำให้เอกชนควบคุมตลาดการชำระเงินในประเทศกว่า 90% ต่อมาคือความกังวลเรื่องการฟอกเงินและธุรกรรมผิดกฎหมายในระบบเงินสด เมื่อเงินในระบบเปลี่ยนเป็นดิจิทัลทั้งหมดจะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ทั้งหมด อีกทั้งอุดช่องว่างการคอรัปชั่นและฟอกเงินทั้งในและระหว่างประเทศได้มีประสิทธิภาพ ต่อมาคือ ความฝันระยะยาวของจีนในการทำให้ “หยวน” ก้าวสู่สกุลเงินสากล ท้าทายสถานะ “ดอลลาร์” ในปัจจุบัน
หลังจากหลายปีของการวิจัยและทดลองฯ จีนได้เริ่มโครงการนำร่อง e-CNY ในปี 2020 ครอบคลุมเมืองใหญ่ เช่น เซินเจิ้น ซูโจว ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ โดยมีการแจก “เงินดิจิทัล” ผ่านช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนทดลองใช้ในร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในปัจจุบัน มีการเปิดใช้แอป e-CNY อย่างเป็นทางการ เชื่อมโยงกับธนาคารพาณิชย์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การชำระเงินด้วย e-CNY เริ่มขยายตัวในระบบขนส่งสาธารณะ ร้านสะดวกซื้อ และธุรกรรมออนไลน์ สังเกตได้จากสัญลักษณ์ e-CNY ที่ร้านค้าต่างๆ นอกจากนั้นธนาคารกลางจีนพยายามผลักดันการใช้ e-CNY ในกิจกรรมระหว่างประเทศ เช่น การค้าข้ามพรมแดนกับฮ่องกง รัสเซีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่อย่างไรก็ตามในมุมของประชาชน อัตราการใช้งานจริงของ e-CNY ยังถือว่าจำกัดและยังไม่ได้รับความนิยม เมื่อเทียบระบบชำระเงินผ่านของอาลีเพย์และวีแชทเพย์ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว อาจจะเพราะว่าออฟชั่นการใช้งานในอาลีเพย์และวีแชทเพย์ มีหลากหลายและครอบคลุมบริการความต้องการในชีวิตเกือบแทบทั้งหมด ดังนั้นการเปลี่ยนไปใช้แอป e-CNY น่าจะเป็นเรื่องยากและคงต้องใช้เวลา
หน่วยงานรัฐในจีนเคยออกข่าวว่าให้เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐเป็นดิจิทัลหยวนเพื่อนำไปใช้จ่ายและสามารถโอนเข้าบัญชีตัวเองที่ใช้ประจำเพื่อถอนเงินสดออกมาได้ แต่ยังไม่ค่อยจะได้ยินข่าวหน่วยงานเอกชนจีนที่จ่ายเงินเดือนพนักงานเป็นดิจิทัลหยวน ในกลุ่มของประชาชนที่อยากสงวนข้อมูลทางการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับดิจิทัลหยวนนัก เพราะการที่เงินเข้าไปในระบบดิจิทัลกลาง 100% ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป รัฐบาลจะสามารถล้วงข้อมูลการเงินประชาชนทุกคนได้อย่างหมดเปลือก อีกกลุ่มคือพวกนักธุรกิจที่ไม่ค่อยอยากจะใช้เงินดิจิทัลเพราะอาจจะไม่สามารถหลบเลี่ยงภาษีได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐส่วนหนึ่งอาจจะไม่ชอบฯแต่แสดงออกไม่ได้ เพราะถ้าเงินอยู่ในระบบดิจิทัลกลางทั้งหมดจะทำให้การคอรัปชั่นทำได้ยาก เป็นต้น
ดิจิทัลหยวนถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานการเงินแห่งอนาคตของจีน ในประเทศจะช่วยให้รัฐบาลควบคุมข้อมูลการเงินแบบเรียลไทม์ เก็บภาษีและนโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเงินระหว่างประเทศจีนหวังใช้ดิจิทัลหยวนเป็นเครื่องมือ ลดการพึ่งพาระบบการชำระเงิน SWIFT และดอลลาร์ โดยเฉพาะในบริบทสงครามการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญมาก e-CNY อาจถูกบูรณาการเข้ากับ AI, IoT และ Metaverse เพื่อสร้างเศรษฐกิจไร้เงินสดสมบูรณ์แบบในอนาคต
เมื่อไม่นานมานี้จีนได้ก่อตั้ง Digital RMB / e-CNY International Operation Center ในเมืองเซี่ยงไฮ้ (数字人民币国际运营中心) หรือศูนย์ปฏิบัติการระหว่างประเทศสำหรับดิจิทัลหยวน ศูนย์นี้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิทัล ภายใต้ธนาคารกลางจีนและจะเป็นหน่วยงานหลักในการสร้าง/ดำเนินโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดนสำหรับ e-CNY ของจีน
ศูนย์ฯได้เปิดตัวสามแพลตฟอร์มพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานระหว่างประเทศของ e-CNY ได้แก่
1. แพลตฟอร์มการชำระเงินข้ามพรมแดน ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคอขวดของการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบเดิม และอำนวยความสะดวกให้การชำระเงินระหว่างประเทศด้วย e-CNY
2. แพลตฟอร์มบริการบล็อกเชน ให้บริการเชื่อมโยงและแปลงข้อมูลข้ามเชน (cross-chain) และรองรับการชำระเงินบนเชนตามมาตรฐานที่กำหนด
3. แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้าง/จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงการเงิน (financial-grade digital asset services) และการขยายงานสู่การเงินบนเชน
เป้าหมายของศูนย์แห่งนี้คือ ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทดลองและขยายการใช้งาน e-CNY ข้ามพรมแดนเพิ่มความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างประเทศ และผลักดันการเชื่อมต่อกับโครงข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศอื่นๆปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงินระหว่างประเทศ ในระยะยาวต้องการสนับสนุนหยวนให้ขึ้นไปในระดับสากลและในโลกดิจิทัล ลดความพึ่งพาระบบที่ขับเคลื่อนด้วยดอลลาร์ ตลอดจนพัฒนาการใช้งานใหม่ๆ เช่น การเงินการค้าแบบใหม่และการชำระเงินระหว่างเครือข่าย เป็นต้น เพื่อให้หยวนกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินหลักของระบบโลก
ธนาคารกลางจีนระบุว่าศูนย์จะสร้างและบริหารโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดนและโครงสร้างบล็อกเชน เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานการเงินภายในและต่างประเทศ และมีนโยบายหลักคือ “无损、合规、互通” หมายความว่า ไม่เสียหาย ถูกกฎหมายและเชื่อมต่อเชื่อมโยงได้ สำหรับธนาคารระหว่างประเทศและผู้ให้บริการชำระเงินจะมีโอกาสเชิงธุรกิจจากบริการชำระเงินข้ามพรมแดนที่เร็วขึ้น ค่าธรรมเนียมถูกลง และการเปิดตลาดบริการสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับสถาบันต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับบริษัทค้าขายระหว่างประเทศและผู้ส่งออก หากแพลตฟอร์มนี้ใช้งานได้จริงจะช่วยลดความซับซ้อนของกระบวนการรับเงินและการปิดบัญชีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับคู่ค้าที่ยอมรับ e-CNY และสำหรับผู้เล่นฟินเทค/บล็อกเชน มีโอกาสพัฒนาเครื่องมือเชื่อมต่อ (middleware), กระเป๋าเงิน (wallet) สำหรับการใช้งานระหว่างประเทศ และบริการสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงสถาบันได้มากยิ่งขึ้น
ผู้เขียนมองว่าขณะนี้จีนยังไม่เปิดให้มีการเข้าถึงตลาดคริปโต เพราะกังวลเรื่องการควบคุมระบบการเงินที่หากเปิดแล้วจะมีความเสี่ยงและช่องว่างมาก ควบคุมได้ยาก ดังนั้นจึงอยากจะรอให้ระบบดิจิทัลหยวนแข็งแกร่งและใช้ได้จริงก่อนถึงจะเริ่มเปิดตลาดคริปโต โดยอนาคตอาจจะอนุมัติให้มีการลงทุนในคริปโตได้ แต่มีเงื่อนไขต้องเป็นในสกุลเงินหยวนดิจิทัล ถ้าทำแบบนั้นรัฐบาลก็จะสามารถควบคุมตลาดได้ ลดความเสี่ยงได้เกือบรอบด้าน
ถ้าศูนย์ปฏิบัติการระหว่างประเทศสำหรับดิจิทัลหยวนนี้สร้างมาตรฐานได้รับการยอมรับจากธนาคาร/รัฐอื่นๆ อาจกลายเป็นข้อเสนอทางเทคนิคที่ให้หลายประเทศในภูมิภาคมาร่วมมือ เช่น ประเทศที่ร่วมมือในแถบหนึ่งเส้นทาง, เอเชียกลางและแอฟริกาบางส่วน จะช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกรรมระหว่างบริษัทระหว่างประเทศเร็วขึ้นและต้นทุนลดลง หากเชื่อมโยงกับระบบการค้าข้ามพรมแดนและการเงินพาณิชย์ และอาจจะเป็นที่ทดสอบสำหรับการออกสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงกฎเกณฑ์ (regulated digital assets) ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับสถาบันการเงินที่จะทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใต้กรอบที่รัฐกำกับได้
โอกาสที่เปิดกว้างก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เช่น ดิจิทัลหยวนอาจเผชิญแรงต้านจากประเทศตะวันตกที่หวั่นเกรงต่อการลดบทบาทของดอลลาร์และหากการเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป อาจทำให้ธนาคารพาณิชย์สูญเสียบทบาท และเกิดความผันผวนในตลาดการเงิน อีกประเด็นคือเรื่องความเป็นส่วนตัวซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นปัญหาค่อนข้างใหญ่ e-CNY อาจเปิดโอกาสให้รัฐจีนสามารถติดตามธุรกรรมทุกขั้นตอนได้
คำถามคือในภาคประชาชนภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อรัฐบาลจีนมากน้อยแค่ไหนที่พร้อมจะเปิดข้อมูลทั้งหมดให้รัฐบาลจีนเข้าถึงได้? ในอีกด้านหนึ่ง ดิจิทัลหยวนก็สร้างโอกาส เช่น ในเรื่องความมั่นคงทางการเงินและลดความเสี่ยงจากการถูกคว่ำบาตรและหากจีนสามารถสร้างมาตรฐานเทคโนโลยีและขยายสู่ประเทศพันธมิตรได้ ก็อาจจะแย่งชิงครองตลาดการชำระเงินดิจิทัลโลกได้เช่นกัน ต่อมาการเชื่อมโยง e-CNY กับ AI และบล็อกเชน จะทำให้จีนครองความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเงิน และสุดท้ายคือเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินและการบริหารเศรษฐกิจในสังคมไร้เงินสด
ดิจิทัลหยวนคือฝันของจีนคงจะพูดไม่ผิดนัก นโยบายต่างๆสะท้อนความพยายามในการสร้างระบบการเงินใหม่ของจีนเองที่ไม่ขึ้นกับตะวันตก แม้เส้นทางยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งด้านเทคโนโลยี ความเชื่อมั่น และภูมิรัฐศาสตร์ แต่หากจีนสามารถผลักดันได้สำเร็จ ดิจิทัลหยวนอาจกลายเป็น “เครื่องมือเปลี่ยนเกม” ในระเบียบเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ก็เป็นไปได้เช่นกัน