คิม อาริส (Kim Aris) บุตรชายคนเล็กของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยของเมียนมา ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ช่วยกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาให้ปล่อยตัวมารดาของเขา พร้อมชี้ว่า จีนเป็นประเทศที่มี “อิทธิพลสูงสุด” ต่อเมียนมา และจะได้ประโยชน์โดยตรงจากความมั่นคงในภูมิภาคนี้
นางออง ซาน ซูจี วัย 80 ปี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปี 2564 โดยไม่ได้รับอนุญาตให้พบใคร รวมถึงเจ้าหน้าที่จีน โดยอาริสเปิดเผยว่า “ไม่มีใครได้พบแม่ผมเลย...เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” พร้อมกล่าวว่า เขากังวลว่าแม่อาจเสียชีวิตในคุกจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย
อาริสกล่าวว่า “จีนก็อยากให้แม่ผมได้รับการปล่อยตัว พวกเขาเคยเรียกร้องเรื่องนี้แล้วตามแหล่งข่าวของผม” และว่า “จีนเองก็ต้องการเห็นเสถียรภาพและความมั่งคั่งในภูมิภาค เพราะสถานการณ์ในเมียนมากำลังสร้างปัญหาย้อนกลับไปยังจีนเอง”
เขายกตัวอย่างว่า ความไร้เสถียรภาพในเมียนมาทำให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งหลอกลวงออนไลน์และขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีพลเมืองจีนตกเป็นเหยื่อนับหมื่นราย โดยมีการประมาณว่าในปี 2566 มีผู้ถูกหลอกลวงและค้ามนุษย์เข้าไปในศูนย์หลอกลวงในเมียนมามากถึง 120,000 คน
ก่อนรัฐประหาร นางออง ซาน ซูจี และพรรค NLD มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจีน โดยเธอได้ต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในปี 2563 ซึ่งนำไปสู่การลงนามข้อตกลงร่วมกันถึง 33 ฉบับ เช่น โครงการท่าเรือน้ำลึกในรัฐยะไข่ เมืองใหม่ในย่างกุ้ง และการเร่งพัฒนาโครงการ “ระเบียงเศรษฐกิจจีน–เมียนมา” ภายใต้แผน Belt and Road Initiative
จีนยังเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของเมียนมา โดยในปีงบประมาณ 2567–2568 จีนลงทุนมากกว่า 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีกกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีงบประมาณ 2568–2569 ขณะเดียวกัน จีนยังนำเข้าแร่หายากจากเมียนมาคิดเป็น 57% ของปริมาณที่ใช้ทั้งหมดในประเทศ
อาริสกล่าวว่า แม้จีนจะไม่ได้พูดเรื่องสิทธิมนุษยชนในแบบตะวันตก แต่จีนก็ต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นถ้าเมียนมายังเดินหน้าการเลือกตั้งจอมปลอมในเดือนธันวาคมนี้ ที่มีพรรคการเมืองกว่า 40 พรรค รวมถึง NLD ถูกห้ามลงสมัคร
“การเลือกตั้งในสถานการณ์แบบนี้จะมีแต่ทำให้เมียนมายิ่งจมลงในความวุ่นวาย” อาริสกล่าว พร้อมย้ำว่า “การปล่อยตัวแม่ผมคือตัวแปรสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตเมียนมา”
เขาปิดท้ายว่า “จีนเองก็ต้องการสันติภาพในประเทศ ต้องการรัฐบาลที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ถ้าทุกฝ่ายยังปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้”
ที่มา กลุ่มสื่อต่างประเทศ/ แฟ้มภาพเอเอฟพี