“ เกอซัง ไป่เจิน ” เป็นนักบินหญิงจากทิเบตคนแรกของจีน
สาวหน้าใส วัย 25 ปีผู้นี้นำเครื่องบินขับไล่ทะยานขึ้นสู่เวหา เพื่อร่วมแสดงการบินในงานฉางชุนแอร์โชว์ ( Changchun Air Show) ซึ่งจัดขึ้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนระหว่างวันที่ 19-23 กันยายน 2568 ความสามารถของเธอจึงกลายเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย
สื่อจีนรายงานเกี่ยวกับประวัติชีวิตของเกอซังว่า เติบโตมาในครอบครัวชาวทิเบตและได้รับการตั้งชื่อจากแรงบันดาลใจเกี่ยวกับดอกไม้บนที่ราบสูงทิเบตและไข่มุกสีขาว
เรื่องราวของหลิว หยัง และหวัง หย่าผิง นักบินอวกาศหญิงของจีนจุดประกายให้เกอซังใฝ่ฝันเป็นนักบิน ขณะกำลังเรียนหนังสือในชั้นมัธยมศึกษา
ในไม่ช้าสาวน้อยจากทิเบตก็ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยการบินกองทัพอากาศ ซึ่งสร้างพื้นฐานด้านการบินให้จนแน่น
ในเดือนตุลาคม 2567 เกอซังผ่านการประเมินทั้งหมดและก้าวสู่การเป็นนักบินขับไล่ได้สำเร็จ
อาจารย์ผู้สอนยังให้ความเชื่อถือ เนื่องจากในการประเมินแต่ละครั้ง เกอซังติดอันดับสูงสุดมาโดยตลอด
ดอกไม้กลีบบางจากแดนทิเบตเล่าว่า การเป็นนักบินหญิงสำหรับเครื่องบินขับไล่หนัก ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล แต่มันก็ช่วยผลักดันให้เธอมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้า
“ ผู้ชายกับผู้หญิงมีสภาพร่างกายแตกต่างกัน ฉะนั้น ฉันจึงให้ความสำคัญกับสมรรถภาพทางกายมาโดยตลอด ตราบใดที่ฉันอยู่บนท้องฟ้า ฉันคือนักรบ”
เป้าหมายสูงสุดก็คือการปกป้องประเทศชาติ เกอซังกล่าว
กวงหมิงเดลีรายงานว่า นักรบหญิงบนท้องฟ้าผู้นี้ชอบเล่นกีฬาหลายประเภทและเล่นเก่งเสียด้วย ไม่ว่าจะเป็นบาสเก็ตบอล สเก็ตบอร์ด เต้นรำ และว่ายน้ำ
ด้านเกอซังยังเปิดเผยด้วยว่า มี “ตัน หงเหม่ย” เป็นไอดอลและเธออยากเป็น “ กัปตันหญิงที่สุดยอด” เหมือนตัน
ในวัย 46 ปี ตัน หงเหม่ยเป็นนักบินเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ ที่ยัง “เก๋า” สามารถขับเครื่องบินรุ่นต่างๆ 6 รุ่น และเข้าร่วมในพิธีสวนสนามที่กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนกันยายน
ขณะนี้เกอซังกำลังศึกษาต่อที่วิทยาลัยการบินซีอานของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน
“อนาคตของเราไร้ขีดจำกัด ตราบใดที่เราเชื่อมั่นในตนเอง เราย่อมทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ” เธอให้กำลังใจคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันเป็นนักบิน
ด้านชาวเน็ตต่างแสดงความชื่นชมเกอซังว่า มีความกล้าหาญ หน้าตาสะสวยและเป็นบุคคลที่น่าสนใจ
“ การเติบโตมาบนที่ราบสูง ต้องอดทนกับภาวะขาดออกซิเจนและอากาศหนาวจัดทำให้เธอแข็งแกร่งและกลายเป็นนกอินทรีไปแล้ว” ชาวเน็ตคนหนึ่งให้ความเห็น
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์