“ ความปลอดภัยของประเทศชาติขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราที่จะป้องกันตนเองในท่ามกลางภัยคุกคามจากการรุกรานของจีน” นี่คือประโยคเริ่มต้นของหนังสือคู่มือเล่มเล็กความยาว 29 หน้า ที่เผยแพร่โดยรัฐบาลไต้หวัน
เสิ่น เว่ยฉี ผู้อำนวยการหน่วยงานระดมพลป้องกันประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นกองหนุนของกระทรวงกลาโหมไต้หวันชี้แจงว่า รัฐบาลออกหนังสือคู่มือให้พลเมืองเตรียมตัวรับมือการรุกรานของจีนมิได้ประสงค์สร้างความตื่นตระหนก แต่การเตรียมความพร้อมเสียแต่เนิ่น ๆ จะทำให้เรายิ่งปลอดภัย
หนังสือคู่มือเล่มนี้นับเป็นเล่มที่ 3 ที่รัฐบาลเกาะมังกรน้อยเผยแพร่เตือนพลเมืองนับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา เนื้อหามุ่งเน้นมากขึ้นในเรื่องฉากทัศน์ของสงครามและสรุปภัยคุกคามต่าง ๆ ที่ชาวไต้หวันอาจเผชิญ เช่น การก่อวินาศกรรมสายเคเบิลการสื่อสารใต้ทะเล ซึ่งเรือจีนสร้างความเสียหายอยู่เป็นประจำ การใช้สมาร์ตโฟนค้นหาหลุมหลบภัย
หนังสือยังพูดถึงวิธีปฏิบัติตัวในยามคับขันอย่างละเอียด ถ้าอินเตอร์เน็ตถูกตัด ประชาชนจะเข้าถึงวิทยุได้อย่างไร การแยกความแตกต่างระหว่างสัญญาณเตือนการโจมตีทางอากาศกับสัญญาณเตือนภัยสึนามิ ถ้าอยู่ในพื้นที่ถูกโจมตี ควรไปยังห้องใต้ดินที่ใกล้สุด หรือถ้าติดอยู่ภายในอาคาร จงอยู่ห่างจากผนังและหน้าต่างภให้มากที่สุด คนที่ติดอยู่ภายนอกควรนอนคว่ำหน้า
นอกจากนั้น ยังมีส่วนที่พูดถึงวิธีจัดการกับข่าวปลอม เช่นฝ่ายศัตรูอาจปล่อยข่าวปลอมท่วมอินเตอร์เน็ตเพื่อทำลายขวัญ หรือข้าศึกปลอมตัวเป็นมิตร รวมถึงส่วนที่อธิบายวิธีจัดการกับความวิตกกังวล การดูแลสุขภาพจิต และวิธีพูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้วย
รัฐบาลของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อผลักดันให้เกิดการเตรียมความพร้อมของพลเมืองและความสามารถในการฟื้นคืนสู่ปกติของไต้หวัน หากพญามังกรบุกไต้หวันจริง ๆ
การเตรียมความพร้อมของไต้หวันยังเห็นได้จากการจัดการฝึกซ้อมทางทหาร ซึ่งมีชื่อรหัสว่าฮั่นกวง เป็นเวลา 10 วันเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ไต้หวันออกหนังสือคู่มือเล่มนี้ก่อนหน้าที่งานนิทรรศการเทคโนโลยีการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศแห่งไทเป (Taipei Aerospace & Defense Technology Exhibition) จะเปิดฉากขึ้นเพียง 2 วันคือในวันพฤหัสบดี ( 18 ก.ย.) โดยนิทรรศการในปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการจัดแสดงอาวุธและระบบใหม่ 52 รายการ รวมถึงขีปนาวุธสตรองโบว์ (Strongbow) ซึ่งเป็นขีปนาวุธรุ่นใหม่พร้อมแท่นยิง นอกจากนี้ยังมีโดรนพลีชีพรุ่นใหม่ เช่นอัลเทียส 600 ( ALTIUS 600) และ สวิตช์เบลด 300 (Switchblade 300) อีกด้วย
ที่มา : เดอะ เทเลกราฟ