แม้อินวิเดีย ( Nvidia) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาจะยินดีให้ความร่วมมือ หลังจากถูกสำนักบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีน (SAMR) กล่าวหา ว่า ละเมิดกฎการแข่งขันและกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน กรณีการเข้าซื้อกิจการบริษัทเมลลานอกซ์ เทคโนโลยีส์ (Mellanox Technologies) สัญชาติอิสราเอล
แต่ข้อกล่าวหาฉกรรจ์นี้ก็ทำให้อนาคตธุรกิจของอินวิเดียในตลาดแดนมังกรเกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากต้องเผชิญปัญหาเกี่ยวกับตลาดจีนไม่หยุดหย่อนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้วยอดขายทั้งหมดของอินวิเดียมาจากจีนถึง 13 %
ตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของจีน อินวิเดียอาจถูกปรับหนักถึงร้อยละ 10 ของยอดขายประจำปีในจีน
นี่ยังไม่นับรวมเงินที่อินวิเดียจะต้องควักกระเป๋าให้กับรัฐบาลชาติตัวเอง ในการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 15 ในจีนเพื่อแลกกับการได้รับใบอนุญาตส่งออกชิป H20 หลังจากชิปไอเอที่ปรับปรุงสำหรับจีนมาโดยเฉพาะรุ่นนี้เคยถูกรัฐบาลสหรัฐฯห้ามการส่งออกเมื่อเดือนเมษายน
ข้อกล่าวหาอินวิเดียเป็นผลจากการสอบสวนของ SAMR ในเบื้องต้น ซึ่งการสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป
อินวิเดียเข้าซื้อกิจการของเมลลานอกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์ ในปี 2563 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเอไอและคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์
จนกระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2567 จู่ ๆ จีนก็เปิดการสอบสวน เนื่องจากสงสัยว่าอินวิเดียมีการละเมิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่เคยให้ไว้กับจีนเมื่อครั้งเข้าซื้อเมลลานอกซ์
มองกันว่า จีนทำไปก็เพื่อตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เล่นงานจีนก่อนด้วยการออกมาตรการจำกัดไม่ให้จีนเข้าถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกส์ (GPU) ระดับไฮเอนด์ของสหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นสำหรับงานด้านเอไอของจีน
นอกจากอินวิเดียแล้ว ยังมีบริษัทเทคโนโลยี รายอื่นๆ ของสหรัฐฯ เช่นกูเกิล ก็ถูกจีนสอบสวนการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดด้วยเช่นกัน
การประกาศข้อกล่าวหาอินวิเดียเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) นักวิเคราะห์มองว่า ทำให้จีนมีอำนาจต่อรองในการเจรจาการค้ารอบที่ 4 กับสหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมาดริด ประเทศสเปนขณะนี้
นอกจากนั้น ยังเป็นการเตือนสหรัฐฯครั้งล่าสุดว่า หากยังคงควบคุมการส่งออกอย่างที่ทำมาหลายปีกับจีนต่อไป ก็จะเกิดผลตามมาและจีนก็พร้อมที่จะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทสหรัฐฯเช่นกัน เจิ้งหยวน ปั๋ว หุ้นส่วนของบริษัทวิจัยพลีนั่ม ( Plenum) ระบุ
เขามองด้วยว่า คำตัดสินเบื้องต้นของ SAMR น่าจะเป็นการตอบโต้รัฐบาลทรัมป์ หลังจากบริษัทจีน 23 แห่งถูกขึ้นบัญชีดำการค้าเมื่อวันศุกร์ ( 12 ก.ย.)
สำหรับประเด็นชิป H20 จนถึงขณะนี้อินวิเดียก็ยังไม่ได้ฤกษ์ส่งไปขายยังจีน เพราะรัฐบาลสหรัฐฯยังมิได้กำหนดกฎระเบียบในการจ่ายเงิน นอกจากนั้น เมื่อเดือนที่แล้ว เจนเซ่น หวง ซีอีโอของอินวิเดีย ยังถูกจีนเรียกไปสอบถามว่าชิปรุ่นนี้ฝังเทคโนโลยีหลบเลี่ยงระบบการรักษาความปลอดภัยของจีนหรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับอินวิเดียพิสูจน์ว่า กลยุทธ์การรุกตลาดจีนโดยใช้เสน่ห์ ความเป็นมิตร การเอาอกเอาใจของซีอีโออินวิเดียนั้นยังไม่เพียงพอ แม้ว่าเขาเดินทางเยือนจีนถึงสามครั้งในปีนี้เพื่อส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นทำธุรกิจในตลาดจีนก็ตาม
ที่มา : รอยเตอร์ / เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ / Tom’s Hardware