สำนักงานบริหารมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติจีนแถลงยืนยันว่า ศิลาจารึกที่บันทึกการส่งคณะค้นหาสมุนไพรที่ภูเขาคุนหลุนโดยจักรพรรดิฉินฉื่อหวง (หรือจิ๋นซีฮ่องเต้) ซึ่งเคยเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่นักวิชาการว่าเป็นของปลอมหรือไม่ บัดนี้ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็น "ศิลาจารึกยุคราชวงศ์ฉินของจริงแท้"
ดร.เติ้ง เชา อธิบดีกรมโบราณสถานกล่าวยืนยันในการแถลง ฯ(15 ก.ย.) ว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันมรดกวัฒนธรรมจีนและสถาบันโบราณคดีมณฑลชิงไห่ ทำการวิจัยอย่างถี่ถ้วนรอบด้านแล้ว และยืนยันว่า ศิลาจารึกโบราณที่ถกเถียงกันว่าเป็นของจริงหรือปลอมนั้น เป็นศิลาจารึกที่ตกทอดจากยุคราชวงศ์ฉินจริง
โดยหินที่ใช้จารึกฯเป็นหินทรายควอตซ์ที่มีคุณสมบัติต้านทานการผุกร่อน และตัวอักษรมีร่องรอยแกะสลักด้วยเครื่องมือปากแบนตามแบบของยุคฉิน โดยไม่มีร่องรอยของการใช้เครื่องมือสมัยใหม่เลย นอกจากนี้ศิลาจารึกฯยังมีร่องรอยการสึกกร่อนตามธรรมชาติ และมีแร่ทุติยภูมิสะสมในร่องสลักซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่เชื่อว่าเป็นรัชสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฉิน (221-207 ก่อน ค.ศ.)
อนึ่ง ศิลาจารึกโบราณชิ้นนี้ ถูกค้นพบบนที่ราบสูงจากระดับน้ำทะเล 4,306 เมตร ใกล้ชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบจาหลิง ในเขตมาร์ต๋อ มณฑลชิงไห่ นับเป็นศิลาจารึกยุคราชวงศ์ฉินเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในสถานที่เดิมซึ่งเป็นพื้นที่สูงที่สุดเท่าที่เคยพบในจีน
ศิลามีข้อความทั้งหมด 37 ตัวอักษร แกะเป็น "อักษรฉินจ้วน" โดยมีบางคำยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ข้อความหลักๆ ที่ถอดได้ ได้แก่:
“ในปีที่ 37 แห่งรัชกาลจักรพรรดิ (ฉินฉื่อหวง)... ทรงส่งขุนนางยศอู๋ต้าฟู่ชื่ออี้ นำคณะนักพรต เดินทางไปเก็บสมุนไพรยังเขาคุนหลุน... เดินทางมาถึงบริเวณนี้ในเดือนสาม วันจี๋เม่า... และยังเหลือระยะทางราว 150 ลี้ (ประมาณ 75 กิโลเมตร) ถึงจุดหมาย...”
นักวิชาการบางส่วนก่อนหน้านี้เคยตีความเกี่ยวกับ ช่วงปี ว่าเป็น “ปีที่ 26” (ก่อนสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน) แต่ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งและเห็นพ้องกันว่าเป็น “ปีที่ 37” (ซึ่งปีสุดท้ายก่อนจิ๋นซีฮ่่องเต้สวรรคต) ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกประวัติศาสตร์ที่ระบุว่าจิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มให้ความสำคัญกับการแสวงหา “ยาอายุวัฒนะ” หรือ “สมุนไพรที่ช่วยให้มีชีวิตอมตะ” ในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์
ศิลาจารึกชิ้นนี้ถือว่ามีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ เนื่องจากเป็นหลักฐานทางกายภาพที่ช่วยระบุพิกัดที่ตั้งของ “ขุนเขาคุนหลุน” ที่อ้างถึงในตำนานจีนโบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แหล่งพำนักของเซียน และต้นกำเนิดแม่น้ำสายสำคัญ
ดร.หวัง จิ้นเซียน ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีชิงไห่ กล่าวว่า “ศิลาจารึกนี้บ่งชี้หลักฐานเชิงประจักษ์ว่า บริเวณต้นแม่น้ำเหลืองเป็นจุดหมายปลายทางของคณะจากราชสำนักฉิน ซึ่งเดินทางไปค้นหาสมุนไพรที่จะใช้เป็น "ยาอายุวัฒนะ" ตามพระบัญชาของพระจักรพรรดิ”
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังการเผยแพร่บทความทางวิชาการครั้งแรก หน่วยงานระดับรัฐและท้องถิ่นได้ร่วมกันตั้งศูนย์อำนวยการอนุรักษ์ศิลาจารึกทันที โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกชั่วคราวแม้พื้นที่จะไม่มีน้ำ ไฟ หรือสัญญาณโทรศัพท์ และได้จัดสรรงบประมาณ 988,500 หยวน (ประมาณ 4.6 ล้านบาท) เพื่อดำเนินมาตรการปกป้องฯอย่างเร่งด่วน
ในระยะต่อไป รัฐบาลจะกำหนดให้พื้นที่ค้นพบศิลาจารึกนี้เป็นแหล่งโบราณสถานระดับเขต พร้อมเสนอชื่อเข้าสู่บัญชีรายชื่อ มรดกวัฒนธรรมระดับชาติ ซึ่งระดับเดียวกับกำแพงเมืองจีนหรือสุสานจิ๋นซี
นักโบราณคดีจีนระบุการค้นพบนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเสริมช่องว่างของบันทึกประวัติศาสตร์ ดังต่อไปนี้:
- ศิลานี้เป็นบันทึก “ภาคสนาม” ที่ไม่ปรากฏในเอกสารใดมาก่อน
- ยืนยันกิจกรรมของราชสำนักฉินในดินแดนตะวันตก
- แสดงถึงความพยายามแสวงหาชีวิตอมตะของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้
- ย้ำความสำคัญของต้นน้ำเหลือง แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำสายนี้มีบทบาททั้งด้านศาสนา ความเชื่อ และงานราชการตั้งแต่ยุคโบราณ
- เชื่อมโยงตำนานกับภูมิศาสตร์จริง: ช่วยปลดล็อกปริศนาเกี่ยวกับตำแหน่งของภูเขา “คุนหลุน” ซึ่งมีบทบาททั้งในตำนานจีนและลัทธิเต๋า