xs
xsm
sm
md
lg

จีนจับตาสถานการณ์เนปาล หลังนายกรัฐมนตรีลาออก แต่เหตุจลาจลยังไม่สงบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้ประท้วงเตรียมเผารูปของอดีตนายกรัฐมนตรีของเนปาล ขณะบุกเข้าไปยังบริเวณอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุเมื่อวันจันทร์ ที่ 8 กันยายน 2568 - ภาพ : EPA
เนปาลเป็นชาติพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์และจุดสำคัญในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของรัฐบาลจีน เหตุการณ์ความไม่สงบในดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่า รัฐบาลจีนควรเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะไร้เสถียรภาพ ที่การประท้วงรุนแรงยังขยายลุกลาม แม้นายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี ของเนปาลได้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันอังคาร ( 9 ก.ย. ) แล้วก็ตาม


เหตุการณ์ความไม่สงบในเนปาลปะทุขึ้น หลังจากรัฐบาลสั่งห้ามการใช้สื่อสังคมออน์ไลน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 
โดยต่อมาได้บานปลายเป็นการลุกฮือต่อต้านการทุจริตเมื่อวันจันทร์( 8ก.ย.) นำโดยกลุ่มคนเจนซี (Gen Z ) มุ่งเป้าหมายไปที่พวกนักการเมือง ซึ่งคุมอำนาจจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมานานถึง 10ปี

ก่อนหน้าเหตุจลาจลไม่กี่วัน นายโอลีเพิ่งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) และชมการสวนสนามวันแห่งชัยชนะในกรุงปักกิ่ง


เนื่องจากนายโอลีมีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับจีน หลิน หมินหวัง ศาสตราจารย์และรองคณบดีสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฟู่ตันจึงมองว่า จีนย่อมให้ความสนใจกับสถานการณ์มากขึ้นอย่างแน่นอน


ตามการแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเมื่อวันพุธ ( 10 ก.ย. ) จีนแสดงความหวังว่าทุกภาคส่วนในเนปาลจะสามารถ “จัดการปัญหาภายในประเทศได้อย่างเหมาะสม และฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยทางสังคมและเสถียรภาพของชาติโดยเร็วที่สุด”

 
เนปาลเข้าร่วมโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ( Belt and Road Initiative) ของจีนในปี 2560 แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยมีโครงการสำคัญคือการสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างเขตจีหรงในทิเบตตอนใต้กับกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งยังคงอยู่ในขั้นตอนการวางแผนเบื้องต้น


แน่นอนว่าโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะได้รับผลกระทบ แต่เมื่อความวุ่นวายยุติลง มีเพียงโครงการนี้เท่านั้น ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชาวเนปาล เช่น การมีอาหารเพียงพอและการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลิว จงอี้ นักวิจัยอาวุโสและผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเอเชียใต้แห่งสถาบันการศึกษานานาชาติเซี่ยงไฮ้ระบุ


นอกจากนั้น เขายังสงสัยว่ามี “อำนาจที่ไม่รู้จัก” อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในเนปาลหรือไม่ โดยการบริหารปกครองบ้านเมืองในระดับที่แย่ ปัญหาเศรษฐกิจ และสงครามการค้าสหรัฐฯ ล้วนมีส่วนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นได้

 

นายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลีของเนปาลพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ระหว่างการเยือนจีนเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ 2025 และพิธีรำลึกครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นโดยประชาชนจีนและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก - ภาพ : สื่อจีน
ทั้งนี้ นอกจากเนปาลแล้ว การลุกฮือของประชาชนในการต่อต้านรัฐบาลยังเกิดขึ้นในศรีลังกาและบังคลาเทศในปีที่แล้วและในอินโดนีเซียเมื่อเดือนก่อน

จาง เจียตง ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเอเชียใต้ มหาวิทยาลัยฟู่ตัน
อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเนปาลว่าเป็นผลจาก “ระเบียบภายในใหม่” ( new internal order ) ในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่ง “การตื่นตัวของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ และการเติบโตของโซเชียลมีเดีย ล้วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภูมิภาคนี้ร่วมกัน” ซึ่งรัฐบาลจีนควรให้ความสนใจ

หลินจากมหาวิทยาลัยฟู่ตัน
 ชี้ว่า ภาคสังคมพลเมืองค่อนข้างพัฒนาแล้ว แต่สถาบันของรัฐในชาติภูมิภาคเอเชียใต้ยังคงอ่อนแอ ชาติเหล่านี้จึงมีแนวโน้มเกิดความวุ่นวายทางการเมืองบ่อยครั้ง


อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า แม้ว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้นจะมุ่งเป้าไปที่สถาบันต่างๆ ในประเทศ แต่ก็มิได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูโดยตรงกับรัฐบาลจีนมากนัก ขณะที่รัฐบาลจีนเองก็ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับรัฐบาลชุดใหม่ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง


ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์



กำลังโหลดความคิดเห็น