ในพิธีสวนสนามทางทหารรำลึกวันครบรอบ 80 ปี ชัยชนะของประชาชนจีนในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่จัดแสดงในวันที่ 3 ก.ย.ที่กรุงปักกิ่ง ได้แสดงขบวนพาเหรดอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายละลานตา สำหรับอาวุธที่ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางทหารตกตะลึงอ้าปากค้างกัน คือขีปนาวุธพิสัยยิงไกลข้ามทวีป “ตงเฟิง-61” (东风 61 /DF-61) !
ผู้เชี่ยวชาญชี้ ตงเฟิง-61 คือ “ผู้เปลี่ยนเกม” อย่างแท้จริง
หลายปีก่อน สื่อในสหรัฐฯ รายงานว่าจีนทดลองขีปนาวุธจีนข้ามทวีปผ่านขั้วโลกใต้ ซึ่งทำให้สหรัฐฯถึงกับตะลึงพรึงเพริด เพราะการยิงขีปนาวุธผ่านทางขั้วโลกใต้จะสามารถทะลวงผ่านระบบเตือนภัยล่วงหน้าของสหรัฐฯ ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่า อาวุธลึกลับนั่นคืออะไร
จนกระทั่งในพิธีสวนสนามฯที่ปักกิ่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย. วงการทหารต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นตงเฟิง-61 เผยโฉมครั้งแรกในขบวนของกองกำลังนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์อันทรงแสนยานุภาพ ทางการจีนชี้ว่า กองกำลังขีปนาวุธนิวเคลียร์นี้เสมือน “ไพ่ตัวคิง หรือ “ไพ่ตัวกิน” ที่จะคุ้มครองอธิปไตยและเกียรติภูมิของจีน
สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญวงการทหารแล้ว ชี้ว่า “จ้าวลมตะวันออก” ตงเฟิง-61 คือ “ผู้เปลี่ยนเกม” ในยุทธภพ
“เทคโนโลยีลับสุดยอดขั้นเทพ” ของ ตงเฟิง-61 ทรงอิทธิฤทธ์ใดบ้าง
1. ความสามารถในการโจมตีข้ามขั้วโลก : ทะลุทะลวงระบบป้องกันขีปนาวุธ ข้อมูลในสมุดปกขาวว่าด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนทางอวกาศแห่งจีน ระบุว่า เครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็งรุ่นใหม่ที่จีนพัฒนาขึ้นสามารถแก้ปัญหาคอขวด NEPE-75 ทำให้ตงเฟิง-61 บรรลุพิสัยการยิงไกล 20,000 กิโลเมตร นักวิเคราะห์ทางทหาร หวัง หมิงจื้อ ได้อธิบายในรายการของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งจีน ว่า “ความสามารถในการโจมตีข้ามขั้วโลก” สามารถหลบเลี่ยงเครือข่ายป้องกันขีปนาวุธที่สหรัฐฯสร้างขึ้นในยุโรปและเอเชีย-แปซิฟิก และโจมตีจากขั้วโลกเหนือโดยตรง เท่ากับ เป็นการเลี่ยง “แนวป้องกันมาเจอโนต์” ไปได้อย่างชิลๆ
2. ความสามารถในการเจาะทะลวงแบบฝูงผึ้ง: ทำให้ระบบป้องกันขีปนาวุธไร้ประโยชน์ใด ตงเฟิง-61 สามารถบรรทุกหัวรบที่พุ่งเร็วด้วยความเร็วเหนือเสียงถึง 18 ลูก ซึ่งล้ำกว่าเทคโนโลยีการยิงหัวรบหลายหัวออกไปโจมตีเป้าหมายพร้อมกันแบบทั่วไปที่เรียกว่า MIRV (Multiple Independently Targetable Re-entry Vehicle) โดยหัวรบหลายหัวของตงเฟิง -61 เมื่อถูกยิงออกไปจะสร้าง “เครือข่ายฝูงผึ้ง” ในตอนท้ายของการพุ่งโจมตี จากนั้นหัวรบหลักลูกหนึ่งจะล่อลวงระบบป้องกันขีปนาวุธ ขณะที่หัวรบอีก 17 ลูกจะพุ่งโจมตีด้วยความเร็ว 55 มัค การโจมตีแบบหลายหัวรบเช่นนี้ทำให้ระบบต่อต้านขีปนาวุธทำอะไรแทบไม่ได้เลย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ เคยระบุว่า “เมื่อต้องเจอกับการโจมตีแบบ “อิ่มระบบ” (Saturation Attack) เช่นนี้ อัตราความสำเร็จของระบบสกัดกั้นที่มีอยู่ในตอนนี้มีไม่ถึง 5% และยิ่งถ้าโดนหัวรบมากกว่าสองลูกพุ่งซัดเข้าใส่พร้อมกัน อัตราความสำเร็จในการสกัดกั้นยิ่งต่ำลงอีก
3. ระบบนำร่องด้วยควอนตัม (Quantum Positioning System /QPS) และใช้ เอไอ ปรับเส้นทาง : เล็งเป้าไปที่ไหนก็ไม่เคยพลาด
ในรายงานประจำปี 2024 ของสถาบันทางวิทยาศาสตร์ ระบุว่า จีนได้พัฒนาเทคโนโลยี “การนำร่องด้วยควอนตัม + การปรับเส้นทางด้วย AI” สำเร็จแล้ว นักวิเคราะห์ทางทหารจีน ชี้ว่า “มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า ตงเฟิง-61 ได้นำเทคโนโลยีฯนี้มาใช้แล้ว ทำให้ค่าความคลาดเคลื่อนต่ำกว่า 50 เมตร” ซึ่งเป็นการล้มล้างความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า “อาวุธนิวเคลียร์ใช้ได้แค่การทำลายล้างแบบวงกว้าง” ทว่า เทคโนโลยีฯใหม่ล่าสุดนี้ทำให้อาวุธนิวเคลียร์สามารถโจมตีเป้าหมายในระยะทางที่ไกลมากได้อย่างแม่นยำสูง
การจำลองสถานการณ์สงคราม: ถ้าตงเฟิง 61 ออกศึกในสนามรบเหล่านี้ จะเป็นอย่างไร?
หนึ่ง. สงครามรัสเซีย-ยูเครน ถ้าขีปนาวุธตงเฟิง-61 ออกศึกในสนามรบนี้ องค์การนาโตจะต้องสะพรึงมาก หัวรบนิวเคลียร์ 18 ลูก สามารถเจาะทะลวงระบบป้องปรามทางอากาศของยูเครนได้ใน 30 นาที ซึ่งจะสามารถพลิกสถานการณ์ในสนามรบได้ถึง 80% ตามผลการจำลองของ RAND Corporation
สอง. สงครามตะวันออกกลาง การโจมตีแบบ “อิ่มระบบ” ของตงเฟิง-61 จะทำลายฐานทัพของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง ช่วยย่นระยะเวลาของปฏิบัติการรบ 42 วัน เหลือแค่ 10 วัน เท่านั้น
สาม. สงครามช่องแคบไต้หวัน ตงเฟิง-61 มีพิสัยการยิงโจมตีระยะไกลถึง 20,000 กิโลเมตรครอบคลุมทั่วโลก เมื่อปฏิบัติการร่วมกับขีปนาวุธเหนือเสียงติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ รุ่น ตงเฟิง-17 และเครื่องบินทิ้งระเบิดเทคโนโลยีหลบหลีกเรดาร์ (สเตลท์) รุ่น ฮง -20 (H-20) ก็จะสร้าง “ไตรภาคีร่วมโจมตี” แบบ “พบเป้าหมายเมื่อไรบดขยี้เมื่อนั้น” เพื่อข่มขวัญการแทรกแซงจากภายนอก
การที่จีนนำตงเฟิง-61 ออกมาร่วมเดินพาเหรดในพิธีสวนสนามฯ ไม่ใช่แค่การแสดงอาวุธใหม่รุ่นหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นการประกาศให้ชาวโลกรับทราบทั่วกันว่า กองทัพจีน...จากที่เคย “วิ่งตามหลัง” ตอนนี้ “วิ่งนำหน้า” แล้ว