xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: เมื่อจีนเข้าสู่ "ยุคใครๆก็เป็นไรเดอร์ส่งอาหาร"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สามบริษัทคู่แข่งแพลตฟอร์มส่งอาหาร เหมยถวน จิงตง และ เอ้อเล่อมา  (ภาพจาก เวยปั๋ว)
ร่มฉัตร จันทรานุกูล

ช่วงนี้ผู้เขียนพบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการส่งอาหารของจีน (Food delivery) ที่ว่ากันว่ากลายเป็นอุตสาหกรรมชุมชนอันดับหนึ่งไปแล้ว ที่บอกว่าเป็นอุตสาหกรรมชุมชนเพราะอาชีพนี้กระตุ้นตำแหน่งงานในพื้นที่ โดยจะทำเป็นงานประจำหรือพาร์ทไทม์ก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันภาคบริการส่งอาหารในจีนทำให้ผู้คนประมาณ 40-50 ล้านคนมีรายได้เลี้ยงชีพ จำนวนไรเดอร์ที่ทำงานเต็มเวลาในจีนมีประมาณ 15 ล้านคน ไรเดอร์กลุ่มนี้ส่งอาหารเฉลี่ยวันละ 20 ออเดอร์ ได้ค่าตอบแทนเฉลี่ยออเดอร์ละ 5 หยวนหรือประมาณ 20 กว่าบาท ตกวันละราว 100 หยวนหรือประมาณ 450 บาท รายได้ก็ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง

จุดเด่นของอาชีพนี้คือไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาสูง เลือกเวลาทำงานเองได้ สำหรับหลายคนอาชีพนี้กลายเป็นทางเลือกสุดท้ายให้สามารถพยุงชีวิตต่อไปได้ เช่น บางคนลาออกจากโรงงานมาส่งอาหาร หรือบางคนที่ต้องหาเงินรักษาครอบครัวก็ต้องมาทำงานนี้เสริม แต่ความจริงแล้วงานนี้ไม่ง่ายเลย ไรเดอร์จำนวนมากต้องทำงานวันละกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อให้ทันเวลาทำให้หลายครั้งต้องวิ่งย้อนศร ฝ่าไฟแดง ยิ่งช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเงินอุดหนุนจากแพลตฟอร์มลดลง ถ้าอยากได้เงินเท่าเดิมก็ต้องเพิ่มชั่วโมงวิ่งงาน มีคนบอกว่าอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเหมือนห่วงคาดศีรษะของซุนหงอคงที่บีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ


ในมุมของร้านอาหารดูเหมือนไม่มีทางเลือกมากนัก การเข้าร่วมแพลตฟอร์มส่งอาหารก็เหมือนดาบสองคม ช่วยเพิ่มยอดขายแต่ก็มีปัญหาตามมาเช่น ค่าคอมมิชชันของแพลตฟอร์มสูงเกินไป ทำให้ผู้ค้ากำไรแทบไม่เหลือ อีกทั้งการแข่งขันตัดราคา ทำให้ร้านเล็กๆ ตกอยู่ใน “กับดัก” คือไม่เข้าร่วมก็ไม่มีลูกค้า เข้าร่วมก็แทบไม่มีกำไร เจ้าของร้านเครื่องดื่มในจีนบางคนบ่นว่า “ชานมขายแก้วละ 3 หยวน ทั้งที่ต้นทุน 4 หยวน ธุรกิจเล็กๆ สู้ไม่ไหว”


ตอนนี้ในจีนมี “กระแสใครๆก็ส่งอาหารได้” กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนดูเหมือนว่าจำนวนไรเดอร์จะมีมากกว่าออเดอร์ ไรเดอร์อาชีพรายหนึ่งคือนายจาง ก่อนหน้าแทบไม่เคยกังวลเรื่องงานของตัวเอง แต่ช่วงนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ออเดอร์ที่เมื่อก่อนถูกไรเดอร์เมินอย่างงานที่ต้องส่งระยะทางไกล งานที่ต้องขนของหนัก งานที่ต้องแบกของขึ้นตึก แต่ตอนนี้แค่โผล่มาก็ถูกกดแย่งไปในพริบตา ตัวเขาเองก็ไม่มีทางเลือก ต้องรอระบบสุ่มแจกงานให้

พนักงานบริษัทในจีนหลายคนหลังเลิกงานก็เปลี่ยนชุดมาเป็นไรเดอร์ นักท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เดินทางแบบบุกตะลุยไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆให้ได้มากสุดที่เรียกว่า “สายคอมมานโด” เลิกตามเช็กอินแลนด์มาร์กต่างๆ แต่กลายเป็นไปเที่ยวที่ไหนก็รับออเดอร์ส่งอาหารที่นั่น!   ในสายตาของคนรุ่นใหม่หลายคน งานส่งอาหารไม่ใช่งานต่ำต้อย น่าอาย แต่บางคนมองว่าการส่งอาหารคือรูปแบบใหม่ของการฮีลใจ พร้อมสามารถทำเงินไปได้ด้วย

คนส่งอาหารที่ต้องฝ่าฟันชีวิตในทุกสภาพอากาศ ในภาพ คนส่งของในอูรุมชี มณฑลซินเจียง (แฟ้มภาพจากซินหัว)
นายหลี่ เล่นหุ้นจนเป็นหนี้สินถึงหลายแสนหยวน หันมาเป็นไรเดอร์ส่งอาหารเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาต้องการหาเงินในแบบที่ทำแล้วได้เงินทันที ไม่ใช่การลงทุนลงแรงไปนานแล้วกว่าจะได้เงิน ตัวเขาเองแต่ก่อนเงินเดือน 3,000 หยวน แต่เขาเห็นเพื่อนรอบตัวขับรถหรู มีเงินเยอะ ก็มีความอยากได้บ้างเลยตัดสินใจเข้าตลาดหุ้น โดยเงินลงทุนก็มาจากการแอบเอาบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่ไปจำนอง ได้เงินมา 350,000 หยวนและตั้งใจว่าเมื่อทำกำไรได้ 100,000 หยวนก็จะถอนทุนออกมา เขาลงทุนหมดหน้าตัก แต่ในฐานะมือใหม่และไม่มีความเข้าใจดีพอ ทำให้เงินเขาหายจากตลาดหุ้นไปจนเหลือ 100,000 กว่าหยวน เงินที่เหลือจากตลาดหุ้นก็เอาไปลงตลาดคริปโตต่อ เพราะคิดว่าจะทำให้ได้เงินต้นคืนมาบ้าง ในตลาดคริปโตตอนแรกก็ได้กำไรเป็นพันๆหยวน แต่ไม่กี่วันราคาก็ร่วงไม่หยุด ทำให้เขาตัดสินใจยืมเงินออนไลน์มาโปะหนี้บ้าน จนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขามีหนี้ถึง 600,000 หยวน

เขาไม่กล้าบอกครอบครัว และหันมาดื่มเหล้าขาวกินจนเมาแล้วถึงจะหลับได้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็เจอแต่ข้อความทวงหนี้เต็มหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งดอกเบี้ยบ้านก็ทับถม เขาคิดจะจบชีวิตหลายครั้ง แต่เมื่อนึกถึงครอบครัวเลยเลือกที่จะสู้ชีวิตต่อไป ทำให้ทุกวันนี้เขาส่งอาหารอย่างเอาจริงเอาจัง เที่ยงก็ไม่พัก วันหยุดก็ลุกขึ้นแต่เช้ามืดออกไปส่งทั้งวัน เมื่อเห็นยอดเงินค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ และทยอยใช้หนี้ เปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้เงินเท่าที่มี ความรู้สึกแย่กับชีวิตก็เริ่มหายไป ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้ามากจนไม่เหลือแรงที่จะไปคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายกลับนอนหลับง่ายขึ้นเสียอีก ไม่ต้องพึ่งเหล้าเบียร์อีกต่อไป

ขณะนี้เพื่อนร่วมงานของนายหลี่ในที่ทำงานเก่า 4-5 คนก็เอาอย่างตามมาเป็นไรเดอร์ บ้างทำเพื่อเสริมรายได้ บ้างก็ทำเพื่อได้ออกจากบ้านตอนลูกปิดเทอม สุดท้ายไม่มีใครมองว่างานนี้น่าอายอีกแล้ว การส่งอาหารหารายได้เสริมดูกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนในปัจจุบันไปแล้ว

กรณีของ ไอลี่ หญิงสาวจีนฐานะดีรายหนึ่ง เลือกที่จะทำงานเป็นไรเดอร์ และรู้สึกมีความสุข เธอบอกว่า “การส่งอาหาร ไม่ได้ทำให้ได้แค่ออเดอร์ แต่ยังได้สายตาสงสารจากเจ้าของร้านอาหารหลายคน พวกเขามักมองฉันด้วยแววตาที่น่าสงสารว่า“ทำไมสาวน้อยถึงมาตกอับแบบนี้” แต่ความจริงที่ฉันแต่งตัวโทรมเพราะชุดสวยไม่เหมาะกับการวิ่งส่งอาหาร และเธอไม่มีรถสกู๊ตเตอร์เพราะอยากเดินออกกำลังกายส่งอาหาร” ตัวเธอเองไม่ได้จนตรอกจนไม่มีข้าวกิน ที่บ้านยังมีฐานะ เพียงแต่หลังเรียนจบต้องกินยาต้านซึมเศร้ามานาน เลยไม่เคยทำงานจริงจัง ออกมาอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตวนเวียนหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง นอนตื่นสาย สั่งอาหาร เล่นเกม ชีวิตเธอไม่ถึงกับว่างเปล่าทีเดียวแต่ก็ไร้ความหมาย แต่พอมาเริ่มส่งอาหาร ทุกอย่างเปลี่ยนไป ร่างกายแข็งแรงขึ้น จิตใจก็สดชื่นกว่าเดิม จากที่เคยคิดทุกวันว่า “วันนี้จะทำอะไรดี” ตอนนี้กลายเป็น “ออกไปส่งสักสองสามออเดอร์สิ” โทรศพท์มือถือมีออเดอร์เด้งเข้ามา ทั้งกาแฟของพนักงานออฟฟิศ ทั้งอาหารสดในคอนโดฯที่สั่งมา ระหว่างทางที่รีบส่ง เธอกลับรู้สึกมีพันธะบางอย่างกับใครสักคนบนโลก แม้ลูกค้าจะไม่รู้ แต่สำหรับเธอที่เคยซึมเศร้ามันคือสิ่งสำคัญ เธอเลือกงานส่งอาหารแม้ญาติจะนินทาว่าทำไมถึงไปทำงานแบบนี้ แต่ในมุมของเธอคืองานที่ทำแล้วได้เงินและทำให้ชีวิตมีสีสันก็คืองานที่ดี

กรณีของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 21 ปี ยึดอาชีพส่งอาหารเลี้ยงลูกน้อย บางทีต้องอุ้มลูกขึ้นตึก 7-8 ชั้น แม้ชีวิตลำบากเธอยังมองโลกในแง่ดี  และปฏิเสธความช่วยเหลือจากชาวเน็ตที่รู้เรื่องราวชีวิตเธอจากคลิปสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในโลกโซเชียลจีน (แฟ้มภาพจากสื่อจีน)
นายลี่จือ หลังเลิกงานมาเป็นไรเดอร์ส่งอาหารเพราะจะได้ออกกำลังกายไม่ต้องเสียเงินค่าฟิตเนสหลักพันหยวน มีออเดอร์หนึ่งต้องแบกของหนัก 15 กิโลกรัม ขึ้นไปถึงชั้น 8 ลูกค้ายังเขียนกำกับว่า “รับงานด้วยความระมัดระวัง” งานนี้ค้างอยู่ในระบบนานแต่ไม่มีใครกล้ารับ ตัวเขาจ้องอยู่นาน สุดท้ายก็กดรับ ตัวเขาปกติขึ้นแค่ชั้น 5 ยังหอบแฮก ต้องแบกของหนักขึ้นชั้น 8 คงเหนื่อยน่าดูแต่พอนึกถึงแผนลดน้ำหนักของตัวเองก็ฮึดสู้

เขาบอกกับนักข่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าที่มาส่งอาหารก็เป็นการ “สมัครใจที่จะเจ็บตัว” ปกติเข้างานออฟฟิศเก้าโมงถึงหกโมงเย็นกลับบ้านก็นอนโซฟาดูซีรีส์ เครียดก็จิบชานมหรือกินขนม ไม่ถึงปีน้ำหนักขึ้นเกือบ 10 กิโลกรัม สมัครฟิตเนสแบบรายสามเดือน สัปดาห์แรกไปทุกวัน สัปดาห์สองเริ่มอ้างนั่นนี่ สุดท้ายก็เลิกไป เงินก็สูญเปล่า แต่พอมาส่งอาหารกลับต่างกัน เขายุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงมื้อดึกหรือของหวาน ต้องเดินวันละหมื่นก้าว เหนื่อยจนฟุบหลับทันที ผ่านไปสัปดาห์เดียว น้ำหนักลดไป 2.5 กิโลและยังได้เงินพิเศษอีกด้วย การวิ่งไปวิ่งมาเหมือนเล่นเกมในชีวิตจริง แต่ละออเดอร์คือภารกิจ ทำเสร็จก็เหมือนได้ปลดล็อกด่านใหม่ มีความรู้สึกภูมิใจ และในเกมนี้ เขายังได้เข้าถึงแผนที่ใหม่จากการรับส่งออเดอร์ไปเจอร้านเล็กๆซ่อนอยู่ตามซอย ที่ถ้าไม่ส่งอาหารก็คงไม่เคยเห็น วันหนึ่งส่งต่อเนื่อง 5–6 ชั่วโมง ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเพราะว่าเขาสนุกไปกับมัน

จะเห็นได้ว่าแนวคิดต่อการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในสังคมจีนมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก ก่อนหน้าไม่นานก็มีข่าวดังเรื่องชายจีนจบปริญญาตรีโทเอกในสถาบันการศึกษาระดับโลกแต่กลับจีนแล้วเลือกเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร หลากหลายคนไม่เข้าใจในแนวคิดของเขา แต่เขากลับไม่สนใจและมองว่าตัวเองมีความสุขดีและพอใจในชีวิตที่แบบนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น