เมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนได้ออกคำสั่งให้ศูนย์ข้อมูล หรือdata center ทุกแห่งในประเทศเริ่มใช้หน่วยประมวลผลซึ่งผลิตในจีนให้มากขึ้น นับเป็นความริเริ่มเพื่อให้จีนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่สหรัฐฯ เพิ่มการควบคุมการส่งออกชิปขั้นสูงเข้มงวดตามรายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์
แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องนี้ระบุว่า data center ของรัฐทั่วประเทศได้รับการร้องขอให้จัดหาชิปมากกว่าร้อยละ 50 จากผู้ผลิตในประเทศเพื่อสนับสนุนภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ
คำสั่งดังกล่าวมีจุดกำเนิดมาจากแนวปฏิบัติ ซึ่งเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้เสนอครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วและเกิดขึ้นในช่วงที่ทั่วโลกกำลังมีการลงทุนมหาศาลในด้านศูนย์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการผลิตหน่วยประมวลผล
อินวิเดีย ( Nvidia) และบริษัทอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกามีแผนทุ่มงบประมาณหลายแสนล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและการผลิตชิปในสหรัฐฯ จีนก็เช่นเดียวกัน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนมีการประกาศโครงการสร้าง data center ใหม่ๆ มากมาย หลายโครงการคาดว่าจะใช้หน่วยประมวลผลกราฟฟิก ( GPU ) รุ่นล่าสุดบางรุ่นจากอินวิเดีย และบริษัทอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงให้จีน ซึ่งประเดี๋ยวสหรัฐฯ ประกาศบังคับใช้ ประเดี๋ยวประกาศยกเลิก ประกอบกับความวิตกด้านความมั่นคงของชาติ จีนจึงเล็งผลิตชิปในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ข่าวจีนออกคำสั่งการใช้ชิปในประเทศมีขึ้นตามมา หลังจากมีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจีนกำลังห้ามใช้ผลิตภัณฑ์เช่น ชิป H20 ของอินวิเดีย ซึ่งมีนัยถึงความกังวลด้านความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม นโยบายสนับสนุนให้ data center ใช้ชิปที่ผลิตในประเทศอาจส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในด้านนวัตกรรม AI ของจีน แม้ว่าชิปที่ผลิตในจีนจะมีความสามารถเพียงพอสำหรับการอนุมานด้วย AI แต่ยังไม่มีความสามารถด้านการฝึกได้เทียบเท่า GPU รุ่นล่าสุดของอินวิเดีย และของบริษัทเอเอ็มดี โอกาสที่มีอย่างจำกัดในการเข้าถึงดีไซน์ล่าสุดรวมถึงดีไซน์ในอนาคต อาจฉุดรั้งการสร้างนวัตกรรมของจีนในด้านนี้อย่างรุนแรง GPU ที่ผลิตในจีนยังถือว่าตามหลังการพัฒนาล่าสุดของอินวิเดียอยู่หลายปี
เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานว่า โมเดลเอไอ DeepSeek R2 ทำงานล่าช้า หลังจากถูกฝึกบนชิปของหัวเว่ย ตามคำสั่งของรัฐบาลจีน แทนที่จะฝึกกับฮาร์ดแวร์ของอินวิเดีย
นอกจากนั้น ยังเกิดคำถามว่า ชิปที่ผลิตและพัฒนากันเองภายในประเทศของจีนจะทำงานกับซอฟต์แวร์ใดได้บ้างและจะทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลของอเมริกาที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไร รวมถึงระบบนิเวศ CUDA ที่พัฒนาโดยอินวิเดีย
ทั้งนี้ เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ เป็นหนึ่งในเทศบาลเมืองแรกๆ ของจีนที่ระบุว่า "การนำชิปประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศมาใช้ในศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะของเมืองจะต้องสูงกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568"
แนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเพื่อเสริมสร้างทรัพยากรการประมวลผลAI ในเมืองศูนย์กลางทางการเงินของจีน โดยได้รับการสนับสนุนจากสาขาคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ในนครเซี่ยงไฮ้ และสำนักงานบริหารการสื่อสารเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT)