ก่อนคว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า ถ้าได้หวนคืนทำเนียบขาว เขาจะปลดปล่อย“จิมมี่ ไหล” มหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของอาณาจักรธุรกิจสื่อ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย ออกจากเรือนจำบนเกาะฮ่องกง
“ 100% ผมจะเอาเขาออกมา เขาจะออกมาข้างนอกอย่างง่ายดาย” ทรัมป์ประกาศในการสัมภาษณ์แบบพอดแคสต์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว หลังจากผู้จัดรายการถามว่าเขาจะคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเพื่อขอให้นายไหลเดินทางออกนอกประเทศจีนหรือไม่
ก่อนการเจรจาการค้าระดับเจ้าหน้าที่รอบแรกที่นครเจนีวาในเดือนพฤษภาคมเพียงไม่กี่วัน ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า สหรัฐฯจะเจรจาการค้ากับจีนโดยนำกรณีของนายไหลมาหารือด้วย
เจ้าพ่อสื่อวัย 77 ถูกขังคุกมานานกว่า 4 ปีหลังจากถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ และข้อหากบฏ เป็นความผิดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลจีนบังคับใช้กับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเมื่อปี 2563 แต่จำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
การพิพากษาชะตากรรมของนายไหลใกล้เข้ามา เมื่อศาลฮ่องกงมีกำหนดเริ่มพิจารณาคำแถลงปิดคดีจากทั้งฝ่ายจำเลยและอัยการในวันพฤหัสบดี ( 14 ส.ค. ) ไล่เลี่ยกับที่ทรัมป์เพิ่งขยายเวลาสงบศึกภาษีกับจีนต่อไปอีก 90 วันเมื่อวันอังคาร ( 12 ส.ค.) เพื่อให้เวลาทั้งสองฝ่ายหาทางยุติข้อพิพาทการค้า
ทรัมป์ยังลดท่าทีแข็งกร้าวกับจีน เช่น ยกเลิกการห้ามขายชิป H20 ของบริษัทอินวิเดียแก่จีน และแสดงความกระตือรือร้นที่จะไปเยือนจีนเต็มที่ ถ้าสีจิ้นผิงส่งเทียบเชิญ
แต่ทรัมป์จะช่วยเหลือนายไหลตามคำมั่นสัญญาได้หรือไม่ ?
ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนหลายคนไม่แน่ใจ เมื่อดูสไตล์การทำงานของทรัมป์ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ไม่อาจคาดเดาได้ของเขา
อวิ้น ซุน ผู้อำนวยการโครงการจีนของสถาบันวิจัยสติมสันเซ็นเตอร์ในกรุงวอชิงตันอดสงสัยไม่ได้ว่า จีนจะเต็มใจทำข้อตกลงหรือไม่ เพราะนายไหลไม่ใช่คนอเมริกัน เขาเป็นคนฮ่องกงเชื้อสายจีนที่ถือสัญชาติอังกฤษ อีกทั้งคดีของนายไหลก็เป็นจุดสนใจของผู้คน
“ทรัมป์จะกดดันสีจิ้นผิงมากแค่ไหนเพื่อให้บรรลุข้อตกลงนี้ ยากที่จะบอกได้ เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ มีเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเรื่องของจิมมี่ ไหลอยู่อีกมากมาย ” ฌอง-ปิแอร์ กาเบสต็อง นักวิจัยอาวุโสของสถาบันคลังสมองเอเชียเซ็นเตอร์ในกรุงปารีสให้ความเห็น
“แต่คำถามสำคัญคือ สีจิ้นผิงจะยอมรับข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช่นนี้หรือไม่” เขาทิ้งท้าย
แน่นอนว่า สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันและรัฐบาลฮ่องกงได้ออกมาคัดค้านความเคลื่อนไหวของผู้นำสหรัฐฯ โดยมองว่า เป็นการใช้คดีความทางกฎหมายมาเป็นข้ออ้างในการแทรกแซงกิจการภายในของจีน หรือเพื่อใส่ร้ายและบ่อนทำลายหลักนิติธรรมของฮ่องกง
ข้อมูล : ซีเอ็นเอ็น