แผนรับมือฉุกเฉินและความต้องการในประเทศที่แข็งแกร่ง ทำให้ SMIC บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของจีน ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากนโยบายภาษีทรัมป์
นาย จ้าว ไห่จวิ้นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ( Co-CEO ) ของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น หรือ SMIC กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์หลังการรายงานผลประกอบการเมื่อวันศุกร์ ( 8 ส.ค.) ว่า บริษัทมิได้มีการปรึกษาหารือกับลูกค้าเกี่ยวกับแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิป 100%ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ก็คาดว่านโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบน้อยกว่าที่บริษัทเคยวิตกในตอนแรก เนื่องจากมีการจัดทำแผนฉุกเฉินไว้แล้ว หลังจากทรัมป์เคยประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 145 % เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งผ่านมาไม่กี่เดือน ขณะนี้ทุกคนก็มีสินค้าคงคลังเพียงพอสำหรับปีนี้และปีหน้าหรือไม่ก็หาซัปพลายเออร์รายอื่นได้
ภาษีรอบที่ผ่านมาทำให้ต้นทุนสำหรับลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นไม่ถึง10% เขากล่าว
นอกจากนั้น นายจ้าวยังระบุด้วยว่า กำลังการผลิตของบริษัทยังคงไม่เพียงพอและจะยังคงตึงตัวจนถึงเดือนตุลาคม เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งในจีนสำหรับชิปอะนาล็อก ชิป WiFi และอีเทอร์เน็ต และชิปตัวควบคุมสำหรับหน่วยความจำ
เมื่อวันพุธ ( 6 ส.ค.) ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์นำเข้าประมาณ100% ยกเว้นบริษัทที่ดำเนินการผลิตในสหรัฐฯ หรือให้คำมั่นว่าจะเข้ามาผลิต
สำหรับ SMIC ไม่มีโรงงานผลิตในสหรัฐฯ นอกจากนั้น ยังถูกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในปี 2563 อย่างไรก็ตาม SMIC มีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในจีน ซึ่งมีส่วนสนับสนุนรายได้ถึง 84% ในไตรมาสที่สอง เท่ากับไตรมาสแรก ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ มีส่วนสนับสนุนรายได้ 12.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 12.6%
SMIC จัดส่งเวเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 2,400,000 แผ่นในไตรมาสที่สอง ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.3% จากไตรมาสก่อนหน้า
รายได้ไตรมาสที่สองของ SMIC เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของ LSEG
SMIC ยังคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาสที่สามจะเติบโต 5-7% จากไตรมาสที่สอง
ที่มา : รอยเตอร์