ผู้ผลิตจีนรีบตักตวงโอกาสให้ได้มากที่สุดในช่วงพักรบสงครามภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ส่งผลให้ยอดส่งออกแดนมังกรเมื่อเดือนที่แล้วพุ่งทะลุการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไปยังชาติกลุ่มอาเซียน ก่อนที่สินค้าสวมสิทธิ์จะถูกมาตรการภาษีทรัมป์เล่นงาน
ตามข้อมูลของสำนักงานศุลกากรจีนเมื่อวันพฤหัสบดี ( 7 ส.ค.) ยอดส่งออกของจีนในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของรอยเตอร์ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 5.4 นอกจากนั้น การส่งออกยังเร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับยอดการส่งออกที่ร้อยละ 5.8 ในเดือนมิถุนายน
ยอดการส่งออกไปสหรัฐฯลดลงร้อยละ 21.67 แต่ยอดการส่งออกไปชาติกลุ่มอาเซียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.59 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนยอดการนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ที่ร้อยละ 1.0 และไต่ระดับขึ้นจากร้อยละ 1.1 ในเดือนมิถุนายน แสดงถึงการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่ปรับปรุงดีขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของรัฐบาลจีน
ข้อมูลการค้าดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยนอกจากเป็นทางผ่านของสินค้าสวมสิทธิ์จากจีนแล้ว อาเซียนยังนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนจากจีนก่อนที่จะส่งสินค้าที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยไปยังสหรัฐฯ อีกด้วย และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์พยายามหาทางหยุดยั้งวิธีหลีกเลี่ยงภาษีเหล่านี้ ซู่ เทียนเฉิน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ( Economist Intelligence Unit ) ระบุ
เวลาของการพักรบจะหมดลงในสัปดาห์หน้า ผู้ค้าและนักลงทุนกำลังลุ้นว่าชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกทั้งสองจะทำข้อตกลงการค้าที่ยั่งยืนกันได้ภายในวันที่ 12 สิงหาคมหรือไม่ หรือว่าห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะกลับมาเผชิญกับภาษีนำเข้าทรัมป์ที่สูงเกินร้อยละ100 อีกครั้ง
ที่มา : รอยเตอร์