ตุ๊กตาลาบูบู้ (Labubu) ของ Pop Mart กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ในเกาหลีใต้ ด้วยกระแสความนิยมที่รุนแรงถึงขั้นทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทในร้านค้า
เหตุการณ์แย่งซื้อตุ๊กตาลาบูบู้ที่หน้าร้านสาขาในเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ Pop Mart ประกาศแจ้งการระงับการขายหน้าร้านทั้งหมดในเกาหลีใต้ชั่วคราว หลังมีเหตุชุลมุนหลายครั้งจากผู้ที่มาเข้าแถวตั้งแต่เช้า และเกิดการปะทะกันในแถวเพื่อแย่งสิทธิ์ซื้อสินค้า
ลูกค้าที่จะซื้อพวงกุญแจ Labubu ต้องมีตั๋วจองล่วงหน้าผ่านระบบสุ่มออนไลน์เท่านั้นถึงจะซื้อได้ ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าทั่วไปไม่สามารถซื้อสินค้าหน้าร้านได้ แม้จะมายืนรอเปิดร้านก็ตาม
Labubu เป็นผลงานของศิลปินนักออกแบบชาวเบลเยี่ยมผู้ถือกำเนิดในฮ่องกง “Kasing Lung” (龙家升) ต่อมาผู้ออกแบบตุ๊กตาได้เซ็นสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิโดยเด็ดขาด
(Exclusive Licensing Agreement) กับบริษัทจีนคือ Pop Mart เป็นแบรนด์สินค้าวัฒนธรรมและบันเทิงของจีน
แม้ในตอนแรกหลายคนมองว่าตุ๊กตานี้ “หน้าตาน่าเกลียด” ด้วยรูปลักษณ์ตัวขนฟู ดวงตากลมโต ยิ้มแสยะฟันแหลม แต่เมื่อคนดังระดับโลกอย่าง Lisa และ Rose แห่งวง Blackpink Rihanna และ Kim Kardashian ห้อย Labubu ติดกระเป๋า กลับทำให้กระแสเปลี่ยนทันตา
พวงกุญแจ “Labubu The Monsters Highlight Series Loyalty”ซึ่งมีราคาหน้าร้าน 21,000 วอน (ประมาณ 570 บาท) ถูกขายต่อในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ราคา 163,000 วอน (ราว 4,400 บาท)
นอกจากนี้ ยังมี Labubu รุ่นพิเศษอีกหลายแบบที่ทำราคาพุ่งสูงกว่าเดิมหลายเท่า เช่น ตุ๊กตา Labubu รุ่น “Wings of Fantasy” ที่ราคาสูงถึง 1.3 ล้านวอน (ประมาณ 35,000 บาท) และมูลค่าปัจจุบันในตลาดก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเกิน 1.5 ล้านวอน (ราว 40,000 บาท)
ปริมาณการซื้อขาย Labubu บนแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมอย่าง Kream ของ Naver ในเดือนมิถุนายนพุ่งขึ้น 121% จากเดือนก่อน และสูงกว่าปีก่อนถึง 7,711%
กลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z และมิลเลนเนียล เป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักที่หลงใหลใน Labubu ขณะที่ Pop Mart ใช้กลยุทธ์ “Blind Box” คือขายสินค้าที่ไม่รู้ว่าภายในกล่องเป็นรุ่นไหน จนกว่าจะเปิดกล่องออกมาดู ซึ่งยิ่งกระตุ้นความอยากสะสมและทำให้ตลาดเต็มไปด้วยวิดีโอ “แกะกล่อง” บน Instagram และโซเชียลอื่น ๆ
หลังจากเข้าสู่ตลาดเกาหลีใต้ในปี 2020 รายได้ของ Pop Mart ในปี 2024 พุ่งถึง 34.8 พันล้านวอน (ราว 930 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 264% จากปี 2023 ที่มีรายได้ 9.5 พันล้านวอน
ที่มาข่าว: South China Morning Post/ สื่อจีน
