ชิป H100 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟฟิก(GPU) รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและ GPU รุ่นก่อนหน้าคือ A100 ของบริษัทอินวิเดีย ( Nvidia ) ถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สั่งห้ามขายให้จีน มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 เพื่อหยุดยั้งไม่ให้พญามังกรสามารถพัฒนาเทคโนโลยี ก้าวหน้าจนถึงขั้นนำไปใช้ในกองทัพได้
ถ้าว่ากันในทางทฤษฎีแล้ว ด้วยมาตรการจำกัดการจำหน่ายดังกล่าวย่อมไม่มีชิปทั้งสองรุ่นนี้อยู่บนแดนมังกร
แต่ในชีวิตจริงนั้น ปรากฏว่า ขณะนี้มีบริษัทเล็กๆ ประมาณสิบกว่าแห่งเปิดให้บริการรับซ่อมชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI ) ขั้นสูงของอินวิเดีย โดยรับซ่อม GPU H100 และGPU A100 เป็นหลัก ตามการเปิดเผยของบริษัทที่เปิดให้บริการรับซ่อม 2 แห่งในเมืองเซินเจิ้น
“ความต้องการซ่อมแซมมีมากจริงๆครับ” เจ้าของบริษัทหนึ่งในสองแห่งนี้เล่า เขาเป็นเจ้าของบริษัทร่วมกับเพื่อน รับซ่อม GPU สำหรับเล่นเกมของอินวิเดียมากว่า 15 ปี และเริ่มจับงานชิป AI ในช่วงปลายปี 2567 โดยคิดค่าซ่อมตั้งแต่10,000 - 20,000 หยวน (45300 - 90,600 บาท) ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา
ธุรกิจรุ่งจนต้องเปิดบริษัทใหม่รองรับลูกค้า โดยปัจจุบันสามารถซ่อมชิป AI ของอินวิเดียได้มากถึงเดือนละ 500 ตัว บริษัทมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นห้องที่สามารถรองรับเซิร์ฟเวอร์ได้ 256 ตัว ซึ่งมีการตรวจสอบความถูกต้องในการซ่อมแซม ตามที่แสดงในโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า GPU รุ่น H100 และ A100 จำนวนหนึ่งในจีนได้ประมวลผลข้อมูลอย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว ส่งผลให้อัตราความล้มเหลวเพิ่มสูงขึ้น โดยทั่วไป GPU ของอินวิเดีย จะมีอายุการใช้งาน 2-5 ปี
ธุรกิจรับซ่อมชิปของอินวิเดียที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีนมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ทำให้ข้อสงสัยที่ว่ามีการลักลอบนำเข้าชิปเซ็ตขั้นสูงของอินวิเดียจำนวนมากยิ่งหนักแน่น และชัดเจนว่า GPU ขั้นสูงของอินวิเดียสัญชาติอเมริกันยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก แม้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่จากหัวเว่ยออกมาแข่งขันก็ตาม
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายของสมาชิกรัฐสภาทั้งจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้มีการติดตามชิปเซ็ต เพื่อสามารถตรวจสอบได้ว่า หลังการจำหน่ายแล้ว ชิปเซ็ตไปอยู่ที่ไหน
Nvidia เพิ่งได้รับอนุญาตให้กลับมาจำหน่ายชิปAI รุ่น H20 อีกครั้ง เป็นรุ่นที่พัฒนาโดยเฉพาะสำหรับจีนเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการจำกัดของสหรัฐฯ แต่การเปลี่ยนมาใช้ชิปรุ่นนี้ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายหรือดีสำหรับบริษัทในจีนเสมอไป
ปัญหาอยู่ที่เรื่องของราคา โดยเซิร์ฟเวอร์ H20 เครื่องหนึ่งพร้อมกับGPU 8 ตัวน่าจะมีราคาสูงกว่า 1 ล้านหยวน ( 4,530,000 บาท)
นอกจากนั้น แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมยังชี้ว่า ชิปH20 ซึ่งมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลลงในหน่วยความจำ ( memory bandwidth) เพิ่มขึ้น ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงานการอนุมานด้วยเอไอ แต่บริษัทเกี่ยวกับการฝึกฝนโมเดลภาษาขนาดใหญ่น่าจะต้องการชิป H100 ซึ่งเหมาะสมกับงานมากกว่า
แม้โฆษกของอินวิเดียจะบอกว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นทั้งทางเทคนิคและทางเศรษฐกิจ เพราะไม่มีการรับรองคุณภาพของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการสนับสนุนทางเทคนิคต่าง ๆ แต่การลักลอบนำเข้าชิปอินวิเดียระดับไฮเอนด์ยังคงดำเนินต่อไป
ผู้ค้าชิปในจีนเปิดเผยว่าความต้องการของลูกค้ากำลังเปลี่ยนไปเป็นชิป B200 ด้วยซ้ำ ชิประดับท็อปนี้ อินวิเดียเริ่มจัดส่งไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยจำนวนที่มากขึ้นในปีนี้ โดยเซิร์ฟเวอร์ที่มี GPU B200 8 ตัวมีราคาสูงกว่า 3 ล้านหยวน ( 13,590,000 บาท) ในประเทศจีน
ที่มา : รอยเตอร์